ตอนที่ 149 เธอไม่ใช่ผู้หญิงชั่วร้าย

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 149 เธอไม่ใช่ผู้หญิงชั่วร้าย

“จริงเหรอ! ถ้างั้นๆๆ …เธอไปขี่ม้ากับฉันก่อน…” โค้ชเถียนดูตื่นเต้นมาก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนเหรียญทองของประเทศเหยียนหวงนั้นลดลงอย่างมาก

ดังนั้นโค้ชของรายการทั้งหมด ฝ่ายบริหารทั่วไปของกรมการกีฬา ทุกคนที่ชอบกีฬา และผู้ที่มีความรู้สึกรักชาติทั้งหลายจึงกังวลอย่างมาก

“เหล่าเถียน ตอนนี้เป็นเดือนพฤษภาคมแล้ว และการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกรกฎาคม จากนั้นก็จะเป็นอีกครั้งในอีกสี่ปีข้างหน้า”

โดยปกติแล้ว นักกีฬาจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งปี

โค้ชเถียนตกตะลึงไป

เขาตื่นเต้นมากจนลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย!

“อีกสี่ปีข้างหน้าเหรอ ไม่เป็นไร” ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุยี่สิบสองปีเท่านั้น

โค้ชเถียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวเยาเยา ถ้าเธอมีเวลา ก็มาที่ฐานฝึกและมาเข้าร่วมการฝึกกับพวกเรานะ”

“ตกลงค่ะ ฉันจะไปที่นั่นในสุดสัปดาห์หน้า”

“ยอดเยี่ยม! งั้นเรามาเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อกันก่อน วันที่เธอไปถึงฉันจะไปรอรับเธอที่สนามบิน”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันมีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว แค่หาที่ลงจอดให้ฉันก็พอ” เธอไม่ได้อวดนะ แต่แค่ต้องการประหยัดเวลา

โค้ชเถียนตกตะลึงไปหมดแล้ว จากนั้นเขาก็มองไปที่อาจารย์อาเล็กของเธออย่างแข็งทื่อ

นี่คือนางฟ้าตัวน้อยมาจากที่ไหน พวกนายกล้ามอบเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวให้กับเธอตั้งแต่ยังเป็นเพียงวัยรุ่นได้ยังไง

อาจารย์อาเล็กยักไหล่ ทำเมินไม่สนใจเขา แต่หันไปมองมู่เถาเยาและพูดด้วยสีหน้าปวดใจว่า “เสี่ยวเยาเยา เอาเวลาไปพักผ่อนให้มากกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ ไม่เห็นต้องวิ่งไปวิ่งมาแบบนั้นเลย!”

“แค่ไม่กี่เดือนนี้เองค่ะ”

“แต่เมื่อก่อนขนาดเธอไม่ต้องไปๆ มาๆ เธอก็ยุ่งมากอยู่แล้ว!”

มู่เถาเยากะพริบตา “อาจารย์อาเล็กคะ ฉันไม่เหนื่อยหรอก”

“ไร้สาระ! ร่างกายคนเรามีเลือดมีเนื้อจะไม่เหนื่อยได้ยังไง! แม้แต่หุ่นยนต์ก็ยังต้องพักเพื่อถูกชาร์จไฟ!”

“ฉันไม่เหนื่อยจริงๆ ค่ะ ฉันโอเค”

ก็แค่มีเวลาว่างน้อยลง

เธอไม่เหนื่อยเลย

“เธอเหนื่อย!”

มู่เถาเยา “…”

โค้ชเถียน “เหล่าเจียง นักเรียนคนหนึ่งจะยุ่งมากอย่างที่นายพูดได้ยังไง”

“นายไม่เข้าใจหรอก นักเรียนคนอื่นๆ อาจไม่ยุ่งมากนัก แต่เสี่ยวเยาเยานั้นแตกต่างออกไป เธอเรียนแพทย์ เรียนกฎหมาย เรียนศิลปะการต่อสู้ ศาสตร์พิษ และศาสตร์ต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน แถมยังต้องออกไปรักษาผู้คน…”

“…เหล่าเจียง โม้เกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า! คนเราจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายขนาดนี้ได้ยังไง ไม่ใช่คอมพิวเตอร์นะที่จะสามารถช่วยเราจดจำได้!”

“ฉันไม่ได้โม้เกินจริงเลย! เสี่ยวเยาเยาของฉันยุ่งกว่าที่ฉันพูดมาก นายไม่รู้หรอกว่า…” บราๆๆ

รอบนี้ไม่อวด แต่บ่น!

มู่เถาเยา “…อาจารย์อาเล็กคะ ถ้ายังไม่กิน อาหารทั้งโต๊ะนี้คงกินไม่ได้แล้ว…”

กี่ครั้งแล้วที่เธอขัดจังหวะการพูดที่ไม่รู้จบของอาจารย์อาเล็กของเธอ

เมื่ออาจารย์อาเล็กเจียงเห็นว่ามู่เถาเยายังไม่ได้ขยับตะเกียบจริงๆ เขาจึงบ่นด้วยความปวดใจอีกครั้งและปิดท้ายว่า “บอกให้เธอกินไปก่อนหน้านี้แล้วทำไมไม่เชื่อฟังกันเลย!”

โค้ชเถียนรีบหยิบตะเกียบขึ้นมาและพูดกับทั้งสองราวกับตัวเองเป็นเจ้าบ้านว่า “กินๆๆ กินข้าวกันก่อน มีอะไรไว้เราค่อยคุยกันหลังกินข้าวเสร็จ”

การมาในครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ !

มู่เถาเยารอให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนขยับตะเกียบก่อน เธอถึงจะขยับตะเกียบตาม

ทั้งสามคนจดจ่ออยู่กับการกิน

แม้ว่าอาหารจะเย็นชืดไปหมดแล้ว แต่ฝีมือการทำอาหารของอาจารย์อาเล็กนั้นดีมากทีเดียว

มู่เถาเยากินไปด้วยยิ้มไปด้วย

หลังจากผ่านไปครึ่งทาง โค้ชเถียนก็จิบเครื่องดื่มปิดท้าย ดวงตาของเขาเป็นประกายและถามออกไปว่า “นี่ใช่นมหรือเปล่า ทำไมถึงมีกลิ่นหอมของผลไม้แฝงอยู่ด้วยล่ะ หรือมันเป็นนมที่คั้นมาจากผลไม้อะไรสักอย่าง”

“ผลนมหมาป่ากับนมค่ะ”

“นี่คือผลนมหมาป่าเหรอ”

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

มู่เถาเยาพยักหน้า

“เหล่าเถียน นายไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ญาติฉันเอามาฝาก ถ้านายชอบกินก็แบ่งกลับไปบ้างสิ”

“ตกลง งั้นฉันจะไม่ขอเกรงใจล่ะนะ เถียนซินเธอน่าจะชอบรสชาตินี้ ว่าแต่มาถึงตั้งนานแล้ว ทำไมฉันถึงไม่เห็นภรรยากับเสี่ยวเหมียนของนายเลย ครั้งก่อนที่มาก็ไม่เจอ!”

“เสี่ยวเหมียนกลับไปที่โรงเรียนแล้วน่ะ เธอกำลังจะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยขอพักอยู่ในหอพักของโรงเรียนช่วงระยะเวลาหนึ่ง ส่วนแม่ของเธอตอนนี้กำลังออกทัวร์แสดงดนตรี ครั้งล่าสุดที่นายมาหาฉัน เสี่ยวเหมียนและแม่ของเธอบังเอิญไปเยี่ยมตาและยายของเธอพอดี”

“เป็นแบบนั้น งั้นไว้คราวหน้าฉันค่อยแวะมาทักทายตอนที่ภรรยาและลูกๆ ของนายอยู่ด้วยก็แล้วกัน”

“โอเค พาภรรยาและลูกของนายมาด้วยสิ”

“ตกลง! นายจะไปหาฉันพร้อมกับเสี่ยวเยาเยาที่เมืองหลวงในสุดสัปดาห์หน้าไหม”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว! ฉันจะปล่อยให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินทางไปไกลขนาดนั้นเพียงลำพังได้ยังไง! ในเมืองหลวงมีพวกสวะเยอะเกินไป!”

โค้ชเถียนพยักหน้า “เหล่าเจียงนายพูดถูก! เสี่ยวเยาเยาของเรายังเด็ก และเธอจะต้องไม่ถูกหลอกโดยคนอื่น! ไม่ต้องกังวล ถึงแม้ว่านายจะไม่ไป แต่ฉันจะคอยดูแลเธอตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นั่นเอง ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ไอ้พวกขี้โกงฉวยโอกาสพวกนั้นมาหลอกเธอหรอก!”

มู่เถาเยา “…”

แม้ว่าเธอจะออกมาจากหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขา แต่เธอก็ไม่ได้โง่นะโอเคไหม!

กังวลว่าคนอื่นจะมาหลอกเธอ ดูก่อนว่าเธอคิดจะไปหลอกใครหรือเปล่า!

ลืมมันไปซะเถอะ คงไม่ดีถ้าเธอหักล้างคำพูดของผู้ใหญ่ออกไปในตอนนี้

ใช้เวลารับประทานอาหารเกือบหนึ่งชั่วโมง

ทั้งสามคนก็ทำความสะอาดโต๊ะอาหารและห้องครัวด้วยกัน

มู่เถาเยากดส่งข้อความออกไปด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอ

“เสี่ยวเยาเยา บ่ายนี้ไม่ไปเรียนเหรอ”

“ไม่ไปค่ะ ฉันว่าจะไปหาหนังสือมาอ่านเองอีกสักสองสามเล่ม จากนั้นค่อยไปเก็บสมุนไพรที่ภูเขาเซิ่งเย่ว์มาปรุงยาให้กับอาจารย์แม่หลินในภายหลัง”

“โรคเบื่ออาหารรุนแรงของอาจารย์แม่หลินของเธอยังไม่หายขาดเหรอ”

“ยังค่ะ แต่แค่กินยาอีกไม่กี่ขนานก็หายแล้ว”

อาจารย์อาเล็กพยักหน้า

“ฉันดูว่าหุ่นของเธอก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ จะลดน้ำหนักไปทำไม ลดจนทำให้ตัวเองป่วยจนมีสภาพแบบนี้ เธอต้องคอยจับตาดูอาสะใภ้เล็กของเธอไว้อย่างใกล้ชิดด้วยนะ รายนั้นเองก็รักสวยรักงามเหมือนกัน!”

