“โอ้~ นายเป็นนักวิชาการเหรอ?”

“เธอจะว่าผมเป็นแบบนั้นก็ได้”

ผมตอบกลับขณะที่มองไปที่เซเลสทีเนียที่ปลอมตัวอยู่ ปัจจุบันเธอมีผมสีน้ำตาลและดวงตาพร้อมกับใบหน้าธรรมดาๆ คนหนึ่งซึ่งจะถูกลืมในฝูงชน ย้อนกลับไปในเกมผมบังเอิญขึ้นมาบนจุดนี้และหลังจากที่ผมคุยกับเธอเนิ่นนาน ผมก็ค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในใจเธอ

แม้ว่าผมจะเสียใจในภายหลัง แต่จากสิ่งที่ผมรู้ เซเลสทีเนียเป็นนักวิชาการ คุณสามารถพูดได้ว่าเนื่องจากสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของเธอ ผู้หญิงคนนี้จะมีอำนาจอย่างมากในอนาคตอย่างแน่นอน จะเห็นได้ว่าเธอไปถึงระดับดรากอนอยด์ขั้น 1 ในตอนที่อายุเพียง 21 ปีเท่านั้น

แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคำสาปสำหรับเซเลสทีเนีย พลังของเธอจะเติบโตตามธรรมชาติและความพยายามของเธอจะไม่สำคัญมากนัก ดังนั้นเธอจึงต้องการบางอย่าง เธอต้องการบรรลุบางสิ่งจากความพยายามอันบริสุทธิ์ของเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงลงเอยด้วยการเป็นนักวิชาการและเธอรักมัน เธอจะค้นคว้าและอ่านหนังสือเก่าและหนังสือที่สูญหาย ดึงความหมายหรือเจตนาที่ซ่อนอยู่ออกมา

ในความเป็นจริงภายใต้ชื่อที่ซ่อนอยู่ เซเลสทีเนียเป็นนักประวัติศาสตร์และนักวิชาการที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดและเก่งที่สุดในโลก แค่จำนวนหนังสือที่เธอถอดรหัสและแก้ไขได้มันก็น่าเหลือเชื่อแล้ว เธอยังนำหนังสือที่คัดลอกมาหลายเล่มออกมาให้แสงสว่าง มันเป็นงานอดิเรกที่เธอชอบ  

และนั่นคือสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ในตอนนี้

“อย่างงั้นเหรอ? ถ้าเช่นนั้นนายก็ต้องรู้เกี่ยวกับรูปแบบที่ 24 ด้วยสินะ?”

“อ๋อ? เธอหมายถึงคนที่พูดว่า ‘อย่าให้กษัตริย์ปกครองแต่ให้ประชาชนเป็นผู้ปกครอง’ จริงๆ แล้วมันเป็นมุมมองที่น่าสนใจทีเดียวจากกษัตริย์”

“นายชอบประโยคนี้เหรอ?”

“แน่นอนสิ”

ผมตอบกลับเซเลสทีเนีย 

เมื่อได้ยินคำตอบของผม แววตาแห่งความสนใจก็เริ่มปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ เธอเอนตัวไปข้างหลังขณะมองมาที่ผมอย่างใจเย็นก่อนจะถามอีกครั้ง

“มีเหตุผลอะไรที่นายเข้าหาฉันกันหล่ะ?”

เมื่อได้ยินคำถามของเธอ ผมก็ไม่แปลกใจเลย ผมมั่นใจว่าการจ้องมองของผมและการเดินเข้ามาหาเธอจะทำให้เธอสงสัย ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ของตัวเองพร้อมกับยิ้มอย่างใจเย็นก่อนจะตอบกลับ

“ผมแค่สนใจผู้หญิงปลอมตัวที่กำลังนั่งเหงาอยู่ตรงมุมห้องเฉยๆ หน่ะ”

“หืมม?~ นั่นคือคำตอบที่มาจากคนที่ปลอมตัวมาเหรอ?”

แม้จะแปลกใจกับคำตอบของผม แต่เซเลสทีเนียก็ตอบกลับมาอย่างใจเย็น แต่ความสนใจของเธอที่มีต่อผมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมพูดกับเธอต่อ

“ฉันคิดว่าการปลอมตัวของตัวเองดีแล้วนะ นายเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของฉันไหม?”

แม้ว่าคำถามที่เธอถามผมจะดูธรรมดา แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงน้ำหนักจากน้ำเสียงนั้น 

ผมโบกมือให้เธอก่อนจะตอบกลับ

“น่าเสียดาย ผมบอกได้เลยว่าการปลอมตัวของเธอนั้นดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แม้แต่ตอนนี้ผมยังมองผ่านหน้าของเธอไม่ได้เลย”

“อันที่จริง ฉันค่อนข้างภูมิใจในเวทมนตร์ของตัวเองเลยนะ คิดว่านายคงได้เห็นมันไปแล้ว ว่างั้นไหม~?”

“ก็สุภาพบุรุษไม่เคยเปิดเผยความลับของเขา คุณผู้หญิง~”

หลังจากที่ผมพูดจบ เราทั้งคู่ก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนเร้น เราทั้งคู่ก็หยอกล้อกันและตอนนี้ก็ถึงจุดจนแล้ว ในตอนนั้นเองที่เซเลสทีเนียเปิดปากของเธอและพูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“แหม่…แหม่ คุณออสติน ฉันต้องบอกเลยว่านายค่อนข้างปากหวานเลยนะ ฉันสงสัยว่าแฟนคลัปของนายจะรู้สึกอย่างไรกับอีกด้านของนายจัง”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้วคิ้วของผมขมวดด้วยความรำคาญ ผมทำราวกับว่าตัวเองตกหลุมพรางของเธอเพราะผมมองไม่เห็นผ่านการปลอมตัวของเธอ 

เมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของผมที่โผล่มาแป๊บเดียว ความรู้สึกอยู่เหนือกว่าก็เต็มหัวใจของเซเลสทีเนีย

“ผมคิดว่าแฟนๆ ของผมอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้ ถ้ามันมาจากหญิงสาวขุนนาง, งดงามและมีอำนาจเช่นตัวเธอ ผมเดาว่าเธอน่าจะรู้มากกว่าผมนะ”

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นขุนนาง, มีอำนาจและงดงาม”

ความสนใจของเธอเพิ่มขึ้นอีกครั้ง 

เมื่อฟังเธอแล้วรอยยิ้มที่พอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม ซึ่งผมเห็นว่ามันทำให้เซเลสทีเนียเคืองเล็กน้อย ผมตอบกลับด้วยจิตใจที่สงบ

“มันค่อนข้างง่ายที่จะเห็นด้วยคำใบ้บางอย่าง เช่นความจริงที่ว่าทุกการเคลื่อนไหว, มารยาทและการใช้ถ้อยคำของเธอเต็มไปด้วยความสง่างาม บ่งบอกว่าเธออาจมีตำแหน่งที่สูงกว่า และค่อนข้างสูงในตอนนั้น เนื่องจากผมมองเห็นได้ว่าเธอไม่รู้สึกกลัวหรือหน้าแดงเวลาที่เธอมองผม ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่ผมคิดว่าตัวเองค่อนข้างป๊อปปูลาร์เลยนะ”

“คุณออสติน ฉันคิดว่านายน่าจะหลงตัวเองนั่นแหละ”

ผมตอบโดยไม่สนใจกระแซะของเซเลสทีเนีย

“นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าเธอสามารถใช้เวทมนตร์ระดับสูงได้ แต่ผมไม่สามารถมองทะลุผ่านได้ สำหรับความจริงที่ว่าผมรู้ว่าเธองดงามได้ยังไงงั้นเหรอ? เรียกมันว่าสัญชาตญาณของผู้ชายก็ได้ ความจริงที่ว่าเธอเองก็เห็นด้วยกับคำที่ผมพูดและอย่าให้ผมพูดถึงความผิดพลาดอื่นๆ ที่เธอทำเลย”

