ตอนที่ 226 ไม่อาจแพร่งพราย ตอนที่ 227

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 226 ไม่อาจแพร่งพราย / ตอนที่ 227 ดูคุณหนูใหญ่ไม่ออก

ตอนที่ 226 ไม่อาจแพร่งพราย

หลังจากฉีหวงกลับไป สะใภ้หวังมองของเหล่านี้ เช็ดน้ำตาบนหางตา ห่อผ้าเอาไว้อีกครั้ง ตั้งสติ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับจังเฉวียนจยา “วาจาของฉีหวงเมื่อครู่พี่หงคงได้ยินแล้วหรือไม่”

จังเฉวียนจยาเป็นคนฉลาด เอ่ย “นายหญิงใหญ่ บ่าวกลับไป จะบอกกับนายหญิงผู้เฒ่าไม่ขาดตกสักคำเจ้าค่ะ”

สะใภ้หวังพยักหน้า เอ่ย “ท่านก็อย่าได้เอ่ยอย่างอื่นให้มากความ ซีเอ๋อร์เด็กคนนั้นดูเย็นชา แต่มีความคิดอยู่ในใจ นางเป็นเด็กฉลาดที่หาได้ยาก ดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก” นางลูบกล่องยาอันกง ยิ้มขมขื่น “ยามนี้ดูแล้ว เป็นข้าที่ไม่คู่ควรเป็นแม่ใหญ่”

ไม่สิ เป็นตระกูลฉินต่างหากที่ไม่คู่ควร

“นายหญิงใหญ่ ท่านอย่าได้ดูถูกตนเองเลยเจ้าค่ะ”

“ท่านไม่เข้าใจ เด็กคนนี้อยู่ตัวคนเดียวมาตลอดสิบปีในบ้านเดิม ต่อให้หลายปีมานี้จะมีของขวัญมีบ่าวรับใช้คอยดูแล แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้ว จะเย็นชาและโหดร้ายเพียงใดกัน” สะใภ้หวังถอนหายใจ “สถานการณ์ของตระกูลฉินในยามนี้เป็นอย่างไรท่านเองก็เห็นแล้ว แม้แต่ข้ายังต้องพึ่งพาของที่ท่านแม่ส่งมาให้ นางสตรีตัวคนเดียวที่เพิ่งถึงวัยปักปิ่นกลับนำของล้ำค่าเพียงนี้ออกมา ข้ากลับไม่รู้ว่านางได้มาอย่างไร ระหว่างนี้ยังต้องทุ่มเทไปมากเพียงใด นางกลับนำมันออกมาเช่นนี้ข้าจะไม่รู้สึกติดหนี้หรือ”

จังเฉวียนจยาเอ่ยถามหยั่งเชิง “นายหญิงใหญ่ ความหมายของท่านคือยาเหล่านี้มีค่าพันตำลึงอย่างที่สาวใช้คนนั้นเอ่ยจริงหรือเจ้าคะ”

สะใภ้หวังชะงัก เอ่ย “นางเป็นคนลัทธิเต๋า ไม่โกหกง่ายๆ ยาสองชนิดนี้ เหมือนกับยาที่ออกมาจากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ หาได้ยาก โดยเฉพาะยาอันกง เมื่อก่อนข้าอยู่เมืองหลวงอยากซื้อส่งมาให้ท่านแม่ก็ยังไม่ได้ ตอนนี้กลับ…”

รอยยิ้มนางหายไป รู้สึกตกใจกับความสามารถของฉินหลิวซี เก่งกาจและลึกลับกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก

จังเฉวียนจยาเอ่ย “คุณหนูใหญ่มีความสามารถน่าอัศจรรย์เช่นนี้ เช่นนั้นตระกูลฉินก็คงไม่…”

วาจาของนางหยุดลงภายใต้สายตาของสะใภ้หวัง รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

สะใภ้หวังเอ่ย “วาจาข้างหลังนั้นพี่หงอย่าได้เอ่ย แม้ซีเอ๋อร์จะเป็นสตรีตระกูลฉิน แต่หลายปีมานี้ตระกูลฉินให้สิ่งใดแก่นางเล่า การคุ้มครองจากตระกูลหรือความห่วงใยจากบิดามารดาหรือ ไม่มีสักอย่าง”

นางยิ้มหยันให้ตนเอง เอ่ย “แม้ตระกูลฉินจะตกต่ำแล้ว แต่ต้องเป็นเหมือนครอบครัวชาวบ้านเล็กๆ ทอดทิ้งลูกให้อยู่ตัวคนเดียวเมื่อได้ดีแล้วค่อยสนใจด้วยหรือ นั่นไม่ควร ข้าเองก็ไม่มีหน้าจะทำเยี่ยงนั้น นางก็ยังเป็นนาง ข้าทำเป็นไม่รับรู้ และขอพี่หงเองก็อย่าได้เอ่ยออกไป วันนี้เพิ่งไปก่อเรื่องที่เรือนนายหญิงผู้เฒ่าจนโมโหมาแล้ว”

ก่อเรื่องเช่นนั้น ยาล้ำค่าเช่นนี้ยิ่งไม่ควรให้นายหญิงผู้เฒ่ารู้ว่าฉินหลิวซีมอบให้ท่านยาย มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร จะบอกว่าคนอื่นสำคัญกว่าท่านย่าของตน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการที่มีสะใภ้หวังที่ชอบยุแยงผู้นั้น

“หากมีคนถามเจ้าว่าคุณหนูใหญ่ให้ของขวัญหรือไม่ ท่านบอกว่าให้ยันต์อยู่เย็นเป็นสุขสักสองสามแผ่นก็พอ ยาสองอย่างนี้ไม่ต้องเอ่ยถึง ไม่ใช่ข้าเข้าข้างบ้านมารดา แต่ข้าไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้เด็กคนนั้น”

จังเฉวียนจยาใช่ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่นางเอ่ย รีบเอ่ย “นายหญิงใหญ่วางใจ บ่าวรู้ว่าควรทำอย่างไรเจ้าค่ะ”

สะใภ้หวังพยักหน้า เอ่ยขึ้น “หลังจากกลับไป ยาสองชนิดนี้ท่านจะมอบให้ท่านแม่ต่อหน้าคนอื่นมากมายไม่ได้ ระวังสักหน่อย”

จังเฉวียนจยาตกใจ

ไม่ควรโอ้อวดหรือ ไม่ใช่ต้องทำให้คนอื่นรู้ว่านายหญิงใหญ่ไม่ใช่คนที่เอาแต่อาศัยชื่อเสียงจากคนอื่นหรือ

“ตระกูลฉินเพิ่งเจอเรื่องเลวร้าย ข้าไม่คิดว่าซีเอ๋อร์จะมีของเหล่านี้ คนนอกไม่รู้ว่านางถูกเลี้ยงมาในลัทธิเต๋ามาโดยตลอด เพียงคิดว่าพวกเราเหลือทาง ท่านว่าหากคนเห็นสิ่งนี้จะไม่ทำให้คนคิดมากขึ้นไปอีกหรือ” สะใภ้หวังเอ่ยเสียงเรียบ “วาจาเอ่ยต่อกันมากไปก็ไม่น่าฟัง ข้ายอมให้คนอื่นรู้ว่าข้าตกต่ำ แต่ไม่ยอมให้ซีเอ๋อร์ของเราต้องมาวุ่นวายเพราะความอยากโอ้อวด นี่เป็นสิ่งที่ข้าทำได้ในยามนี้”

จังเฉวียนจยาคารวะ “เป็นบ่าวที่คิดน้อยไปเองเจ้าค่ะ โชคดีที่มีนายหญิงคอยเตือน”

“ท่านเข้าใจความหมายของข้าก็ดีแล้ว”

ตอนที่ 227 ดูคุณหนูใหญ่ไม่ออก

เสิ่นหมัวหมัวเปลี่ยนกาน้ำชาให้สะใภ้หวัง มองห่อผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะ เอ่ย “นายหญิง น้ำใจของคุณหนูใหญ่ ยิ่งใหญ่จริงๆ เจ้าค่ะ”

ตระกูลหวังเพิ่งส่งของมาไม่มาก รวมเงินและของก็ไม่เกินสามพันตำลึง แต่ของขวัญตอบแทนของฉินหลิวซี เพียงยาอันกงนั้น ต่อให้มีเงินใช่ว่าจะซื้อได้

“ใช่ ยิ่งใหญ่นัก” สะใภ้หวังเหลือบมองเล็กน้อย เอ่ย “ข้าไม่รู้จะตอบแทนนางอย่างไรแล้ว”

เสิ่นหมัวหมัวมองออกไป ยามนี้บ่าวรับใช้ในเรือนมีน้อย บ่าวรับใช้ต่างก็ทำงานเบ็ดเตล็ด สาวใช้เองก็เช่นกัน ไม่ว่าสาวใช้คนใดต่างก็ยากที่จะเรียกใช้

ในเมื่อคนน้อยจึงไม่มีใครเพ่นพ่านนัก พูดคุยกันไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยิน แต่เสิ่นหมัวหมัวยังคงมองออกไปด้านนอกอย่างระมัดระวัง

