ตอนที่ 228 ใต้เท้าท่านเป็นบิดาผู้บังเกิดเกล้าของข้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 228 ใต้เท้าท่านเป็นบิดาผู้บังเกิดเกล้าของข้า

ฉินหลิวซีนั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นั่ง ตรงหน้านางคือเงินทองแดงโบราณเรียบง่ายสามเหรียญวางอยู่ตรงหน้า ด้านข้างมีผังแปดทิศที่ถูกโยนมาแล้วกว่าหกครั้ง นางมองผลที่แสดงออกมา สีหน้าไม่น่ามองแม้เพียงนิด

มังกรซ่อนในมหาสมุทร ผีชั่วตนนั้นซ่อนตัวอยู่ในโลกมนุษย์ ไร้ร่องรอย

“หึๆ ระแวดระวังตัวมากจริงๆ” ฉินหลิวซีหยิบดินสอถ่านขึ้นมา ขีดกากบาทบนผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นมา รอยยิ้มส่งไปไม่ถึงดวงตา

นางจะคอยดู เจ้าสิ่งนี้จะซ่อนตัวไปจนถึงเมื่อใดที่ใด รอนางบินสูงขึ้นเขายังซ่อนตัวอยู่ได้ นั่นนับว่านางแพ้

ฉินหลิวซีหน้าบึ้งด้วยความโกรธ จ้องกากบาทใหญ่เขม็ง ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ

ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น หงุดหงิดก็เพราะตาเฒ่าบาดเจ็บเพราะทำนายให้เขาจนต้องบาดเจ็บภายใน

นางไม่ชอบให้ตาเฒ่ามายุ่งเรื่องของผีพวกนี้

ต้องตามหาตัวมาตีให้ตายให้ได้ มิเช่นนั้นเรื่องตาเฒ่าคงไม่วางใจ ยังต้องบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้อีก นั่นไม่ดีต่ออายุขัยของเขา

ฉินหลิวซีลงมาบนพื้น หากระดาษเหลืองชาดแดงออกมาจากชั้น วาดยันต์ไม่กี่แผ่น ทำแท่นบูชาขึ้นมาในห้อง ปากพึมพำท่องบทสวด “สวรรค์บริสุทธิ์วิญญาณปฐพี พลทหารตามโชคชะตา รับคำสั่ง…”

เจ้าราชาผีตงฟางนั่น ตั้งแต่เจอกันครั้งที่แล้วก็ไร้เงา ไม่รู้ไปตายที่ใดแล้ว

“ใต้เท้า ใต้เท้าขอรับ…”

ฉินหลิวซียังไม่ทันได้ร่ายคาถา เสียงของราชาผีตงฟางก็ดังขึ้นด้านนอก มีความยืดยานเล็กน้อย

เร็วเพียงนี้เลยหรือ

ฉินหลิวซีสวมรองเท้าเดินออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าตรงหน้าของราชาผีตงฟางมีผีชายหญิงสองตนนั่งคุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่ตรงหน้า และราชาผีตงฟางก็ชี้หน้าพวกเขาพลางโหวกเหวกไม่หยุด

“ข้าใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกแทบเป็นแทบตาย พวกเจ้ากลับสุขสบาย นอนดูดวิญญาณอยู่บนกำแพงของใต้เท้า เลี้ยงตนเองจนอ้วนกลมหน้าแดงระเรื่อ ไม่รู้จักความทุกข์ยากของมนุษย์เลยจริงๆ” ราชาผีตงฟางทั้งอิจฉาทั้งริษยา จ้องมองร่างกายล่ำสันของวิญญาณสองตนนั้น ท้องร้องดังขึ้นมา กลืนน้ำลาย อยากกินจังเลย

ผีสองตนต่างไปจากผีเร่ร่อน ได้อาศัยอยู่บนกำแพงบ้านของนางมาหลายปี ดูดกลืนวิญญาณอิ่มหนำสำราญ ทำให้ร่างกายและกำลังของผีทั้งสองตนนั้นมีมาก ในสายตาของผีหลายตนนี่เทียบเท่ากับโสมยาบำรุงชั้นดี

ราชาผีตงฟางเองก็คิดเช่นนี้ ผีสองตนนี้ฝึกฝนบำเพ็ญตบะมาไม่เลว พลังวิญญาณก็เพียงพอ หากกลืนกินลงไป ต้องทำให้พลังจิตของเขาแข็งแกร่งและช่วยซ่อมแซมได้เป็นอย่างดี พลังจิตที่สูญหายไปในช่วงนี้จะได้รับการบำรุงอย่างแน่นอนโนเวลพีดีเอฟ

