ตอนที่ 152 ผมสูงที่สุดและหล่อที่สุด

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 152 ผมสูงที่สุดและหล่อที่สุด

ในตอนเที่ยงของวันศุกร์เหลียงจีมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อรับมู่เถาเยาและไปที่บ้านของศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลินในย่านศิลปะทางตอนใต้ของเมือง

“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงมาที่นี่ตอนเที่ยงแบบนี้ล่ะ แล้วนี่คือใคร”

“ศิษย์พี่หญิงห้า นี่คือนักบินเหลียงจีที่อาของฉันให้ฉันมาน่ะค่ะ ฉันจะกลับไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานในตอนบ่าย เลยแวะมาหาศิษย์พี่หญิงและพี่เขยก่อน”

“ฉันก็อยากไปหาอาจารย์ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานด้วย”

“ศิษย์พี่หญิงรออีกสักหน่อยเถอะค่ะ”

“อื้ม”

อายุครรภ์ของเธอยังไม่ถึงสามเดือนดี ตัวอ่อนยังไม่เสถียร และเนื่องจากอายุที่มากขึ้น เธอจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

“ศิษย์พี่หญิงห้า ฉันเอารังนกของเผ่าหมาป่าพระจันทร์มาฝากค่ะ ศิษย์พี่ให้พี่เขยตุ๋นให้กินทุกวันนะคะ”

รังนกของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ เป็นรังนกที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลก และราคาก็แพงที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน

แน่นอนมันไม่ได้มีส่งออก

เช่นเดียวกับผลนมหมาป่า เฉพาะผู้ที่เดินทางไปท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจที่เผ่าเท่านั้นถึงจะสามารถนำออกนอกประเทศไปเป็นของฝากได้ และจำกัดต่อคนเพียงห้าร้อยกรัมเท่านั้น

ห้าแสนหยวนสำหรับห้าร้อยกรัม นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถจ่ายได้

แต่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่ได้ขาดเงินจำนวนนี้ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสามารถจ่ายได้ เผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็จะไม่ขายมันไปมากกว่านี้!

เหตุผลที่ทำให้คนของเผ่าหมาป่าพระจันทร์มีผิวพรรณที่ดี นอกจากการกินผลนมหมาป่าแล้ว การกินรังนกก็ยังเป็นวิธีการดูแลผิวที่สำคัญอีกวิธีหนึ่ง

“ก็ได้ ถ้างั้นศิษย์พี่จะไม่เกรงใจกับเธอแล้ว แต่ครั้งหน้าอย่าเอามาอีก เธอพกของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยทุกครั้ง แถมแต่ละครั้งยังเอามาเป็นถุงใหญ่ ฉันกินไม่ทันแล้ว”

“ศิษย์พี่หญิงห้าก็กินมันทุกวันเลยสิคะ เดี๋ยวเดียวก็หมด ศิษย์พี่หญิงคะ เยี่ยจั๋วเป็นเด็กดีไหม”

“อุ๊บ…เธอยังเป็นเพียงถุงน้ำในครรภ์ของฉันอยู่เลย แต่เธอก็ค่อนข้างเชื่อฟังดี พักนี้ฉันไม่มีอาการแพ้ท้องเลย”

“แบบนั้นก็ดีค่ะ ศิษย์พี่หญิงยื่นมือออกมาเดี๋ยวฉันตรวจชีพจรให้”

ศิษย์พี่หญิงห้ายื่นมือไปหามู่เถาเยาอย่างเชื่อฟัง

หลังจากที่มู่เถาเยาจับชีพจรเสร็จ เธอก็พยักหน้าและพูดว่า “ดีมาก”

สองศิษย์พี่ศิษย์น้องนั่งคุยกันเรื่องเด็กเกือบครึ่งชั่วโมง เหลียงจีก็เดินออกมาจากครัวและเรียกพวกเธอให้ไปกินข้าว

มื้อนี้พี่เขยห้ากับเหลียงจีช่วยกันทำอาหาร

“ว้าว เหลียงจีไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่ฝีมือทำอาหารยังยอดเยี่ยมอีกด้วย! เธอต้องเป็นเจ้าสาวที่ดีแน่ๆ !”

