บทที่ 126 ข้าคือเทพเจ้าแห่งการพนัน!(ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 126 ข้าคือเทพเจ้าแห่งการพนัน!(ปลาย)

หลังจากที่เขาพูดจบ จู่ ๆ ฝีเท้าก็ดังขึ้นจากข้างนอก จากนั้นต่อเพียงชั่วอึดใจสมาชิกสำนักก็ รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับสีหน้าอันตื่นตระหนก “เจ้าสำนัก ละ…เลว…!”

สีหน้าของ เหมยเชาฟง เปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที “เจ้าเรียกใครว่าเลว? ตบหน้าตัวเองเดี๋ยวนี้!”

สมาชิกสำนักตกตะลึงแต่ด้วยความเกรงกลัวเหมยเชาฟง เขาจึงคุกเข่าลงทันทีและตบตัวหน้าตัวเองอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการประท้วงใด ๆ

ในขณะเดียวกัน เหมยเชาฟง หยิบถ้วยน้ำชาของเขาขึ้นมาแล้วเป่าเบา ๆ “จำไว้ว่าอย่าเสียมารยาทแบบนี้อีกรอบกับข้าในอนาคต!”

“ระ รับทราบ…” สมาชิกสำนักรู้สึกขัดแย้ง แต่เขาไม่กล้าหักล้างคำพูดของเจ้าสำนัก

เหมยเชาฟงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นเขาถามกลับ “พูดมา เกิดอะไรขึ้น”

ในที่สุดสมาชิกสำนักก็เริ่มรายงานปัญหาที่เกิดขึ้น “จำนวนเงินที่เสียไปตอนนี้คือ 50,000 ตำลึงเงินแล้วท่านเจ้าสำนัก!”

“50,000?” เหมยเชาฟงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ถึงแม้ว่าจำนวนนี้มันจะมันไม่ได้มากอย่าง ที่เขาจินตนาการไว้ แต่ดอกบ๊วยเจ็ดยังทำได้ดีในครั้งนี้ เพราะต้องรู้ว่าตอนนี้ ซูอัน มีคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่คอยเฝ้าดูอยู่ “50,000 ตำลึงเงินน่าจะเพียงพอแล้วที่ ซูอัน จะถูกไล่ออกจากตระกูลฉู่!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของ เสวี่ยเอ๋อร์ เช่นกัน นางพยักหน้าเห็นด้วยว่าเงิน 50,000 ตำลึงเงินนั้นเพียงพอแล้ว นางมั่นใจว่าหลังจากนี้ ฉินหว่านหรู จะต้องโกรธผู้ชายคนนั้นจนถึงขีดสุดและไล่เขาออกจากตระกูลแน่นอน

ในทางกลับกัน สมาชิกสำนักตระหนักได้ว่าคำพูดของเขาถูก ท่านเจ้าสำนักตีความผิดไป เขาจึงชี้แจงอย่างกระวนกระวายใจว่า “ท่านเจ้าสำนัก ข้าหมายความว่าเป็นพวกเราที่เสียเงินไป 50,000 ตำลึงเงิน!”

“หะ?” รอยยิ้มของ เหมยเชาฟง กลายเป็นนิ่งค้างไปกลางอากาศดวงตาของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา สะท้อนถึงความลุแก่โทสะอยากฆ่าใครรสักคนเพื่อระบายความโกรธ “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

สมาชิกของสำนักไม่มีทางเลือกนอกจากต้องระงับความกลัวของเขาและพูดซ้ำอีกครั้ง “มันเป็นพวกเราเองที่เสียเงิน 50,000 ตำลึงเงินให้กับนายน้อยของตระกูลฉู่”

เพล้ง!

ถ้วยน้ำชาในมือของ เหมยเชาฟง แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที เขารู้สึกเดือดดาลจนแทบอยากฆ่าใครสักคน “ดอกบ๊วยเจ็ดทำบ้าอะไรของมัน!? เขาเสียเงินมากขนาดนั้นให้กับไอ้ขยะผู้นั้นได้ยังไง? ต่อให้ข้าจะเอาคนปัญญาอ่อนไปเป็นเจ้ามือ มันก็ไม่สมควรที่บ่อนของข้าจะเสียเงิน 50,000 ตำลึงเงินไปเร็วแบบนี้!”

