บทที่ 209 อนาคอนดากลายเป็นมังกร

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 209 อนาคอนดากลายเป็นมังกร

บทที่ 209 อนาคอนดากลายเป็นมังกร

มันเป็นคลื่นแม่เหล็กที่แปลกประหลาดคล้ายคลึงค่ายกลที่ทำจากฝีมือของมนุษย์ แต่จากที่เขาสัมผัสได้พลังของมันรุนแรงอย่างมาก ตอนนี้ดูเหมือนมันกำลังดูดซับบางสิ่งเพื่อที่จะใช้เร่งการเติบโตของผู้คน

สิ่งนี้จะดูดซับพลังงานมาเป็นของตัวเอง เป็นการกระทำที่ไร้ยางอายและ พลังของมันดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นทุกที

วงกลมที่มีรัศมีกว่าร้อยลี้อัดแน่นไปด้วยลวดลายจำนวนมาก สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาเขตของมันจะถูกเร่งการเจริญเติบโตถึง 2 เท่า สภาพโดยรอบนั้นเหมือนผ่านไปกว่า 10 ปีแล้ว

แค่คิดว่าชีวิตของผู้คนถูกแย่งชิงไปมากมายขนาดไหนเขาก็ตัวสั่นด้วยความโกรธแค้น กล้าทำแบบนี้ไม่ว่าใครเขาก็อภัยให้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

ฉู่เหินรู้สึกได้ว่าพลังงานที่นี่เริ่มจางลงไปเรื่อยๆ หากเป็นแบบนี้มันไปจะดูดเอาจากเหล่าผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงเป็นแน่ ซึ่งแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี

ครั้งนี้มันอันตรายจริงๆ ถ้ามันดูดกลืนพลังงานจนเพียงพอหมู่ดาวแห่งนี้จะกลายเป็นเตาพลังงานขนาดยักษ์ให้กับมัน ทันใดนั้นฉู่เหินก็มองออกไปไกลๆ

ณ เทือกเขาห่างไกลกว่า 40 ไมล์ทางเหนือ ที่สระน้ำมีเงาสีดำปรากฏมันคืองูหลามยักษ์กำลังพาดอยู่เหนือสระอย่างเงียบๆ

มันเป็นงูพิษตัวยักษ์ใหญ่ยาวกว่า 10 เมตร ดวงตาสีแดงดุร้าย ร่างนั้นห้อยอยู่เหนือหนองน้ำสีดำและแสงจันทร์สะท้อนกับเกล็ดของมันเงาวับ

ดูท่าว่านี้จะเป็นเวลาสำคัญสำหรับมันแล้ว เหนือหัวของมันปรากฏคราบงูขนาดใหญ่ อีกทั้งบริเวณท้องของมันยังปรากฏคราบเล็กๆหลายที่ด้วยกันเป็นสัญญาณการกำเนิดเล็บเท้า ในเวลานั้นเองที่กลางหัวงูมันค่อยๆ งอกเขาออกมาหน้าท้องของมันเองก็ค่อยๆ งอกเล็บเท้าสัตว์ออกมาในที่สุดมันก็สามารถวิวัฒนาการเป็นมังกรได้สำเร็จ!!!

ฉู่เหินเห็นแสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน งูยักษ์กำลังดูดแสงดาวบนท้องฟ้ามาพัฒนาพลังของมัน โดยมีสระน้ำเป็นศูนย์กลาง ข้างในนั้นมีกลุ่มก้อนพลังอันรุนแรง แต่ก็เหมือนว่าแค่นี้ยังไม่เพียงพอให้มันพัฒนาร่างต่อไป

ถ้าปล่อยให้มันดูดซับต่อไป มันจะแข็งแกร่งกว่าเดิมราวๆ 10 เท่าแล้วทุกชีวิตที่อยู่บริเวณนี้คงจะตายกันหมด เป็นเรื่องที่ฉู่เหินไม่ยอมให้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

ก่อนหน้านั้นฉู่เหินพบว่ามีเขตแดนที่หนามากๆ ป้องกันอยู่ชั้นหนึ่ง การทำลายมันนั้นใช้เวลามากเกินไป ถึงเขาจะทุ่มสุดกำลังทั้งหมดก็ตาม

ฉู่เเหินกังวลจนไม่รู้จะทำยังไง กระต่ายต้องสาปก็วิ่งไปทางด้านหน้า

ร่างกายของมันปรากฏม่านแสงสีดำปกคลุม ฉู่เหินระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะถึงกระต่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็เป็นสิ่งมีชีวิต ที่โดนม่านสีทองดำขวางเอาไว้

เกือบจะทันทีที่แสงสีดำปะทะกับม่านแสงก็เกิดภาพที่น่าเหลือเชื่อขึ้น ม่านพลังที่ทรงพลังที่สุดสั่นไหว ราวกับว่ากำลังโดนแสงสีดำนั้นแทรกแซง ไม่นานนักมันก็ปกคลุมม่านพลังเอาไว้ทั้งหมด

“เป็นไปได้ยังไง?” ฉู่เหินไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเองเลย แต่เขาก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง

หรือม่านแสงของค่ายกลนี้จะถูกแทรกแซงได้จากสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกว่า เท่ากับว่า….กระต่ายของเขาแข็งแกร่งกว่ามังกร!!

งูยักษ์เองก็รับรู้ถึงการมาของฉู่เหิน แต่มันไม่ได้สนใจเพราะว่าสำหรับมันแล้วฉู่เหินเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น

แต่อยู่ๆค่ายกลของมันก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ตอนนี้มันสัมผัสได้ถึงอันตรายจากฉู่เหิน มันจึงไม่ลังเลที่จะพ่นลมหายใจพิษใส่ฉู่เหินในทันที

“ลมหายใจมังกร ไอ้ของแบบนี้มีจริง ๆ เหรอเนี่ย!!!!” ฉู่เหินไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถใช้อะไรแบบนี้ได้ด้วย

พลังของลมหายใจมังกรนั้นถ้าไม่ร้อนจัดก็เย็นยะเยือก ไม่มีทางที่จะต่อต้านด้วยได้เลย ถึงระดับของงูยักษ์จะไม่สูงมากเท่าไหร่ แต่พลังของมันก็เพิ่มขึ้นทุกทีๆ ถ้าโดนเข้าไปฉู่เหินต้องตายภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวอย่างแน่นอน

พลังของมันรุนแรงจนกระต่ายต้องสาปและแมวนพเวทย์ยังต้องตกตะลึง ทั้งสองแปลงร่างเป็นแสงแล้วกลับเข้าไปในแหวนมิติทันที

ทันทีที่ลมหายใจนั้นปะทุออกมาอีกระลอก ฉู่เหินก็หลบออกมาทางด้านข้างใน สำหรับเขาที่วิ่งได้ 100 เมตรใน 2 วินาทีถือว่ายอดเยี่ยมเหนือมนุษย์…แต่นี่คือลมหายใจมังกรมันรวดเร็วยิ่งกว่านั้น จากออกไปกว่า 10 เมตรคลื่นพลังโดยตัวฉู่เหินเข้าไปเต็มๆ

มันเร็วกว่าที่ฉู่เหินคิดไว้มาก ลมหายใจปะทะเข้ากับฉู่เหินตรงๆ รอบๆตัวของเขานั้นละลายหายไปจนหมด เสื้อผ้าและเส้นผมก็โดนเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

โชคดีที่มันแค่นี้ยังฆ่าฉู่เหินไม่ได้ แต่ฉู่เหินก็คงทนได้อีกไม่นาน เพราะว่าเนื้อเขาโดนย่างจนสุกเหมือนไก่ย่างไปแล้ว เส้นขนทั้งร่างกลายเป็นเถ้าถ่าน

ตอนนี้ฉู่เหินรู้สึกไม่สบายใจเลย แถมลมหายใจมังกรไม่มีท่าทีจะเบาลงเลย ในขณะที่ฉู่เหินกำลังรวมพลังทั้งหมดเข้าต่อต้าน เขาก็ได้แต่หวังว่าเขาจะรอดตายไปได้ ตอนนี้ผิวของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉู่เหินกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

ผิวค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ ฉู่เหินพยายามใช้วิชาดวงดาวหวังว่ามันจะช่วยได้บ้าง จากนั้นฉู่เหินก็พบว่าลมปราณภายในตัวกำลังรวมเข้ากับพลังดวงดาวยิ่งโคจรกับพลังดวงดาว เขาก็พบว่าลมหายใจมังกรเริ่มเบาลง

ผิวของเขาแปรเปลี่ยนมันเริ่มที่จะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ พลังดวงดาวค่อยๆแทรกผ่านผิวหนังเข้าไปจนถึงเส้นเอ็น มันไม่ใช่แค่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่มันยังหนาแน่นมากขึ้นอีกด้วย

ตอนนี้เส้นเอ็นของฉู่เหินแข็งแกร่งกว่าเดิมราวๆสองเท่า ถ้าเกิดว่าเขาสามารถใช้ทนลมหายใจมังกรได้ละก็ ความแข็งแกร่งของฉู่เหินน่าจะเพิ่มสูงขึ้นจนเท่ากับขั้นเต๋าระดับกลางได้เลย

ฉู่เหินรู้ว่านี่เป็นโอกาสครั้งเดียวเท่านั้น เขาจึงใช้พลังดวงดาวไหลเวียนไปที่แขนและนิ้ว แล้วค่อยๆครอบคลุมทั้งตัว