“ท่านร่วมทุกข์ร่วมสุข รุ่งเรืองด้วยกัน ทุกข์ยากด้วยกัน ยังไม่ต้องเอ่ยถึงตระกูล เพียงเรือนของเรา พวกท่านนั้นเป็นเหมือนคนเดียวกัน ควรสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไหนเลยจะมีการติดหนี้เล่าเจ้าคะ”

สะใภ้หวังส่ายศีรษะ “หลักการเป็นเช่นนั้น แต่เจ้าลองคิดดู พวกเราคู่ควรที่จะปฏิบัติเช่นนั้นหรือ หากเจ้าเป็นนาง เจ้าทำได้หรือ”

เสิ่นหมัวหมัวสะอึกไป

“พวกเรายังทำไม่ได้ ต่อให้เป็นข้า เบื้องหน้านอบน้อมแต่ก็คงส่งของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ไม่ได้” สะใภ้หวังลูบห่อผ้าพลางถอนหายใจ “ข้านับว่าดูออกแล้ว เด็กคนนี้ หากเจ้าดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับมาหลายเท่า”

แม้จะบอกว่าเป็นเรื่องคู่ควรที่จะดีใจยินดี แต่ไยนางจึงรู้สึกปวดใจนัก

เสิ่นหมัวหมั่วเอ่ย “นายหญิง อย่างไรท่านก็มีบุญ วันเวลาข้างหน้ายังอีกยาวไกล ท่านมีเวลาดีกับนางอีกมาก อยู่ด้วยกันเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาบุตร หรือเป็นนายและบ่าว ต่างก็ต้องอาศัยเวลาเพื่อดูไมตรี วันเวลายาวนานเห็นถึงจิตใจคน ต่อไปจะดีขึ้นเจ้าค่ะ”

“เป็นเช่นนั้นโดยแท้” สะใภ้หวังเม้มริมฝีปากยิ้ม เอ่ย “ข้าแต่งมาตระกูลฉิน เคยมีความทุกข์ และได้มีความสุข ตอนนี้ดูแล้ว สวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับข้านัก”

“รอนายน้อยสามกลับมา ความสุขของท่านจะยิ่งมีมากขึ้นเจ้าค่ะ” เสิ่นหมัวหมัวเอ่ย

สะใภ้หวังนึกถึงบุตรชาย รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าคิดอะไรมาก เอ่ย “เดี๋ยวเจ้ากลับไปจัดการของขวัญกับผู้ดูแลหลี่ ไม่ต้องยิ่งใหญ่นัก เอาของขึ้นชื่อเล็กๆ น้อยๆ ของเมืองหลีก็พอ อย่างอื่นทุกคนต่างก็รู้ว่าข้าตกต่ำ ไม่ได้มีของมากมายที่จะมอบให้ได้ ส่วนสิ่งนี้ ท่านแม่รู้ก็พอแล้ว”

นางจุดเตาไฟอุ่นในห้อง เอ่ยเสียงเบา “ของสองอย่างที่ซีเอ๋อร์มอบให้ เจ้าระวังอย่าได้หลุดปากออกไป หากให้คนพวกนั้นรู้เข้า ไม่รู้ว่าจะโวยวายอย่างไร ไม่เพียงลอบนินทาว่าข้าเข้าข้างบ้านมารดา ยังจะบอกว่าซีเอ๋อร์ไม่กตัญญู เช่นนี้จะไม่สร้างปัญหาให้นางหรือ”

เสิ่นหมัวหมัวแสดงสีหน้าหวาดหวั่น เอ่ย “ท่านวางใจเจ้าค่ะ บ่าวรู้หนักเบาดี นายหญิง ท่านว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้ ไยนับวันยิ่งทำให้คนดูไม่ออก บ่าวดูแล้ว นางก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สวมใส่ก็ไม่ได้งดงาม แต่ท่านดูสิเจ้าคะ ยาล้ำค่าเพียงนี้ นางกลับเอามาเป็นของขวัญตอบแทนได้อย่างง่ายดาย”

สะใภ้หวัง “สิบปี อยู่กันคนละที่ ชีวิตของนาง ข้องเกี่ยวกับใครบ้างในระหว่างนี้ ทำอะไรบ้าง ไม่ต้องไปถามหาแล้ว นางมีความคิดอยู่ในใจอยู่แล้ว”

นางนึกถึงเมื่อครั้งที่เจอกองเครื่องประดับมากมายอยู่กับฉินหลิวซี เปลือกตาเขม่น ของเหล่านั้นและยานี้ ผู้ที่เรียกว่าเป็นสหายของนางอาจมอบให้ก็เป็นได้