“ทะท่านเจ้าสำนักอันที่จริง เงินที่เสียทั้งหมดเสียไปในการเล่นแค่รอบเดียวเท่านั้น…” สมาชิกสำนักรายงาน

“ในรอบเดียว?” ด้วยความประหลาดใจที่ได้ยินเช่นนั้น เหมยเชาฟง จึงรีบถามถึงรายละเอียดทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นซึ่งสมาชิกสำนักก็รีบอธิบายทุกอย่างทันที

หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เหมยเชาฟงก็เงียบไปและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเข้าใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการโบกมือ เขาได้ไล่สมาชิกสำนักออกไปก่อนที่จะกลับไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อจิบชาอีกถ้วย

เสวี่ยเอ๋อร์ทนไม่ไหวที่เหมยเชาฟงยังคงนิ่งเฉยแม้จะได้ยินเกี่ยวกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น นางจึงลุกขึ้นและถามว่า “ทำไมเจ้าถึงยังนั่งจิบชาอยู่ที่นี่? เจ้าไม่คิดจะไปเดินดูหน่อยเหรอไง? เจ้าไม่เข้าใจเหรอว่าตอนนี้เจ้าเสียเงินไปถึง 50,000 ตำลึงเงินแล้ว!”

“ไม่ต้องรีบ ๆ ” เหมยเชาฟง ตอบกลับอย่างใจเย็น “แม่นางเฉียว อย่าปล่อยให้ความกังวลของเจ้าทำให้เจ้าเสียสติไปแบบนี้สิ”

“ข้าจะไม่กังวลได้อย่างไร? เจ้ารับผิดชอบไหวเหรอหากนายน้อยรู้ว่าเจ้าเป็นคนทำลายแผนการของนายน้อย!” เสวี่ยเอ๋อร์ ชี้หน้า เหมยเชาฟง ด้วยท่าทีเดือดดาล

เหมยเชาฟงกำหมัดดังกร๊อบด้วยความโกรธจัดเมื่อได้ยินว่าเสวี่ยเอ๋อร์ใช้ชื่อนายน้อยเพื่อข่มขู่เขาอีกแล้ว แต่เขาก็รีบสงบสติอารมณ์และอธิบายว่า “ถ้าดอกบ๊วยเจ็ดเสียงเงิน 50,000 ตำลึงเงินโดยการเดิมพันต่อเนื่องหลายรอบ แบบนั้นข้าถึงจะต้องเป็นกังวล อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าได้ยินเมื่อครู่ พวกเขาเพิ่งเล่นกันแค่รอบเดียวเท่านั้นซึ่งเห็นได้ชัดว่า ซูอัน ก็แค่โชคดีชั่วคราวเท่านั้น โชคสามารถช่วยเขาได้เพียงครั้งเดียว แต่ไม่สามารถช่วยเขาได้ทุกครั้ง วางใจเถอะ ดอกบ๊วยเจ็ด จะได้รับเงินคืนในไม่ช้าและทำให้ ซูอัน เป็นหนี้ในท้ายที่สุด”

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าซูอันปฏิเสธที่จะเล่นต่อ?” เสวี่ยเอ๋อร์ถามพร้อมกับขมวดคิ้วสำหรับคำถามนั้น เหมยเชาฟง ก็หัวเราะออกมา “มีผู้คนมากมายจนนับไม่ถ้วนที่โชคดีแบบนี้ตั้งแต่ข้าเปิดบ่อนมา แต่ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดต่างก็สูญเสียการควบคุมตัวเองทันทีที่ได้รับเงินก้อนโต สัญชาตญาณของพวกเขามีแต่จะเรียกร้องให้เล่นเพิ่มไปอีก ๆ นอกจากนี้ ดอกบ๊วยเจ็ด ก็ยังอยู่ที่นั่น ฉะนั้นต่อให้ ซูอัน จะไม่ต้องการเล่นต่อไป ดอกบ๊วยเจ็ด ก็จะมีวิธีพูดเพื่อจะรั้งให้ซูอันเล่นต่ออยู่ดี ท่านต้องเข้าใจว่า ดอกบ๊วยเจ็ด ดูแลรับผิดชอบบ่อนมานานมาก เรื่องพวกนี้เป็นของถนัดของเขาอยู่แล้ว”

