ตอนที่ 229 ใส่ความผีผู้ขึ้นมารับตำแหน่งที่ใหม่ / ตอนที่ 230 ภูเขาไม่มาหาข้า

ตอนที่ 229 ใส่ความผีผู้ขึ้นมารับตำแหน่งที่ใหม่

ฟังสิ่งที่ราชาผีตงฟางเอ่ย สีหน้าของฉินหลิวซีจึงไม่น่ามองขึ้นมา คิดโยงไปถึงการทำนายเมื่อครู่ ยิ่งรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในใจ

ราชาผีตงฟางไม่รู้ว่าเอ่ยให้นางไม่พอใจที่ใด เห็นสีหน้านางเย็นยะเยือกขึ้น ไม่กล้าหายใจเสียงดัง

“เคยตามหาวิญญาณของโจวเล่อหรือไม่ ที่นรกเล่า” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม

ราชาผีตงฟางเอ่ย “พวกเราแยกย้ายกันตามหาแล้วหนึ่งรอบ ไม่มีขอรับ ฝั่งยมทูตเองก็ไม่เห็นว่าเขาลงไปรายงานตัวในนรก”

ดังนั้นหมายความว่า ถ้าโจวเล่อไม่วิญญาณแตกสลาย ก็คงถูกกลืนกินไปแล้ว

“เจ้าลองถามดู” ฉินหลิวซีเอ่ย

ราชาผีตงฟางหยิบสร้อยอัญมณีสีแดงมาวางไว้บนโต๊ะ “หาคน เอ่อ หาผีหรือ”

ฉินหลิวซีกลอกตา หยิบสร้อยมาวางไว้ด้านข้าง หยิบเงินทองแดงสามเหรียญขึ้นมา เขย่าอยู่ในมือ ทำเช่นนั้นสามรอบ จากนั้นจึงโยนลงกระดานผังแปดทิศอีกครั้งเพื่อทำนาย เนิ่นนาน หัวคิ้วพลันขมวดมุ่น เอ่ย “เป็นขั่น คือวารีกว้า[1] กว้าที่ไม่ดี”

ขั่นคือน้ำ หมายถึงลำบาก อันตราย ถูกยึดครอง และวารีกว้า การเสี่ยงทายที่เหลือเป็นน้ำ มีน้ำเติมเข้าไปในน้ำท่วมไปทั่วสารทิศ อันตรายต่อเนื่อง ความยากลำบากประดังประเด ไปแล้วไม่มีวันกลับ

สีหน้าของราชาผีตงฟางซีดขาว

“ท่านจะบอกว่าโจวเล่อได้…”

“หายไปจากโลกนี้แล้ว”

ราชาผีตัวแข้งทื่อเม้มริมฝีปาก เอ่ย “เขาก็เป็นราชาผี หากถูกผีร้ายนั้นกลืนกิน ผีร้ายตนนั้นตกนรกมาหลายปี จะเป็นคู่ต่อสู้ของโจวเล่อได้หรือ”

ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “เรือผุพังมีตะปูสามดอก อีกทั้ง ผีร้ายตนนั้นยังเป็นมารเอ้อฝูซื่อหลัวอีกด้วย”

“อะไรนะ” ราชาผีตงฟางร้องเสียงหลง “คือซื่อหลัวแห่งเมืองถูน่ะหรือ”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “คงใช่”

ราชาผีตงฟางนั่งลง ขนในร่างวิญญาณลุกซู่

ได้ยินว่าซื่อหลัวแห่งเมืองถูเมื่อหลายพันปีก่อนใช้เพียงอาคมในการสร้างเมือง มีวิญญาณนับพันนับหมื่นที่ตายจากไป เหตุผลของเขาก็คือสร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่

ถุย

ความจริงเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้น น่ารังเกียจสิ้นดี

“หวาดกลัวอะไร” ฉินหลิวซีจ้องเขาเขม็ง”

ราชาผีตงฟางแทบร้องไห้แล้ว เอ่ย “ใต้เท้า เป็นมารเอ้อฝูซื่อหลัวนะขอรับ ท่านอายุยังน้อย คงไม่รู้ว่าเขาชั่วร้ายเพียงใด คนบ้าคลั่งดีๆ นี่เอง ชีวิตคนในสายตาของเขาก็เหมือนกับมดตัวหนึ่ง”

“เจ้าไม่คิดว่าเขาอยู่ในนรกหลายปี จะกลับตัวกลับใจหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ย

ราชาผีตงฟางส่งเสียงเหอะ “วาจานี้แม้แต่ตัวท่านเองยังไม่มีความเชื่อมั่นเลย”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เช่นนั้นพวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าที่ใดมีผีสิง”

“เรื่องนี้ ไม่มีขอรับ” ความจริงทุกอย่างนั้นดูปกติ

“เช่นนั้นก็พอแล้วมิใช่หรือ ตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าเสี่ยงโผล่หัวออกมา หากไม่บาดเจ็บหนัก ก็คงมีกลอุบายยิ่งใหญ่” ฉินหลิวซีหรี่ตาลงพร้อมเอ่ยขึ้น

ราชาผีตงฟาง “!”

เมื่อครู่ใครกันบอกว่าซื่อหลัวกลับตัวกลับใจ

“เขากลืนกินโจวเล่อ เช่นนั้นคงกำลังรักษาตัว”

ฉินหลิวซีใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะ เอ่ย “แม้คำทำนายจะบอกว่าอันตราย แต่จะบอกว่าถูกซื่อหลัวกลืนกินแล้วนั่นยังไม่แน่ ยังต้องถามควงซานที่ขึ้นครองบัลลังก์ใหม่ ถึงการหายตัวไปของโจวเล่อ”

เอ่ยถึงควงซานผู้นี้ ราชาผีตงฟางรู้สึกไม่พอใจ เอ่ย “ใต้เท้ายังเอ่ยถึงเขา อายุกว่าพันปี แต่ไม่รู้ความอันใด หากจะไปหาเขาเอาไว้เป็นเรื่องสุดท้ายจะดีกว่าหรือไม่ หลังจากขึ้นครองบัลลังก์ ก็ยังไม่ติดต่อกับเราแม้เพียงนิด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการตามคนแล้ว”

แม้โจวเล่อไม่อยู่ แต่เขาขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ก็คือผู้อาวุโสน้อยที่สุด แต่ยังไม่รู้ความ ไม่รู้จักมาคารวะผู้อาวุโส

ราชาผีตงฟางกลอกตาไปมา เอ่ย “ราชาผีอย่างพวกเรายังไม่ต้องเอ่ยถึง มีตัวตนอยู่อย่างลูกสมุน แต่ใต้เท้าท่านเล่า เขาไม่รู้จักมาคารวะ นี่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาหรอกหรือ”

หึๆ ผู้ใดบอกว่าการใส่ความมีเพียงมนุษย์ที่ทำได้ เขาที่เป็นผีเองก็ทำได้

ตอนที่ 230 ภูเขาไม่มาหาข้า

ควงซานราชาผีเป่ยฟางเรียกได้ว่าเปี่ยมไปด้วยความสุข เรื่องดีๆ เข้ามาไม่หยุด

หลังจากที่พบว่าราชาผีอย่างโจวเล่อหายไปจึงเฝ้าดูสถานการณ์อยู่สักพัก ทั้งยังลอบปล่อยข่าวในแวดวงลูกสมุนของโจวเล่อว่าเขาล้มเหลวในการผึกบำเพ็ญเพียร ทำให้เหล่าผีตื่นตระหนก ในตอนที่ขุนพลกำลังเริ่มรวบรวมอำนาจในมือ เขาก็กลืนกินขุนพลลูกสมุนของโจวเล่อถึงสองคนในคราวเดียว ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

หลังจากกลืนกินขุนพลทั้งสองแล้ว เขาหยุดไประยะหนึ่ง เห็นว่าโจวเล่อไม่ปรากฏตัว จึงเกิดความคิดร้ายกาจ ทั้งค่อยๆ กลืนกินผีชราที่พอมีตบะซึ่งเป็นผู้ที่คอยสนับสนุนโจวเล่อเหล่านั้น ความสูงส่งของตบะนั้นไม่มีผีตนใดในทางเหนือจะสู้ได้ เพียงก้าวเดียวก็ขึ้นเป็นราชาผีเป่ยฟางตนใหม่ รับกำลังอำนาจต่อจากโจวเล่ออย่างเต็มกำลัง

ยามนี้เขาอยู่ในชุดแต่งงาน แต่งงานกับผีเจ้าสาวตนใหม่ในที่พำนักของโจวเล่อ ผีนับร้อยมาร่วมยินดี ความชื่นมื่นเบ่งบาน

ควงซานมีความสุขอยู่ในใจยิ่งนัก เขาตายมานาน เฝ้าเพียรบำเพ็ญฝึกฝนมาทุกๆ ปี ตบะนั้นพอมี แต่ยังขาดโชคชะตาและการบำเพ็ญเพียร ไม่อาจมีอำนาจปกครองเช่นนี้ได้ แต่เขามีความปรารถนานี้

ความต้องการที่จะยิ่งใหญ่

ดังนั้นเขาจึงเฝ้าบำเพ็ญเพียร ไม่กล้าหยุดแม้เพียงวันเดียว ในที่สุดก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ยังได้แต่งงานกับผีเจ้าสาว มีอำนาจ ซ้ำยังได้หญิงงามมาอยู่ในอ้อมกอด เบิกบานมีความสุข