“มิสู้ให้ข้ากลืนกิน นับว่าเป็นวาสนาของพวกเจ้า” ราชาผีตงฟางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก

ผีชายหญิงหดตัวลงหลายส่วน

ผีผู้หญิงเอ่ยด้วยร่างกายที่ยังคงสั่นเทา “ท่านราชา ตัวข้าไม่อร่อย เนื้อหนังทั้งแก่ทั้งเหนียว เกรงว่าจะไม่ดีต่อฟันของท่าน มิสู้ให้ข้าไปหาผีอายุน้อยเหล่านั้นมาให้ท่านดีหรือไม่”

และผีผู้ชายเอ่ยเสียงดังขึ้น “ท่านราชา ไม่นานมานี้ข้าเพิ่งกินหวงต้าเซียน[1]ไป ร่างกายมีกลิ่น หากกินเข้าไปแล้วคงสะอิดสะเอียน อย่าได้ทำร้ายท้องของท่านเลยขอรับ”

ราชาผีตงฟาง “…”

ฉินหลิวซี “!”

ผีผู้หญิงปรายตามองผีผู้ชาย ขยับออกไปด้านข้างเล็กน้อย มิน่าเล่ารู้สึกว่าช่วงนี้เจ้านี่มีกลิ่นตัว ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

ฉินหลิวซีกระแอมไอ

“ใต้เท้า” ผีชายหญิงมองเห็นฉินหลิวซี ราวกับมองเห็นเทพเซียนลงมาช่วยชีวิต ดีใจจนน้ำตาคลอ มีคนมาช่วยแล้ว

ฉินหลิวซีมองผีทั้งสองเล็กน้อย “ออกไปเถิด”

ผีชายหญิงได้ยินเช่นนั้นก็ดีอกดีใจขึ้นมา คารวะหนักๆ ไม่แม้จะมองราชาผีตงฟางแม้เพียงนิด หายวับไปทันใด แม้แต่กำแพงก็ยังไม่กล้าปีนขึ้นไปนอน

พวกเขาไปหาที่ซ่อนที่อื่นดีกว่า เมื่อครู่เห็นสายตาของราชาผีตงฟาง ราวกับจะกลืนกินพวกเขาจริงๆ เกิดเขาทำจริงๆ ขึ้นมาเล่า

การบำเพ็ญตบะตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะให้เสียเปล่ามิได้ ต้องรักษาเอาไว้

ผีทั้งสองลอยหายไปทันใด ไปหาที่ซ่อนที่อื่น

ยามนี้ราชาผีตงฟางหันมามองฉินหลิวซีด้วยสายตาตัดพ้อ เอ่ยด้วยท่าทางน่าเวทนา “ใต้เท้า ท่านดูสิว่าข้าซูบผอมเพียงใด ไยจึงไม่ให้ข้ากินพวกเขา”

“พวกเขาช่วยข้าปกป้องเรือน” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กลืนกินพวกเขาไปแล้ว เจ้าจะมาเฝ้าให้หรือ”

“ข้าคือราชาผี ไม่ใช่หมาเฝ้าประตู” ราชาผีตงฟางเอ่ยเสียงดัง เมื่อวาจานี้เอ่ยออกไปฉินหลิวซีคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม เขาจึงรีบเปลี่ยนคำ “เพียงแต่เป็นหมาให้ใต้เท้าข้าก็ยอม หากใต้เท้ารังเกียจข้า ข้าก็จะไม่อยู่ขวางหูขวางตาใต้เท้า”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

แม้ที่นี่กับฉินหลิวซีจะดีแต่ก็ขาดความสนุก เขายังไม่ถึงขั้นเบื่อหน่ายไม่สนใจอะไร

ฉินหลิวซีมองท่าทางยอมเป็นลูกน้องของเขา ส่งเสียงหยันออกมา มองหน้าเขา เอ่ย “เจ้ายอมให้ภรรยาน้อยกี่สิบคนดูดพลังวิญญาณไปเล่า ถึงได้สูญเสียไปมากเพียงนี้ เข้ามาเถิด”

นางหมุนตัวเข้าไปในห้อง ราชาผีตงฟางตามเข้าไป เอ่ยตัดพ้อ “ถึงข้าจะสูญเสีย ก็ยังภักดีต่อท่านมิใช่หรือ”

ฉินหลิวซีปรายตามองเขา เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะ วาดยันต์สะกดวิญญาณกลางอากาศ ผลักไปยังร่างของราชาผีตงฟาง