“ศิษย์พี่หญิงชมเกินไปแล้วค่ะ”

“ฮ่าๆๆ เสี่ยวเยาเยาผู้คนรอบๆ ตัวเธอล้วนแต่มีความสามารถมากจริงๆ”

นี่ถือว่าอวดตัวเองด้วยได้ไหม

“ศิษย์พี่หญิงคะ สองคนนั้นที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้วคะ”

“กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว เสี่ยวเยาเยา อย่าได้กังวลไปเลย เธอยังเป็นนักเรียนอยู่นะ คิดถึงแต่เรื่องเรียนก็พอแล้ว”

“โอเคค่ะ” เธอแค่ถามไปตามนิสัย ไม่ได้คิดอะไร

พี่เขยห้าเดินเอาซุปมาเสิร์ฟให้กับทุกคนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กินข้าวกันเถอะ”

หลังจากกินข้าวเสร็จ มู่เถาเยาก็พาเหลียงจีกลับออกจากบ้านของศิษย์พี่หญิงห้า

เนื่องจากศิษย์พี่หญิงห้าตั้งครรภ์อยู่ อารมณ์ของเธอจึงค่อนข้างเซื่องซึมเล็กน้อย

แต่นี่ก็เป็นปฏิกิริยาในช่วงแรกๆ ของการตั้งครรภ์ปกติ

“เจ้าหญิงน้อย เราจะไปที่ไหนกันต่อดีคะ”

“กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลตี้ในเขตเซิ่งซื่อฉางอันก็แล้วกัน ครั้งนี้ฉันจะพาเสี่ยวเฮยเฮยไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานด้วย”

เจ้าตัวเล็กกัดขากางเกงของเธอทุกครั้งและไม่ยอมปล่อยให้เธอออกจากบ้าน สถานที่ในหมู่บ้านเถาหยวนซานน่าจะเหมาะกับมันที่จะวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน

“ตกลงค่ะ”

ทันทีที่ทั้งสองมาถึงคฤหาสน์ตระกูลตี้ สุนัขมาสทิฟฟ์ตัวน้อยที่มีขนสีดำเงางามก็กระดิกหางและเดินเข้ามาหาพวกเธอ

เมื่อเห็นท่าทางที่ร่าเริงของมัน มู่เถาเยาก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวมันหลายครั้ง

เจ้าตัวเล็กมีความสุขมาก มันใช้หัวของมันถูไถไปกับมือของมู่เถาเยา

อาคุนที่เดินตามหลังสุนัขมาสทิฟฟ์มาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หมอเทวดาน้อยมู่ เสี่ยวเฮยเฮยคิดถึงคุณมากเลยนะครับ มันมานั่งรอคุณที่หน้าประตูคฤหาสน์ทุกวัน”

“อื้ม ฉันจะกลับไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานในบ่ายวันนี้เลยว่าจะพามันไปด้วย”

“แล้วยังจะเอามันกลับมาอยู่ไหมครับ”

“คงไม่แล้ว ถ้ามันไม่อยากกลับมา ฉันก็จะให้มันอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานเลย”

“แต่มันคงจะคิดถึงคุณมาก”

“มันเป็นสุนัขป่า และสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านเถาหยวนซานน่าจะเหมาะกับมันมากกว่า”

ในหมู่บ้านเลี้ยงสุนัขไม่จำเป็นต้องใช้เชือกจูงใดๆ

อาคุนหาคำมาหักล้างคำพูดของมู่เถาเยาไม่ได้

แม้ว่าเจ้าตัวเล็กนี้จะไม่กัดคน แต่มันก็ดุสุดๆ !

ไม่นานหลังจากที่มันมาถึงคฤหาสน์ตระกูลตี้ มันก็ทำให้บอดี้การ์ดหลายคนรู้สึกสิ้นหวังไปกับมัน

แต่เพราะมู่เถาเยาเป็นคนเก็บมันกลับมา แถมคุณชายเล็กตี้อันเหยี่ยยังชอบมันมากด้วย พวกเขาจึงได้แต่ร้องไห้และปล่อยมันไป

โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าทุกครั้งลับหลังสองคนนี้ มันรังแกและทรมานบอดี้การ์ดไปนับไม่ถ้วนแล้ว

“จะให้ผมขนอาหารและบ้านสุนัขของมันออกมาเลยไหมครับ”

“อีกเดี๋ยวฉันจะโทรบอก ไว้ค่อยขนไปตอนนั้น เอาขึ้นเฮลิคอปเตอร์โดยตรงเลยก็แล้วกัน”

“รับทราบครับ”

“ฉันจะไปที่ห้องอ่านหนังสือของตี้อู๋เปียนก่อน เขาบอกว่ามีหนังสือใหม่เข้ามา”

“หมอเทวดาน้อยตามสบายเลยครับ เดี๋ยวผมจะให้คนส่งของว่างและน้ำชายามบ่ายขึ้นไปให้”

“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวฉันจะกลับไปที่วิลล่าตระกูลเย่ว์เพื่อไปเก็บของ ฉันจะลงมาทันทีหลังจากที่หาหนังสือเจอแล้ว”

“เข้าใจแล้วครับ เอ่อ…คือว่า…หมอเทวดาน้อย…ผม…”

“คุณก็ต้องการไปด้วยเหมือนกันเหรอ”

อาคุนพยักหน้าหงึกหงัก

คนที่เดินออกมาหลังจากนั้นยังมีบอดี้การ์ดส่วนตัวของตี้อู๋เปียนอีกหลายคน รวมถึงพ่อบ้านจงด้วย

ทุกคนเข้ามารุมล้อมมู่เถาเยา

มู่เถาเยา “…ฉันพาไปได้มากสุดแค่สองคนเท่านั้น”

“ผม ผม ผม…เลือกผมนะครับ!”

“หมอเทวดาน้อย เลือกผมดีกว่า! ผมสูงที่สุดและหล่อที่สุด!”

คนข้างๆ ซัดกำปั้นใส่เขาแรงๆ ทันที

จากนั้นคนที่สูงที่สุดและหล่อที่สุดก็มีสภาพหน้าคล้ายหมูที่น่าเกลียด

อเนจอนาถอย่างมาก

“หมอเทวดาน้อย ผมเคยขับรถไปรับไปส่งคุณบ่อยๆ พาผมไปด้วยเถอะนะครับ!”

การแสดงออกของอาคุนนั้นประจบสอพลออย่างมาก

มู่เถาเยา “…”

ความรู้สึกว่าต้อง ‘ตอบแทนความเมตตา’ จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา

พ่อบ้านจงคำรามและผลักเขาออกไป “ไปให้พ้นเลยเจ้าพวกเด็กไม่ได้ความพวกนี้! ฉันสิที่ต้องไป ฉันยังต้องไปดูแลนายน้อยนะ!”

มู่เถาเยาไม่ต้องการมีส่วนร่วมใน ‘การต่อสู้แย่งชิง’ ระหว่างพวกเขา ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “พวกคุณไปตกลงกันเอง เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปหาหนังสือก่อน”

ลุงจง “หมอเทวดาน้อยไปทำธุระของคุณเถอะครับ คุณจะรู้ผลทันทีเมื่อคุณลงมา”

“อื้ม”

“เจ้าหญิงน้อย ฉังจะรออยู่ตรงนี้นะคะ”

เหลียงจีต้องการดูว่าพวกเขาจะ ‘ตกลง’ กันยังไง

“อืม”

มู่เถาเยาเดินผ่านกลุ่มบอดี้การ์ดขึ้นไปที่ชั้นบนและเดินตรงไปที่ห้องอ่านหนังสือของตี้อู๋เปียน

เสี่ยวเฮยเฮยวิ่งตามหลังเธอไปราวกับเป็นหางน้อยๆ

หลังจากที่มู่เถาเยาไม่อยู่ในสายตาอีกต่อไป ลุงจงก็พูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า “ฉันจะต้องไปดูแลนายน้อยเพราะงั้นใครก็ตามห้ามแย่งที่นั่งของฉัน!”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งโต้กลับทันที “ลุงจง นายน้อยอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เขาสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ลุงเลย”

ลุงจงถลึงตาจ้องไปที่คนพูด “ถ้านายน้อยไม่ต้องการฉัน เขายิ่งไม่ต้องการแก พวกแกไม่รู้หรือไงว่าหมู่บ้านเถาหยวนซานเป็นสถานที่แบบไหน เขายังต้องการการปกป้องจากแกเหรอ ล้อเล่นน่า!”

อาคุน “ผมไปที่นั่นเพื่อเรียนรู้”

“ถุย ไอ้เจ้า…”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ คนข้างๆ เขาก็ยกหมัดขึ้นซัดเขาทีละคน

ลุงจง “ต้าอัน ระวังคำพูดและการกระทำของแกหน่อย ยังมีผู้หญิงอยู่ตรงนี้นะ!”

ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน “ฉันเห็นด้วย!”

ต้าอันจ้องไปที่ดวงตาที่ราวกับฝูงเสือ

เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม!

ทุกคนผลักเขาออกมาจากกลุ่มและเปลี่ยนเขาจากคนที่หล่อเหลาที่สุดไปเป็นคนที่อัปลักษณ์ที่สุด

พ่อบ้านจงยกมือขึ้นไพล่หลัง “เอาล่ะ ฉันจะไป ที่เหลืออีกที่นั่งหนึ่งพวกนายไปคุยกันเอง”

“ไม่สิ! ลุงจง ลุงไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ปล่อยให้พวกเราไปแทนล่ะ!”

“แกกล้าดียังไงมาหาว่าฉันไร้ประโยชน์! ฉันจำหน้าแกไว้แล้วหลัวจิ่น! รอฉันฟ้องนายน้อยได้เลย!”

หลัวจิ่น “…ลุงจง ไม่สิ ลุงชั่วร้ายมาก!”

พ่อบ้านจงเชิดคางขึ้น “และแกอีกคน ฉันจะหักเงินเดือนใครก็ตามที่คัดค้านการไปของฉัน!”

ทุกคน “…”

เจ็บจี๊ด!

ค่าจ้างของพวกเขาถูกจ่ายโดยลุงจง!

เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบกริบ ลุงจงก็ฮัมเพลงเบาๆ แล้วเดินกลับไปเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดที่ห้องของเขาอย่างอารมณ์ดี

“วันนี้อากาศแจ่มใส ทิวทัศน์ทุกหนแห่งช่างสวยงามน่ามอง ผีเสื้อบินวน หมู่ผึ้งวนเวียน…”

บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งมองตามหลังพ่อบ้านจงด้วยสีหน้าราวกับเพิ่งกินยาขม

เหลียงจีมีความสุขมาก

คนในตระกูลตี้ทุกคนนั้นตลกมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูจริงจังมาก

บอดี้การ์ดของประเทศเหยียนหวงนั้นแตกต่างจากเผ่าของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

บอดี้การ์ดของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ คุณแทบจะบอกไม่ได้เลยว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดจริงๆ ไหม เพราะสภาพในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อลายดอก ดูเอะอะราวกับเป็นนักเลง

แต่บอดี้การ์ดของประเทศเหยียนหวงนั้นสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ในฤดูร้อนแบบนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นการแต่งกายแบบนี้ก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะยืนห่างจากพวกเขาไปด้วยความเกรงขาม

แต่เมื่ออยู่ในที่ส่วนตัวลับตาคนแบบนี้…

เซอร์ไพรส์มาก

เหลียงจีมองดูภาพทุกอย่างตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน