ตอนที่ 151 ไม่กล้าขอให้ช่วยประคอง
เหลียงจีส่งมู่เถาเยาลงที่ลานจอดรถบริเวณด้านหน้าหอพักของมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู ขณะที่เธอกำลังจะขับรถกลับไป มู่เถาเยาก็เรียกให้เธอขึ้นไปกินข้าวเย็นด้วยกัน
อาจารย์แม่หลินที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานก็เชิญเหลียงจีให้ไปที่บ้านของเธอด้วย
เหลียงจีตอบรับคำเชิญนั้นอย่างเต็มใจ
“เสี่ยวเยาเยา เธอไปหาสาวสวยและเท่แบบนี้จากที่ไหนมาเป็นคนขับรถให้เธอเนี่ย”
“อาของฉันส่งเธอมาให้น่ะค่ะ”
“โอ้! สาวน้อยเธอชื่ออะไรเหรอจ๊ะ”
“อาจารย์แม่หลิน ฉันชื่อเหลียงจีค่ะ”
เมื่อกี้เธอได้ยินมู่เถาเยาเรียกอีกฝ่ายแบบนี้ เธอก็เลยเรียกตาม
“แซ่เหลียง ค่อนข้างหายากทีเดียว ใช่เหลียงจีจากอักษร สตรี หรือเปล่าจ๊ะ”
เหลียงจียิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ค่ะ เป็น จี ที่มาจากคำว่า อัญมณี”
“จี เดียวกับชื่อกลุ่มดาวนักสู้นะเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“เหลียงจี เธอต้องการมาเป็นแอร์โฮสเตสที่สายการบินเทียนหลังของเราไหม รูปร่างหน้าตาและนิสัยของเธอเหมาะสมมาก”
เหลียงจีตกใจมาก ถามไปว่า “สายการบินเทียนหลังแอร์ไลน์เหรอคะ”
“ใช่ สายการบินของเราเป็นยักษ์ใหญ่ในด้านการบิน รับประกันได้ว่าที่นี่ปลอดภัยและมีสวัสดิการที่ดีกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน!”
มู่เถาเยาหลุดหัวเราะดังพรืดออกมา
อาจารย์แม่หลินก้มหน้าลงและเคาะหัวของมู่เถาเยาไปเบาๆ แล้วพูดว่า “เสี่ยวเยาเยา แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน อาจารย์แม่กำลังดึงตัวคนของเธอไปต่อหน้าต่อตาเธอเลยนะ ยังจะมีอารมณ์มาหัวเราะอีก”
“อาจารย์แม่หลินดึงตัวเหลียงจีไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“ช่างมั่นใจจริงๆ”
เหลียงจี “อาจารย์แม่หลินคะ จริงๆ แล้วฉันเป็นนักบินและบอดี้การ์ดด้วยค่ะ”
แม้ว่าเจ้าหญิงน้อยจะไม่ต้องการการปกป้องจากเธอ แต่เธอก็ยังเป็นบอดี้การ์ด!
ริมฝีปากแดงของอาจารย์แม่หลินซึ่งทาด้วยลิปสติกสีแดงอิฐอ้ากว้างเป็นรูปตัวโอ
“นอกจากนี้ สายการบินเทียนหลังยังเป็นหนึ่งในธุรกิจของคุณชายรองของพวกเราด้วย”
สัดส่วนการถือหุ้นของเจ้าหญิงน้อยอาจจะน้อยกว่าคุณชายรองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับที่สอง
คุณชายรองมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจของชนเผ่าเป็นหลัก ดังนั้นกิจการของเขาจึงครอบคลุมไปตั้งแต่สายการบิน ธนาคาร กลุ่มรถยนต์ อุตสาหกรรมยา ฯลฯ… เครือเทียนเย่ว์เป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น
และเจ้าหญิงน้อยก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในทุกอุตสาหกรรม
กรามของอาจารย์แม่หลินตกลงไปที่พื้น
เจ้านายลึกลับปรากฏตัวแล้ว?