ราชาผีตงฟางสูดกลืนราวกับกลิ่นไอเทพเซียน มีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว มองไปยังฉินหลิวซีด้วยสายตาราวกับเด็ก “ใต้เท้า ท่านคือบิดาผู้บังเกิดเกล้าของข้าจริงๆ”

“ข้าไม่มีลูกเนรคุณเช่นเจ้า” ฉินหลิวซีหยิบกาเหล้าและจอกเหล้าขึ้นมา วางไว้บนโต๊ะเล็กๆ วาดยันต์เซ่นไหว้ เชิญเขานั่งลงแล้วจึงเทเหล้าด้วยตนเอง เอ่ย “เอ่ยมาเถิด เกิดเรื่องใดขึ้น ตอนที่ข้าเรียกเจ้า เจ้ากำลังเดินทางมาอยู่แล้วหรือ”

ราชาผีตงฟางดูดกลืนพลังวิญญาณของเหล้า สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “ใต้เท้า เรื่องไม่ปกติขอรับ เดิมราชาผีเป่ยฟางโจวเล่อได้ตายไปแล้ว ราชาผีเป่ยฟางที่ขึ้นรับตำแหน่งใหม่ในตอนนี้คือวิญญาณที่กลืนกินวิญญาณนับไม่ถ้วน เป็นผีแก่อายุพันปีนามว่าควงซาน”

ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว “โจวเล่อตายแล้วหรือ เขาไปเกิดใหม่แล้วหรือ”

ราชาผีตงฟางยิ้มขมขื่นขึ้นมา “ใต้เท้าก็รู้ ผีเช่นพวกข้า จะไปเกิดใหม่มิใช่เรื่องง่าย ต่อให้ไปเกิดได้ กลัวว่าคงไม่ได้สุขสบายไปกว่าตอนนี้ มิสู้ต่อสู้สักหน่อย ทุ่มเทสักนิด ได้รับการอุปถัมภ์จากท่าน บำเพ็ญตบะกลายเป็นผีเซียน”

ผีเซียนก็คือเซียน หากสำเร็จแล้วก็เลื่อนขั้นขึ้นเป็นเซียน นั่นไม่ดีกว่าหรือ

แล้วการเกิดใหม่มีดีอะไร โชคไม่ดีอาจกลายเป็นคนจนตกทุกข์ได้ยาก ไม่แน่อาจเลี้ยงไม่โต ต้องตายตกกลับมาอีกครั้ง

ดังนั้นการบำเพ็ญจนกลายเป็นราชาผีอย่างพวกเขา ไม่มีทางไปเกิดใหม่ง่ายๆ ยอมที่จะบำเพ็ญต่อไป วันข้างหน้าโชคดียังมีโอกาสได้เป็นผีเซียน

“อีกทั้งหากเขาไปเกิดใหม่ อาศัยความสัมพันธ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ต้องบอกกับพวกเราสักคำ แต่พวกเราต้องรวมตัวหารือ เพราะผีร้ายตนนั้น ผู้ที่มากลับเป็นควงซาน” ราชาผีตงฟางเอ่ย “พวกเรานึกว่าควงซานชิงตำแหน่งของโจวเล่อ แต่ตามที่เขาบอก ก่อนที่เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ โจวเล่อได้หายตัวไปกว่าหนึ่งเดือนขอรับ”

“ตั้งแต่เมื่อใดกัน” ฉินหลิวซีลูบอักษรนูนบนกำไลหยกที่ข้อมือพลางเอ่ยถาม

ราชาผีตงฟางเหลือบมองกำลังที่ข้อมือของนาง เอ่ยเสียงเข้ม “พวกเราตั้งใจเรียกยมทูตมาถาม ลองคิดคำนวณดูแล้ว เป็นเรื่องหลังจากที่ผีร้ายตนนั้นปรากฏตัวได้ไม่นานขอรับ”

ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ามีเรื่องไม่ปกติ คิดว่าโจวเล่อเจอเข้ากับเรื่องไม่ดี บางทีอาจถูกผีร้ายตนนั้นกลืนกินไปเสียแล้ว

หากเป็นเช่นนี้ ผีร้ายตนนั้นคงร้ายกาจกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มากทีเดียว ยิ่งกลืนกินโจวเล่อไปแล้ว เกรงว่าจะยิ่งต่อกรได้ยากขึ้นไปอีก

[1] หวงต้าเซียน เดิมเคยเป็นเต่าทองคำที่อยู่หน้าแท่นประทับขององค์เง็กเซียน