ตอนที่ 150 นักธรณีวิทยา

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 150 นักธรณีวิทยา

เหลียงจีมองไปที่เจ้าหญิงน้อยของเธอที่ทะยานจากไปพร้อมกับตระกร้าสานใบเล็กบนหลังของเธออย่างอิจฉา

ทักษะวิชาตัวเบาของเธอจะไต่มาถึงระดับนี้ได้เมื่อไหร่กัน

ไม่นานหลังจากที่เธอมาถึงเมืองเย่ว์ตู เธอก็รู้สึกขอบคุณในการตัดสินใจที่เด็ดขาดของตัวเองเป็นร้อยๆ ครั้ง

เธอรู้สึกว่าเจ้าหญิงน้อยทรงพลังมากกว่าแม่ทัพเย่ว์เลี่ยงของเธอเสียอีก! กอปรกับอายุที่ยังน้อยของเธอ เห็นได้ชัดเลยว่าในอนาคตมีแต่ความเป็นไปได้ไม่รู้จบ!

เหลียงจีเติบโตขึ้นมาในกองทัพ หลังจากย้ายไปติดตามหัวหน้าเผ่าอยู่ระยะหนึ่ง เธอจึงมองการณ์ไกลและคิดได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นโดยธรรมชาติ

แต่คนที่เธอคิดถึงนั้นกลับไม่รู้ตัวเลย

มู่เถาเยาข้ามภูเขาชิงซิ่วและลงไปที่ภูเขาเซิ่งเย่ว์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเธอ ตลอดเส้นทางอันแสนไกล เธอกลับใช้เวลามาถึงเพียงไม่นานเท่านั้น

ครั้งนี้มู่เถาเยาเก็บสมุนไพรได้เร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก เพราะไม่มีคนหรือสัตว์มาขอความช่วยเหลือจากเธออีก

ดังนั้นขากลับ เธอจึงกลับมาถึงเขตเซิ่งซื่อฉางอันก่อนเวลาห้าโมงเย็น

เหลียงจียอมรับประสิทธิภาพการทำงานที่สูงลิ่วของเจ้าหญิงน้อยของเธออย่างใจเย็น

“เจ้าหญิงน้อย เราจะไปมหา’ลัยกันตอนนี้เลยไหมคะ”

“ยังเร็วไป เราไปที่โรงพยาบาลทหาร1111 กันก่อนเถอะ”

ซังเฟยควรได้รู้ว่าเขาต้องไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานกับเธอในสุดสัปดาห์นี้

“โอเคค่ะ งั้นฉันจะขับรถให้นะคะ”

“อื้ม”

เหลียงจีรับตะกร้าสานใบเล็กและกล่องยาขนาดเล็กมาจากมู่เถาเยา

มู่เถาเยาหาถุงกระดาษแล้วใส่ผลนมหมาป่าลงไปและถือออกไปด้วย

ไปเยี่ยมผู้ป่วย ไปมือเปล่าคงไม่ค่อยดีเท่าไร

เขตเซิ่งซื่อฉางอันอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลทหาร1111 มาก พวกเธอใช้เวลาขับรถไปถึงที่นั่นเพียงสิบนาทีเท่านั้น

ร่างเล็กถือถุงบรรจุผลนมหมาป่าและเดินไปที่หน้าวอร์ดผู้ป่วย

ก็อกๆๆ …

คนที่เดินมาเปิดประตูคือผู้หญิงอายุสามสิบปีที่มู่เถาเยาเพิ่งรู้จัก

“เสี่ยวเยาเยา!”

“คุณผู้หญิงซัง”

นี่คือซย่าอวี่ภรรยาของซังชั่วสารวัตรของสถานีตำรวจแห่งหนึ่งและเป็นแม่ของเจ้าก้อนขนมปังน้อยซังหลิ่นหราน

เมื่อคนข้างในห้องได้ยินคุณผู้หญิงซังเอ่ยเรียกคนที่มาถึง พวกเขาก็รีบออกมาทักทายเธอทันที

“เสี่ยวเยาเยา!”

“พี่ซย่ามั่ว…พวกพี่”

“ฮ่าๆๆ เสี่ยวเยาเยา คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอกับเธอที่นี่ เธอรู้จักกับลูกพี่ลูกน้องของฉันด้วยเหรอ”

“เอ๋ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเหรอคะ บังเอิญจริงๆ”

“ถูกต้อง! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอรู้จักกับพี่สาวของฉันด้วยน่ะ เสี่ยวเยาเยา เธอมาหาเสี่ยวเฟยเหรอ หึ งั้นคนที่รักษาขาของเสี่ยวเฟยจนหายได้ก็คือเธอสินะ”

“อื้ม บังเอิญว่าฉันได้พบกับกู้ซืออี้เพื่อนร่วมรบของซังเฟย เขาเลยขอให้ฉันมาดูอาการของซังเฟยให้น่ะ พวกเราเลยได้รู้จักกันเพราะแบบนั้น”

คุณผู้หญิงซังยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวมั่ว เสี่ยวเยาเยาเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซังของเรา เธอไม่เพียงแต่ช่วยรักษาขาให้เสี่ยวเฟยเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตหลิ่นหรานเอาไว้ด้วย”

“พี่สาว หมายความว่ายังไงเหรอคะที่ว่าเสี่ยวเยาเยาช่วยชีวิตของหลิ่นหรานเอาไว้ หลิ่นหรานป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“เขาไม่ได้ป่วยหรอก ไว้เราจะคุยเรื่องนี้กันในภายหลัง เสี่ยวเยาเยา มานั่งก่อนสิ พ่อแม่ของเสี่ยวเฟยเพิ่งจะกลับมาถึงวันนี้และพวกเขาบอกว่าอยากจะเชิญเธอไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันสักมื้อ”

“อ่า ใช่ๆ เข้ามานั่งก่อน”

ซย่ามั่วรับถุงกระดาษและกล่องยาขนาดเล็กมาจากมือของมู่เถาเยา

วอร์ดไม่ใหญ่มาก ดังนั้นคุณจึงสามารถเห็นทั้งวอร์ดได้อย่างชัดเจนหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว

“หมอเทวดาน้อยมู่!”

ซังเฟยทักทายมู่เถาเยาอย่างมีความสุข

“พ่อครับ แม่ครับ นี่ก็คือหมอเทวดาน้อยมู่ที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาให้กับผม”

พ่อซังและแม่ซังดูสับสนเล็กน้อย

“หมอเทวดา…น้อย”

“ถูกต้องครับ พ่อ แม่ อย่ามองว่าหมอเทวดาน้อยอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น แต่ทักษะทางการแพทย์ของเธอล้ำเลิศมาก!”

“อายุสิบแปดเหรอ ดูภายนอกอย่างกับเด็กมัธยมต้นอายุสิบห้าปีแน่ะ”

“อาจารย์ซัง อาจารย์สวี ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่นชมพวกคุณมานานแล้ว”

มู่เถาเยาทักทายคู่รักวัยกลางคนด้วยรอยยิ้มจางๆ

“เอ๋ หมอเทวดาน้อยรู้จักพวกเราด้วยเหรอ”

อาจารย์สวีแม่ของซังเฟยยกยิ้ม

“อาจารย์ซังและอาจารย์สวีต่างก็เป็นนักธรณีวิทยาที่มีชื่อเสียงในประเทศของเรา ดังนั้นฉันจึงรู้เรื่องนี้โดยธรรมชาติ” เธอคุ้นเคยกับคนดังจากทุกสาขาอาชีพ

อาจารย์สวีมองไปที่ลูกชายของเธอและดุเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเฟย ทำไมลูกถึงได้หน้าหนาขนาดนี้ แนะนำพ่อแม่ว่ามีชื่อเสียงระดับประเทศต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง…ช่างไม่มีความรู้สึกละอายใจเอาเสียเลย!”

“แม่ครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

มู่เถาเยาหัวเราะและพูดว่า “ซังเฟยไม่ได้พูดแบบนั้นจริงๆ ค่ะ บังเอิญว่าฉันจดจำทุกคนที่มีชื่อเสียงจากทุกสาขาอาชีพไว้ ฉันเลยจำพวกคุณได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น”

อาจารย์ซังชมเชย “ความทรงจำของหมอเทวดาน้อยนั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ !”

“อาจารย์ซังชมเกินไปแล้วค่ะ ฉันขอตรวจดูขาของซังเฟยก่อนนะคะ”

อาจารย์ซังและอาจารย์สวีจึงขยับเบี่ยงตัวออกไป

มู่เถาเยาตรวจสอบขาและข้อเท้าของซังเฟยและทำการฝังเข็มให้เขาอีกครั้ง

“การฟื้นตัวของนายดีเกินกว่าความคาดหมายของฉันมาก” ร่างกายนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ

“หมอเทวดาน้อย ผมได้รับแจ้งจากกองทัพว่าผมจะต้องไปฝึกพิเศษที่หมู่บ้านเถาหยวนซานในสุดสัปดาห์นี้ ผมจะทำได้หรือเปล่าครับ จะไปถ่วงแข้งถ่วงขาทุกคนหรือเปล่า”

“อย่ากังวลไปเลย นายจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ภายในหนึ่งเดือน พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของนายนั้นสูงมาก และนายจะตามคนอื่นทันในไม่ช้า”

“รับทราบครับ”

คุณผู้หญิงซัง “เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวเฟยมีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้มากจริงๆ เหรอ”

“ใช่ค่ะ อาจเพราะอาจารย์ซังและอาจารย์สวีต่างก็ทำงานอยู่ข้างนอกตลอดทั้งปีตอนที่พวกเขายังหนุ่มๆ สมรรถภาพทางกายของพวกเขาจึงดีมาก ดังนั้นซังเฟยจึงได้รับสืบทอดส่วนดีๆ เช่นนี้มาด้วย”

อาจารย์ทั้งสองมีความสุขมาก

“ซังเฟย ฉันจะส่งคนมารับนายตอนบ่ายสามโมงวันพรุ่งนี้เพื่อไปพบกันที่เขตเซิ่งซื่อฉางอัน จากนั้นเราจะบินไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานโดยตรงเลย นายเพียงแค่นำเสื้อผ้าติดตัวไปด้วยสองสามชุดสำหรับเปลี่ยนและของใช้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ”

ซังเฟยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวที่จัดเรียงอย่างสวยงามของเขา “รับทราบครับ”

อาจารย์ซังรีบถาม “หมอเทวดาน้อย คือว่าเรา…จะเป็นอะไรไหมถ้าเราอยากจะขอไปพักที่นั่นด้วยสักสองสามวัน พวกเราสองสามีภรรยาเคยได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจากหมอเทวดาหยวนตอนที่เรายังหนุ่มๆ เราเลยอยากจะไปเยี่ยมหมอเทวดาหยวนสักหน่อย”

“ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้างั้นทุกคนก็ออกเดินทางพร้อมกันวันพรุ่งนี้เลยนะคะ”

“ได้ๆ”

ซย่ามั่ว “ฉันเองก็จะไปด้วย ฉันคิดถึงทุกคนมากจนทนไม่ไหวแล้ว”

มู่เถาเยาพยักหน้า

ซย่าอวี่ “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาหลิ่นหรานไปเล่นที่นั่นด้วยสักสองสามวัน”

มู่เถาเยายังคงพยักหน้า

ยังไงซะเฮลิคอปเตอร์ของเธอก็จุคนจำนวนแค่นี้ได้สบายๆ

อาจารย์สวีดึงมู่เถาเยาให้ไปนั่งบนโซฟาด้วยกัน

“หมอเทวดาน้อยมู่ ฉันกับเหล่าซังเรามีงานที่ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นซังเฟยจึงเติบโตขึ้นมาในบ้านของลุงและญาติๆ ของเขา เอาจริงๆ พวกเขาดูแลลูกชายคนนี้ของฉันดีกว่าที่ฉันกับสามีรวมกันเป็นร้อยๆ เท่า…” บราๆ

น้ำเสียงของเธอฟังดูสงบมาก แต่มู่เถาเยาสามารถอ่านความรู้สึกผิดจากในคำพูดของเธอได้อย่างชัดเจน

มีหลายคนที่ไม่สามารถจัดการเวลาให้กับงานและครอบครัวอย่างสมดุลได้

ยกตัวอย่างเช่นสองคนนี้ พวกเขาเป็นนักธรณีวิทยาที่โดดเด่นและมีส่วนร่วมอย่างมากในเหตุการสำคัญทางธรณีวิทยาของประเทศเหยียนหวง

“อาจารย์ซัง อาจารย์สวี พวกคุณสองคนคือกำลังหลักในการตรวจสอบธรณีวิทยาและทรัพยากรแร่ธาตุของประเทศเหยียนหวงของเราจึงไม่สามารถดูแลครอบครัวเล็กๆ ของพวกคุณได้ นี่คือการสละครอบครัวเล็กเพื่อครอบครัวใหญ่…”

สิ่งที่มู่เถาเยาพูดออกมานั้น ทำให้นักธรณีวิทยาชื่อดังสองคนรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

ซังเฟยพูดเสริมอย่างจริงจังว่า “พ่อครับ แม่ครับ ทั้งสองคนไปทำในสิ่งที่ควรทำเถอะ ผมโตแล้ว และผมก็มีงานที่ชอบแล้วด้วย ดังนั้นผมเข้าใจพ่อกับแม่ อย่าได้เสียใจเพราะเรื่องของผมเลยครับ”

ตอนเด็กๆ เขาอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนอื่นๆ ถึงได้อยู่กับพ่อแม่ของพวกเขา แต่เขาต้องมาอยู่ที่บ้านของลุง

แม้ว่าครอบครัวของลุงจะใจดีกับเขามากและดูแลเขาเป็นอย่างดี แต่เด็กก็ยังต้องการความรักของพ่อแม่

แต่เมื่อเขาโตขึ้นและเข้าใจถึงความรับผิดชอบและหน้าที่ เขาจึงค่อยๆ เข้าใจพ่อแม่ของเขาไปโดยปริยาย

นัยน์ตาของพ่อซังและแม่ซังเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำ

พวกเขามีค่าต่อประเทศและประชาชน แต่พวกเขาก็รู้สึกละอายใจต่อลูกชายเพียงคนเดียวนี้ของพวกเขาเหลือเกิน

“อาจารย์ซัง อาจารย์สวี คุณผู้หญิงซัง พี่ซย่ามั่ว ซังเฟย ทุกคนคุยกันต่อเถอะนะคะ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อน”

อาจารย์สวีรีบคว้ามือของมู่เถาเยาไว้อย่างรวดเร็ว “หมอเทวดาน้อยมู่ ให้เราเลี้ยงข้าวเย็นเธอสักมื้อนะ”

“เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะคะ คือว่าเย็นนี้ฉันมีนัดทานข้าวเย็นกับศาสตราจารย์แล้ว”

“ตกลงจ้ะ พวกเราสองสามีภรรยาไม่มีงานที่ต้องออกไปไหนอีกในช่วงนี้ เราจะรอทานอาหารเย็นกับเธอ”

“ตกลงค่ะ”

คุณผู้หญิงซังซย่าอวี่ “เสี่ยวเยาเยา เธอนัดกับศาสตราจารย์ของเธอไว้ที่ไหนเหรอ เดี๋ยวฉันจะให้คนขับรถพาเธอไปส่ง”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณผู้หญิงซัง วันนี้ฉันเอารถมาด้วย”

“เธอได้ใบขับขี่แล้วเหรอ”

“ยังค่ะ ยังเหลือสอบขั้นสี่ขั้นสุดท้าย แต่วันนี้ฉันพาคนขับรถมาด้วย”

“โอเคจ้ะ งั้นเดี๋ยวเราเดินไปส่งเธอข้างล่าง”

ขณะที่มู่เถาเยากำลังจะปฏิเสธ ซย่ามั่วก็เข้ามาคว้าแขนของเธอไว้ “ไปกันเถอะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอเสียเวลา”

“…ก็ได้”

ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่เธอนัดกับศาสตราจารย์หลินและอาจารย์แม่หลินเอาไว้แล้ว ถ้าเธอไปช้ากว่ากำหนด พวกเขาคงเป็นห่วงแย่