และแล้วผมก็ใช้เวลาอีก 2-3 วินาทีพูดถึงความผิดพลาดที่เธอทำ หลังจากพูดจบผมก็เอนหลังพิงเก้าอี้และมองเซเลสทีเนียด้วยความพึงพอใจ เมื่อเห็นแบบนั้นเซเลสทีเนียก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา ความปรารถนาที่อยากเอาชนะผมพุ่งขึ้นมาเต็มเปี่ยมในหัวใจของเธอ

“ดูเหมือนว่านายจะเก่งเรื่องการตรวจจับนะ ฉันสามารถสันนิษฐานได้ว่าคุณรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ด้วยได้ไหม?”

“ข้ามเรื่องตัวตนของเธอแล้วกระโดดมาตั้งคำถามกับผมเหรอ?”

“ในฐานะสุภาพบุรุษ นายต้องรู้ว่าอย่าล้วงความลับของผู้หญิง มันไม่ดีหรอกนะและคำถามสุดท้ายของฉันถือเป็นการแข่งขัน~”

“แข่งขันเหรอ? ผมไม่ชอบทำให้ผู้หญิงร้องไห้นะ โดยเฉพาะหลังจากที่เธอแพ้”

“โอ้~~ เราจะได้รู้กัน”

เราทั้งสองโน้มตัวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่แทบจะกลืนกินกันขณะที่เรามองหน้ากัน 

เมื่อมองไปที่เซเลสทีเนียแล้ว ผมจึงพยักหน้าให้เธอก่อนจะตอบกลับ

“แน่นอน ผมไม่รังเกียจ แต่การแข่งขันที่ดีไม่ได้ว่าต้องมีรางวัลด้วยเหรอ?”

“นายจะเสนออะไรหล่ะ?”

“เพราะเธอไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเธอและเห็นว่าเธอรู้จักผม ผู้แพ้จะต้องบอกหนึ่งอย่างเกี่ยวกับตัวเอง”

หลังจากที่ผมพูดจบ ผมก็มองไปที่เซเลสทีเนียขณะที่รอให้เธอตอบ 

ดูเหมือนเธอจะคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะพยักหน้าและตกลง

“เอาสิ ฉันไม่รังเกียจที่จะดูดความลับของนายหรอกนะ”

“งั้นมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

เราทั้งสองพยักหน้าให้กันในขณะที่เราเริ่มการแข่งขัน โดยเซเลสทีเนียเป็นคนเริ่มก่อน

“ย่อหน้าที่ 2 ของพิธีกรรมที่ 22”

“ไม่ใช่เลือดของคนที่ตาย แต่เลือดของคนที่ฆ่าทำให้เลือดสกปรก”

เมื่อได้ยินคำตอบของผม เซเลสทีเนียก็พยักหน้า 

ผมจึงพูดขึ้น

“รูปแบบที่ 11 ย่อหน้าที่ 4”

“ไม่ใช่เลือดของกษัตริย์ แต่เป็นเลือดของทหารต่างหาก”

เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ ผมจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยให้กับเซเลสทีเนียโดยไม่ได้สนใจที่เธอพูดเลย

“พิธีกรรมที่ 9 สองย่อหน้าสุดท้าย”

“เลือดที่คุณรับไปอาจมองไม่เห็นในร่างกายของคุณ แต่เลือดจะฝังอยู่ในจิตวิญญาณของคุณ และถูกละทิ้งไปตลอดกาล”

ผมตอบคำถามของเซเลสทีเนียอย่างใจเต้น 

เมื่อเห็นว่าผมตอบได้ง่ายๆ เธอก็เริ่มจริงจัง

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต