ตอนที่ 183 หยกเขียวน้ําหมึก

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิวหยิงหยิงจึงได้แต่ยิ้มออกมา พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเฉลียวฉลาด “ในเมื่อคุณชายหลินมั่นใจเช่นนั้น ฉันรับปากว่าจะไม่ขัดอีก!”

หลินหนานพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะคิกคัก แล้วจึงตอบกลับไปว่า “ผมจะจดจําความช่วยเหลือครั้งนี้ของคุณไว้ แล้วจะตอบแทนกลับในวันหลัง”

คําพูดสั้นๆ แต่ช่างมีพลังหนักแน่น!

และใครที่คุ้นเคยกับหลินหนานดีจะรู้ว่า คนอย่างเขานั้นไม่เคยยอมที่จะให้คํามั่นสัญญากับใครง่ายๆ แต่หากเขารับปากไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องนั้นจะยากเย็นแสนเข็ญสักเท่าไร เขาก็จะทําตามที่ได้ลั่นวาจาไว้เสมอ แม้จะต้องบุกน้ําลุยไฟก็ตาม

“ไม่ต้องห่วงคุณชายหลิน เพราะถ้าคุณเบี้ยวไม่ทําตามสัญญา รับรองว่าฉันตามทวงอย่างไม่เกรงใจแน่!” หลิวหยิงหยิงตอบกลับด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก

ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่าสองแสน ก็คุ้มค่ามากแล้วสําหรับคําสัญญาจากปากผู้มีวรยุทธระดับปรมาจารย์เช่นนี้!

หากนี่คือการทําธุรกิจ แน่นอนว่าฝ่ายที่จะได้รับผลกําไรในวันข้างหน้า ก็คือตัวเธอเองอย่างแน่นอน!

“ไอ้บ้านั่นหัวสมองของมันมีแต่ขี้เลื่อยหรือยังไง? หยกหักๆไม่ใครอยากจะประมูล แต่หมอนั่นทําราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ําค่า คิดไปคิดมา.. ฉันไม่น่าเสียเวลาไปโมโหคนที่ทั้งโง่ทั้งบ้าแบบมันเลยจริงๆ!”

ถึงจินซึ่งได้แต่นึกเย้ยหยันและดูถูกหลินหนาน หลังจากที่เห็นเขาประมูลหยกเขียวน้ําหมึกชิ้นนั้น

“คนอาศัยอยู่ในสลัมแบบนั้นจะไปมีความรู้อะไร! เฮ้อ.. แต่ที่น่าเศร้าคือเราต้องประมูลหยกหักๆแข่งกับหมอนี่จริงๆน่ะเหรอ?” หวังชางหยางตอบกลับหน้าเศร้า

ถังจินซ่งถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจนัก “นี่นายหมายความว่ายังไง? จะให้ฉันประมูลหยกบ้าๆนั่นน่ะเหรอ? ไม่มีทาง ขึ้นทําฉันก็คงเสียหน้าแย่!”

หวังชายหยางได้แต่ส่ายหน้าไปมา พร้อมตอบถึงจินซ่งกลับไปว่า “ต่อให้เป็นหยกหักๆไร้ราคา แต่ในเมื่อหลินหนานมันประมูล พวกเราก็ต้องก็ต้องประมูลแข่งอยู่ดี อย่าลืมว่านี่เป็นคําสั่งของคุณชายหลี่!”

หลังจากที่ได้ฟังคําเตือนของหวังชางหยาง ถึงจินซ่งก็รีบตอบกลับไปทันที “นั่นสินะ.. นี่ถ้านายไม่เตือน ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย! ช่างเถอะ! ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่าสองแสนหยวน หลังจากประมูลมาแล้วฉันก็จะเอามันไปโยนทิ้ง ดีกว่าให้ไอ้สวะนั่นได้ไป!”

จากนั้น ถึงจินซ่งก็ยกป้ายประมูลในมือขึ้น พร้อมกับประกาศเสียงดัง “ผมให้ราคาสองแสนเก้าหมื่น แล้วก็นําหยกหักๆนั่นมาให้ผมได้แล้ว!”

หลังจากที่ถังจินซ่งเสนอราคามา หลินหนานก็ถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตะโกนออกไปว่า

“สี่แสน!”

“ห้ะ? เกือบจะครึ่งล้านเชียวนะ!”

ส่วนถังจินซ่งนั้นแทบไม่ต้องคิด เขาร้องตะโกนสวนขึ้นมาทันที “ห้าแสน!”

เขาต้องการแสดงให้หลินหนานรู้ว่า คนอย่างหลินหนานไม่มีทางสู้เขาได้ในเรื่องของกําลังอํานาจเงิน!

“เถ้าแก่หลิว.. ผมจะเสนอราคาหนึ่งล้าน ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะจ่ายเงิน ผมจะใช้เงินของผมเอง!”

หลินหนานยังไม่ประกาศราคาที่คิดไว้ในทันที แต่กลับก้มลงไปกระซิบถามความเห็นของหลิวหยิ่งหยิงเสียก่อน

“เชิญคุณชายหลินตามสบาย! อยากจะเสนอราคาเท่าไหร่ก็ทําได้เลย อย่าว่าแต่หนึ่งล้าน ต่อให้สิบล้านฉันก็มีปัญญาจ่าย!”

ในเมื่อตัดสินใจที่จะให้หลินหนานติดหนี้ตนเองเช่นนี้ ยิ่งเป็นเงินจํานวนมากเท่าไหร่ หนี้ทางใจก็ยิ่งมีน้ําหนักมากขึ้นตามไปด้วย!

ที่สําคัญ.. การจะเชิญปรมาจารย์สักคนในประเทศนี้ให้มาช่วยงาน มีเงินอย่างเดียวยังไม่สามารถทําได้ ฉะนั้นแล้ว ต่อให้ต้องเสียเงินมากเท่าไหร่ หลิวหยิงหญิงก็ยินดีและเต็มใจ

หลังจากที่ได้ฟังคําตอบของหลิวหยิงหยิง หลินหนานจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขายกป้ายประมูลในมือขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร้องตะโกนบอกไปด้วยเสียงที่ดังฟังชัด

“สองล้าน! ถ้านายมีปัญญา ก็ประมูลแข่งกับฉันได้!”

“นี่แกคิดว่าฉันไม่กล้างั้นเหรอ? เงินแค่สองล้าน กระจอก!”

“ผมให้..”

แต่ในระหว่างที่ถึงจินซึ่งกําลังจะเสนอราคานั้น หลี่เฉวียนยู่ก็รีบห้ามไว้เสียก่อน “เดี๋ยวก่อนคุณชายถัง! ฉันรู้สึกว่านี่เป็นแผนของหลินหนาน คล้ายกับว่ามันตั้งใจขุดหลุมพรางหลอกล่อให้เรากระโดดลงไป ต่อให้หมอนั่นไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงของหยกเขียวน้ําหมึก แต่หลิวหยิงหยิงควรจะต้องรู้! แต่การที่เธอปล่อยให้หลินหนานเสนอราคาแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจต้องการหลอกพวกเราก็ได้!”

ส่วนหวังชางหยางที่ทําหน้าที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของถังจินซ่งนั้น หลังจากได้ฟังคําวิเคราะห์ของหลี่เฉวียนยู่ ก็รีบพูดขึ้นมาบ้าง

“นั่นน่ะสิ! นี่อาจจะเป็นหลุมพรางจริงๆ นี่ถ้าคุณชายหลี่ไม่เตือนสติ พวกเราคงกระโดดลงไปแล้วแน่ๆ!”

“แค่หยกหักๆชิ้นเดียว ถ้าหมอนั่นอยากจะได้ ก็ให้มันไป! แต่มันคงต้องโมโหจนกระอักเลือดตายแน่ๆที่พวกเรารู้ทัน และไม่หลงกลมัน ทําให้มันต้องเสียเงินถึงสองล้านหยวน แต่กลับได้หยกหักๆไปหนึ่งชิ้น!”

ร้อยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถึงจินซ่ง เขาค่อยๆลดป้ายหยกในมือที่กําลังจะชูขึ้นนั้นลงทันที จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลินหนานว่า

“หลินหนาน แกอย่าคิดหลอกคนอย่างฉันได้เลย! นี่แกคิดว่าฉันจะโง่ถึงขนาดยอมจ่ายเงินมากกว่าสองล้านหยวน เพื่อประมูลหยกหักๆชิ้นนี้ไปจริงๆน่ะเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้.. เรื่องโง่ๆแบบนี้ คงจะมีแต่แกเท่านั้นล่ะที่ทําได้!”

“นี่คุณชายถัง! อย่ารีบร้อนใช้อารมณ์ตัดสินนัก ฉันก็จะบอกอะไรนายให้ หยกชิ้นนี้นับเป็นสมบัติที่ล้ําค่ามาก เสียเงินแค่สองล้านหยวนเพื่อให้ได้มา นับว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม!” หลินหนานตอบโต้กลับไปพร้อมกับยิ้มยั่ว

“เชอะ! ทําเป็นคุยโอ้อวด แท้ที่จริงภายในใจกลับกําลังร้องไห้สินะ! ถ้าเป็นสมบัติล้ําค่าอย่างที่แกพูดจริงๆ ทําไมคนในห้องนี้ไม่เห็นมีใครอยากจะได้เลยสักคน?” หวังชางหยางเย้ยหยัน

“นี่คุณชายหวัง อย่าไปซ้ําเติมหลินหนานเลย! เฮ้อ.. แค่เถ้าแก่หลิวต้องควักเงินสองล้านหยวนจ่ายค่าหยกหักๆชิ้นนี้ ก็คงแทบกระอักเลือดแล้วล่ะ!”

ถังจินซ่งจงใจเย้ยหยันหลิวหยิงหยิง พร้อมกับปรายตามองไปทางหญิงสาว และเวลานี้ สีหน้าท่าทางของเขานั้น ทั้งหยิ่งผยองแล้วก็อวดดีอย่างที่สุด ราวกับจะประกาศกร้าวว่า นี่เป็นการตบหน้าสั่งสอน!

หลินหนานและหลิวหยิงหยิงคร้านที่จะใส่ใจถึงจินซ่ง เวลานี้ ทั้งคู่กําลังจ้องมองพิธีกรชายบนเวทีที่กําลังเคาะค้อนนับหนึ่ง หลินหนานเริ่มรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างมาก เขาอดที่จะกังวลไม่ได้ว่า ถึงจินซ่งซึ่งเป็นทายาทของตระกูลถังที่ร่ํารวย จะทําตัวเป็นหมาบ้ากัดเขาไม่ยอมปล่อยเพราะความแค้น

แต่ในระหว่างที่หลินหนานกําลังรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกนั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น

“เดี๋ยวก่อน! ผมให้สามล้าน!”

หลินหนานรีบหันไปมอง และพบว่าเป็นหลี่เฉวียนยู่ที่กําลังลุกขึ้นยืน เขาถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่า

“หมอนี่คงจะไม่ยอมง่ายๆแน่!”

“ผมเห็นว่าคุณชายหลินดูเหมือนจะสนอกสนใจหยกเขียวน้ําหมึกชิ้นนี้มาก ก็เลยนึกสนุกอยากจะร่วมประมูลแข่งกับคุณชายหลินดูบ้าง อีกอย่าง.. หยกที่สามารถรักษามะเร็งได้ ก็น่าจะเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ!”

“ถ้าคุณชายหลี่คิดแบบนั้น ก็เชิญประมูลหยกนี้ไปได้เลย! เพราะยังไงผมก็ยังขอยืนยันว่า ต่อให้คุณซื้อหยกนี่ไปในราคาสามล้านหยวน ก็ไม่สูญเงินเปล่าอยู่ดี!”

หลินหนานที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนมุ่งมั่นจะต้องประมูลหยกชิ้นนี้ให้ได้ แต่จู่ๆกลับยอมรามือง่ายๆ หลังจากที่ หลีเฉวียนยู่ประกาศประมูลแข่ง

“หลินหนาน นี่นายหมายความว่ายังไง?

เมื่อเห็นหลินหนานหยุดประมูลไปเฉยๆแบบนี้ หลี่เฉวียนยู่ก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที พร้อมกับร้องตะโกนออกไปด้วยความโกรธ

เดิมที่เขาคิดว่านี่คงเป็นหลุมพรางของหลินหนาน แต่หลังจากได้ฟังคําพูดที่หลินหนานบอกกับถังจินซ่ง เขาจึงเริ่มมีจิตใจโอนเอนสังเกตเห็นความพิเศษของหยกชิ้นนั้น

แต่เวลานี้ เขากลับรู้สึกว่าตนเองกําลังถูกหลินหนานหลอก!

หลินหนานนั่งไขว่ห้าง และตอบกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “นี่นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? เฮ้อ.. นายนี่มันเข้าใจอะไรยากจริง! ฉันก็หลอกนายยังไงล่ะ! แม้แต่คนโง่อย่างหวังชางหยางกับถังจินซึ่งยังมองออก แต่นายกลับมองไม่ออก นี่ฉันเริ่มสงสัยในไอคิวของนายแล้วสินะ!”

“นี่แก…”

หลังจากได้ฟังคําพูดของหลินหนาน หลี่เฉวียนก็โกรธจนแทบกระอักเลือด!

ฉันคิดอุตส่าห์ดีใจว่าได้พบสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้จริงๆซะอีก แต่นี่ฉันกลับตกหลุมพรางของแกงั้นเหรอ?!

ไอ้หลินหนาน!!

ไอ้คนสารเลว!

แต่เมื่อหลินหนานเหลือบมองหยกเขียวน้ําหมึกอีกครั้ง ร่างกายของเขาก็ถึงกับแข็งที่อ ประกายแสงสีทองปรากฏขึ้นวูบหนึ่งในดวงตาของเขา

หยกเขียวน้ําหมึกนี้แปลกมากจริงๆ!

แม้ภายในใจจะรู้สึกตื่นเต้นมากเพียงใด แต่หลินหนานก็จําต้องกดข่มไว้ไม่แสดงออกมา เขาได้แต่ยืนมองแผ่นหยกนั้น พร้อมกับรําพึงรําพันอยู่ในใจ

นั่นเพราะทันทีที่หยกชิ้นนี้ถูกนําขึ้นมาวางบนเวทีประมูล พลังปราณของเขาก็เริ่มหมุนเวียนไปทั่วร่างได้เอง และหากเขาไม่พยายามควบคุมพลังปราณภายในร่างไว้ รับรองได้ว่าเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เวลานี้คงต้องหักเป็นเสี่ยงแน่!

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่หลินหนานก็มั่นใจว่า หยกเขียวน้ําหมึกชิ้นนี้ต้องไม่ใช่หยกธรรมดาทั่วไป

และต้องเป็นสมบัติล้ําค่าที่ไม่อาจประเมินเป็นตัวเงินได้