มู่เถาเยายิ้มและพูดว่า “อาสะใภ้เล็กคงไม่เหมือนกับอาจารย์แม่หลินหรอกค่ะ ถึงอาสะใภ้เล็กจะรักสวยรักงาม แต่เธอไม่ได้มองว่าการผอมคือความสวย”

โค้ชเถียน “แนวคิดแบบนี้ถูกต้อง! ผอมเกินไปไม่เพียงแต่ดูไม่ดีแต่ยังไร้ประโยชน์ด้วย เพียงลมพัดก็ปลิวแล้ว จะไปทำมาหากินอะไรได้อีก”

อาจารย์อาเล็ก “จุดนี้ฉันเห็นด้วยกับนาย”

ผอมเกินไปจะทำให้ไม่มีแรงในการเผชิญหน้ากับการผ่าตัดครั้งใหญ่ได้

เมื่อมู่เถาเยาเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว เธอจึงกล่าวถึงจุดประสงค์ในการมาเยี่ยมของเธอว่า “อาจารย์อาเล็กคะ ช่วยดูภาพเหมือนภาพหนึ่งให้ฉันหน่อยได้ไหม”

“ภาพเหมือนอะไร”

“ภาพเด็กคนหนึ่งค่ะ ดูว่าอาจารย์อาเล็กพอจะคุ้นตาหรือเปล่า”

จากนั้นมู่เถาเยาก็หยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์ของเธอขึ้นมาวางที่โต๊ะ หยิบรูปที่เธอวาดเมื่อคืนนี้ออกมาแล้วส่งมันให้กับอาจารย์อาเล็ก

“เอ๊ะ ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ดูหน้าตาคุ้นๆ แบบนี้ เหมือนฉันเคยเห็นแฮะ”

มู่เถาเยาพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมาของตัวเองและถามว่า “อาจารย์อาเล็ก คิดว่ารูปนี้ดูคุ้นตาเหรอคะ”

“ใช่ นี่มันลูกเต้าเหล่าใครเหรอ หรือฉันจะเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน”

โค้ชเถียนขยับเข้ามาดูด้วยกัน

“ห๊ะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าคิ้วหนาๆ และดวงตาของเด็กคนนี้เหมือนกับเสี่ยวเหมียนของนายเลย มองแวบแรกฉันคิดว่าเป็นน้องชายของเสี่ยวเหมียนซะอีก!”

“เป็นเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่าฉันถึงได้รู้สึกว่ามันคุ้นตามาก เสี่ยวเยาเยา นี่คือใครเหรอ”

“ฉันจะบอกกับอาจารย์อาเล็กหลังจากที่ฉันแน่ใจแล้วนะคะ” มุมปากของมู่เถาเยาโค้งขึ้นเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม

เมื่อคืนนี้ เธอเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันตอนที่เธอวาดภาพนี้ออกมา

เป็นไปได้สูงจริงๆ ว่าอาจารย์อาเล็กของเธอจะเป็นพี่ชายที่ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเด็กของหมอลู่

ดวงตาและคิ้วของทั้งสองคนนั้นเหมือนกันอย่างมาก

“โอเค”

แม้ว่าดวงตาและคิ้วของเด็กคนนี้จะคล้ายกับเสี่ยวเหมียนลูกสาวของเขา แต่ไม่ใช่ลูกชายของเขาอย่างแน่นอน!

เป็นไปไม่ได้ คนอย่างเขาไม่เคยออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก!

มู่เถาเยาเก็บภาพเหมือนนั้นกลับไปและกล่าวอำลาทั้งสอง

“เสี่ยวเยาเยา คืนนี้เธอจะมาทานอาหารเย็นที่บ้านฉันหรือเปล่า”

“ฉันจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านศาสตราจารย์หลินค่ะ อาจารย์อาเล็ก ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

ในช่วงนี้ อาจารย์อาเล็กคงต้องกินข้าวคนเดียวไปอีกพักใหญ่

“ตกลง งั้นเดี๋ยวฉันจะโทรหาศาสตราจารย์หลินของเธอ”

“โอเคค่ะ โค้ชเถียน ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยาให้ฉันไปส่งเธอกลับไปที่เขตเซิ่งซื่อฉางอันไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันบอกให้เหลียงจีมารับแล้ว อาจารย์อาเล็กอยู่คุยกับโค้ชเถียนต่อเถอะค่ะ”

โค้ชเถียนไม่ลืมกำชับว่า “เสี่ยวเยาเยา เราตกลงกันแล้วนะว่าจะไปพบกันที่ฐานฝึกในเมืองหลวงในสุดสัปดาห์หน้า”

“ค่ะ”