“ดูเหมือนเจ้าจะเชื่อใจดอกบ๊วยเจ็ดมากสินะ?” เสวี่ยเอ๋อร์ ถามกลับ

“แน่นอน! เขาเป็นหนึ่งในผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือที่สุดของข้า” เหมยเชาฟง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “เขาคือคนที่ข้าสั่งสอนมาเป็นอย่างดีและเขามีพรสวรรค์ที่สุดในเรื่องนี้ ฉะนั้นคอยดูเถอะ ข่าวดีน่าจะมาในไม่ช้านี้”

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่ประตูซึ่ง เหมยเชาฟง ชี้และพูดพร้อมกับหัวเราะ “เห็นที่ข้าพูดไหม? ดูเหมือนว่าข่าวดีมาถึงแล้ว!”

รอยยิ้มน้อยๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์เช่นกัน ดูเหมือนว่าสำนักดอกบ๊วยจะสามารถไว้ใจได้เหมือนกัน…

ไม่นาน สมาชิกสำนักคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าซีดเผือด เขารีบวิ่งมาหา เหมยเชาฟง และรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “รายงานท่านเจ้าสำนักตะ ตะ ตอนนี้จำนวนเงิน…มันพุ่งไปถึง 7,500,000 ตำลึงเงินแล้ว!

สีหน้าของ เหมยเชาฟง มืดหม่นลงทันทีและตะคอกว่า “ข้าเพิ่งเตือนเจ้าไปไม่ใช่เหรอไง ทำไมเจ้าถึงไม่ฟังข้า? หากเจ้าไม่สามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้ อนาคตเจ้าจะทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้ยังไง!”

แต่แล้วจู่ ๆ เหมยเชาฟง ก็สะดุ้งขึ้นเพราะเพิ่งนึกอะไรออก เขารีบถามกลับทันที “เดี๋ยวนะ? เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”

“7… 7,500,000 ตำลึงเงิน…” สมาชิกสำนักรายงานอีกครั้ง

ความปิติยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เหมยเชาฟง “ฮ่าฮ่าฮ่า 7,500,000 ตำลึงเงิน! ไอ้เด็กนั่นจบเห่แน่นอน! เงินมากขนาดนี้ต่อให้ตระกูลฉู่ จะขายทรัพย์สินอย่างเร่งด่วน ก็คงหามาใช้ให้ข้าไม่ทันแน่นอน!”

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมาชิกสำนักของข้าถึงได้กระสับกระส่ายนัก!

เหมยเชาฟง ได้ให้อภัยผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทันที เพราะแม้แต่เขาเองก็แทบจะไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เมื่อได้ยินตัวเลขที่น่าตกใจเช่นนี้

เสวี่ยเอ๋อร์ เองก็ประหลาดใจเช่นกัน “ไอคนผู้นั้นมันเสียเงินไปถึง 7,500,000 ตำลึงเงิน จริง ๆ เหรอ?”

นี่มันเกินจินตนาการของนางที่จะเข้าใจได้ว่าคน ๆ หนึ่งจะสูญเสียเงินจำนวนมากขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้อย่างไร

ตอนนี้นางรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากเช่นกันเพราะมันคงเป็นไปได้เหมือนกันที่ถ้าหากว่าซูอันเป็นหนี้แค่หลักหมื่น ตระกูลฉู่อาจจะใจดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่สำหรับหนี้มหาศาลถึง 7,500,000 ตำลึงเงิน นางแน่ใจว่าตระกูลฉู่จะไม่มีวันยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวแน่นอน

เหมยเชาฟง เทสุราหนึ่งถ้วยแล้วส่งให้เสวี่ยเอ๋อร์ “แม่นางเฉียว ภารกิจของเจ้าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอให้นายน้อยเรียกเจ้าไปอยู่เคียงข้างเช่นเดิมภายในเร็ววัน!”