“…เหลียงจี ไม่ใช่ว่าอาของเสี่ยวเยาเยาฝากเธอมาไม่ใช่เหรอ แล้วคุณชายรองของเธอ…กับเสี่ยวเยาเยาคือ…”
อาจารย์แม่หลินหันไปทางมู่เถาเยา
“อืม เขาคือพี่รองของฉันเองค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะหน้ามืดนิดหน่อย ช่วยประคองฉันที ไม่สิ ไม่ๆๆ เธอเป็นน้องสาวของเจ้านายฉัน ฉันไม่กล้าขอให้เธอช่วยประคองหรอก…”
มู่เถาเยา “…”
เหลียงจีหยุดหัวเราะไม่ได้
“ฉันเป็นพนักงานคนหนึ่งเหมือนกัน เพราะงั้นให้ฉันช่วยประคองอาจารย์แม่หลินแทนนะคะ”
“มีอะไรกัน ทำไมทุกคนถึงไม่รีบขึ้นมาข้างบนล่ะ” ศาสตราจารย์หลินเดินลงมา
จากหน้าต่างของห้องครัว เขาเห็นคนสองสามคนมาถึงที่นี่นานแล้วแต่ก็ไม่ยอมขึ้นมาข้างบนสักที เขาจึงลงมาดู
“ศาสตราจารย์หลิน เรากำลังจะขึ้นไปค่ะ นี่คือเหลียงจีค่ะ”
“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์หลิน”
“สวัสดีเหลียงจี”
“ศาสตราจารย์คะ อาจารย์อาเล็กของฉันโทรมาบอกแล้วใช่ไหม”
“ใช่ ตัวเขาเองก็มาด้วยนะอยู่ในห้องครัว”
อาจารย์แม่หลิน “คุณกล้าดียังไงให้อธิการบดีเข้าครัวทำอาหาร ความกล้าของคุณนับวันจะมากขึ้นทุกทีแล้ว”
“ก็อธิการบดียืนกรานจะเข้าครัวทำอาหารเองนี่ เขาบอกว่าเสี่ยวเยาเยาชอบอาหารที่เขาทำมากที่สุดแล้ว”
“…เสี่ยวเยาเยาชอบกินอาหารของฉันต่างหาก คราวที่แล้วตอนที่เธอมาก็กินไปเยอะมาก! ฉันไปแย่งเข้าครัวกับอธิการบดีได้ไหม ถ้าเขาไม่มีความสุข เขาจะหาเรื่องคุณในที่ทำงานหรือเปล่า”
มู่เถาเยา “…”
เธอรู้สึกว่าอาจารย์แม่หลินไม่ควรไปทำงานที่สายการบินเลย แต่เธอควรอยู่บ้านและเขียนนิยายต่างหาก!
เหลียงจีหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
“ศาสตราจารย์คะพวกเราขึ้นไปกันเถอะ เดี๋ยวหนูจะขึ้นไปต้มยาให้อาจารย์แม่ด้วย”
“เหล่าหลินคุณไปต้ม พวกเราผู้หญิงสวยๆ สามคนจะไปนั่งพูดคุยและดื่มชากัน”
ศาสตราจารย์หลิน “ได้ๆๆ” นอกจากคำนี้เขายังจะตอบอะไรได้อีก!
มีผู้ชายอยู่ จะให้ผู้หญิงทำงานได้ที่ไหน! แบบนี้เสียหน้าผู้ชายหมด!
คนทั้งหมดขึ้นไปที่ชั้นบน
อาจารย์แม่หลินมองดูผลไม้สีขาวราวกับนมในถุงใบใหญ่ในมือของศาสตราจารย์หลินแล้วหันไปพูดกับมู่เถาเยาว่า “เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงยังมีผลนมหมาป่าเหลืออยู่อีกล่ะ”
“สองสามวันนี้ญาติๆ ของฉันมาเยี่ยมน่ะค่ะ พวกเขาเลยเอามาฝากให้เยอะมากเลย”
“เธอไม่เก็บไว้กินเองบ้างเหรอ”
คำพูดนี้เหมือนกับที่อาจารย์อาเล็กพูดกับเธอเมื่อตอนเที่ยงไม่ผิด
“มีเยอะมาก กินคนเดียวไม่หมดหรอกค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าจำกัดหนึ่งคนต่อครึ่งกิโลกรัมเองไม่ใช่เหรอ”
อาจารย์แม่หลินทำงานอยู่ในบริษัทสายการบินเทียนหลังซึ่งเป็นเครือของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ดังนั้นเธอจึงเคยไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์มาก่อนจึงรู้กฎของที่นั่นเป็นอย่างดี
“ญาติของฉันเป็นคนในเผ่าเลยเอาออกมาทีละมากๆ ได้น่ะค่ะ” สามารถกินได้มากตราบเท่าที่ต้องการเลย
“โอ้”
เมื่อหลายคนมาถึงที่หน้าประตู พวกเขาก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยออกมา
มู่เถาเยาเดินนำเหลียงจีเข้าไปในครัวก่อนเพื่อทักทายกับอาจารย์อาเล็ก
เหลียงจีพับแขนเสื้อของเธอขึ้น “อธิการบดีเจียงคะ ฉันช่วยคุณทำอาหารนะคะ”
“ไม่เป็นไร เธอไปนั่งดูทีวีหรือทำอะไรซักอย่างในห้องนั่งเล่นเถอะ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ควรเข้าครัว ในครัวมีแต่กลิ่นควันและน้ำมันเยิ้มๆ นี่ก็เหลืออีกไม่มากแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ออกไปนั่งเล่นเถอะ”
มู่เถาเยา “งั้นเราเอาผลไม้ไปล้างและกินกันก่อนเถอะ”
“อื้ม”
มู่เถาเยาและเหลียงจีเดินออกไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นเหลียงจีก็นำผลนมหมาป่าไปที่ห้องครัวเพื่อล้างทำความสะอาด ส่วนมู่เถาเยากำลังสอนศาสตราจารย์หลินถึงวิธีแยกสมุนไพร
อาจารย์แม่หลิน “เสี่ยวเยาเยา ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ทำไมถึงยังต้องกินยาอยู่อีกล่ะ”
“ต้องกินให้ครบชุดค่ะ ยานี้ดีต่อร่างกาย อาจารย์แม่หลิน ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักอีกครั้งในอนาคต มาขอยาลดน้ำหนักจากหนูแทนนะคะ หนูจะปรุงให้ แต่จะใช้วิธีอดอาหารแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
อาจารย์แม่หลินพยักหน้าอย่างลนลานว่า “ได้จ้ะ”
เธอกลัว สามีและลูกๆ ของเธอเองก็กลัวเช่นกัน แล้วเธอยังจะกล้าให้มีครั้งหน้าอีกเหรอ!
มู่เถาเยาเข้าไปในครัวกับศาสตราจารย์หลินและสอนเขาถึงวิธีต้มยาอย่างละเอียด
ยาต้มนี้สามารถรับประทานก่อนหรือหลังมื้ออาหารก็ได้
หลังจากที่ศาสตราจารย์หลินเริ่มต้มยา มู่เถาเยาก็ไม่ได้ออกไปไหน แต่อยู่ในครัวและคุยกับอาจารย์อาเล็กของเธอ
“อาจารย์อาเล็กคะ โค้ชเถียนกลับไปแล้วเหรอ”
“กลับไปแล้ว เขามาที่เมืองเย่ว์ตูเพื่อทำธุระน่ะเลยแวะมาหาฉัน ช่วงนี้เขายุ่งมาก”
“อื้ม”
เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนกว่าเท่านั้นก็จะถึงงานแข่งกีฬาระดับนานาชาติแล้ว จะไม่ให้เขายุ่งได้ยังไง
“เสี่ยวเยาเยา เธอจริงจังกับการเข้าร่วมการแข่งขันในอีกสี่ปีข้างหน้าจริงเหรอ”
“ค่ะ ถึงตอนนั้นฉันคงจบปริญญาเอกแล้วแถมยังเหลือเวลาอีกตั้งสี่ปี”
กีฬาในโลกนี้ก็น่าสนใจสำหรับเธอเช่นกัน
ไม่เหมือนชีวิตที่แล้ว สิ่งเดียวที่เล่นได้มีแค่แข่งม้า ขว้างลูกดอก และท่องบทกวี…
คิดแล้วก็น่ากระอักกระอ่วนนัก!
“การแข่งขันก็คือการแข่งขัน แต่เธอรับประกันกับเหล่าเถียนว่าตัวเองจะคว้าเหรียญทองได้ยังไง”
“อาจารย์อาเล็กเชื่อฉันไหมคะ”
“แน่นอน ฉันเชื่อเธอ ฉันแค่กลัวว่ามันจะมีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้น เรามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไปซะทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะ”
“อาจารย์อาเล็ก ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ถ้าฉันบอกว่าสามารถคว้าเอามาครองได้ก็คือคว้าเอามาครองได้”
“พวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน ใครจะคว้าเหรียญทองในรายการแข่งขันอะไรเหรอ” ศาสตราจารย์หลินดูสับสนอย่างมาก
อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยาจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในอีกสี่ปีข้างหน้าน่ะ”
“เสี่ยวเยาเยาอยากเป็นนักกีฬาเหรอ เป้าหมายของเธอคือเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่ใช่หรือไง” ศาสตราจารย์หลินถามอย่างหน้าซีด
ต่อให้เป็นคนโง่ก็ยังบอกได้ว่าระหว่างนักวิทยาศาสตร์การแพทย์กับนักกีฬาอันไหนสำคัญกว่ากัน
อาจารย์อาเล็กพูดอย่างหมดหนทางว่า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เหล่าเถียนนั่นบอกว่าวิทยาศาสตร์กับกีฬาไม่ขัดแย้งกัน”
โกรธมาก!
ไม่มีความขัดแย้งกันแล้วมันจะยังไง เสี่ยวเยาเยาของเขายุ่งมากนะ!
เธอควรจะพักผ่อนให้มากขึ้นเมื่อมีเวลาว่างสิ!
ยังมีคนที่มีความสามารถอีกเป็นจำนวนมากในประเทศเหยียนหวงที่สามารถไปคว้าเหรียญเกียรติยศมาให้กับประเทศได้ ทำไมต้องดึงตัวเสี่ยวเยาเยาของเขาไปด้วย!
แต่ก็อย่างที่เสี่ยวเยาเยาพูด เธอจะจบจากมหาวิทยาลัยก่อนสี่ปี ดังนั้นให้เธอได้ออกไปเปิดโลกกว้างบ้างก็ดี จะให้เธอนั่งมองท้องฟ้าของเมืองเย่ว์ตูตลอดไปไม่ได้
เด็กคนนี้ถูกกำหนดชะตาชีวิตมาแล้วว่าต้องไม่ธรรมดา
ในฐานะผู้อาวุโส พวกเขาไม่สามารถมัดมือมัดเท้าของเธอและห้ามไม่ให้เธอจากไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น กีฬาสำหรับเสี่ยวเยาเยาเองก็เป็นเพียงการละเล่นของเด็กเท่านั้น ใช่ เป็นเพียงการเล่นกันเท่านั้น
ยังไงซะ จะให้คนเอาแต่ขลุกอยู่แต่ในห้องวิจัยจนหัวโล้นไม่ได้จริงไหม
เพราะงั้นปล่อยเธอให้ออกไปเล่นเถอะ