ควงซานเป็นผีมาพันปีนี้ ไม่เคยมีความสุขเท่าวันนี้มาก่อน

แต่กลับมีคนเรียกหาเขา ในวันที่เขากำลังมีความสุขอย่างนั้นหรือ

ฉินหลิวซี นักพรตน้อยบ้าบออันใด ไม่แม้แต่จะเคยได้ยิน ยังกล้ามาเรียกหาเขาที่เป็นถึงราชาผีหรือ

ไม่รู้หรือว่าทำลายบรรยากาศการเข้าหอของผู้อื่นเป็นสิ่งไม่สมควร

ไม่ไป ไม่พบ นางไม่คู่ควร

ควงซานโอบประคองผีเจ้าสาวรับคำอวยพรจากเหล่าผีทั้งหลายอย่างชื่นมื่น เสียงหัวเราะดังคับฟ้า

ฉินหลิวซีมองธูปที่ทำพิธีเรียกค่อยๆ หดลงไปเรื่อยๆ คิ้วสวยเลิกขึ้น หันไปเอ่ยกับราชาผีตงฟาง “ควงซานผู้นี้มีความสามารถนี่ เชิญไม่มาด้วย”

ราชาผีตงฟางตัวแข็งทื่อ อย่ามองว่าน้ำเสียงของฉินหลิวซีนั้นปกติ ไม่แน่ว่าในใจอาจกำลังคาดโทษควงซานอยู่ก็เป็นได้

เขาลอบจุดเทียนเซ่นไหว้ควงซานอยู่ในใจ ก่นด่าว่าไม่รู้จักความเป็นความตาย พร้อมเรียกผีน้อยตนหนึ่งมา

น่าสงสารผีน้อยตนนั้น เห็นว่าราชาผีตงฟางอยู่กับฉินหลิวซีก็พูดไม่ออกขึ้นมาทันใด หมอบสั่นอยู่บนพื้น เอ่ยติดๆ ขัดๆ “ท่าน ท่านราชาเรียกข้าน้อยมามีเรื่องใดหรือขอรับ”

“จะมีเรื่องใดได้ เจ้ามีญาติที่มาไกลจากทางเหนือในอาณาเขตของราชาผีเป่ยฟางใช่หรือไม่ ได้ข่าวจากปากเขาบ้างหรือไม่ว่าช่วงนี้ราชาผีเป่ยฟางมีเรื่องใด ใต้เท้าเรียกถึงไม่มา” ราชาผีตงฟางเอ่ยถาม

ผีน้อยตนนั้นส่งเสียง อ่า เงยหน้าขึ้นมามองฉินหลิวซีเล็กน้อย โขกศีรษะลงไปอีกครั้ง เอ่ย “นั่นคือท่านอาของบ้านสามีของท่านน้ารองของข้าน้อย…”

“หุบปาก ใครถามว่าเขาเป็นอะไรกับเจ้า” ราชาผีตงฟางหยุดเขาไว้ “มีอันใดก็เอ่ย”

“อ้อๆ ไม่มีอันใดขอรับ เพียงแต่สองวันก่อนเขามายืมเงินกับข้าน้อย บอกว่าสองวันนี้ราชาผีตนใหม่แต่งงาน เขาต้องซื้อของขวัญให้ที่พึ่งพาตนใหม่สักหน่อย ท่านราชา ข้าน้อยก็เป็นผีจน ไหนเลยจะมีเงินให้เขายืม มีเงินเพียงหยิบมือนั่น…”

“เอาล่ะๆ” ราชาผีตงฟางโยนก้อนทองคำไปให้สองก้อนด้วยท่าทางหงุดหงิด “ไสหัวไปเถิด”

“ขอบคุณท่านราชาที่ให้รางวัล ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ” ผีจนกอดก้อนทองพร้อมรอยยิ้มเบิกบานก่อนจะหายไปทันใด

ราชาผีตงฟางจึงหันมาเอ่ยกับฉินหลิวซี “ใต้เท้า ไม่แน่ว่าวันนี้อาจเป็นวันมงคลของควงซาน จึงได้เมินเฉยต่อการเรียกหาของใต้เท้า เขาโอหังจริงๆ เพียงแต่งภรรยาเท่านั้นมิใช่หรือ ทำอันใดไม่ได้เลยหรืออย่างไร”

การใส่ไฟหยุดไม่ได้ มีแต่ทำต่อไป

ฉินหลิวซีคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มเหลือบมองเขาเล็กน้อย สายตานั้นไหนเลยจะไม่สื่อว่าข้าดูเจ้าออก หยุดเถอะ

ราชาผีตงฟางยิ้มเขินอาย

ฉินหลิวซียกมือขึ้นมายื่นไปทางดวงจันทร์บนท้องฟ้า เอ่ย “แต่งงานหรือ คืนนี้บรรยากาศกำลังดี พวกเราก็ไปดื่มสุรามงคลกันสักจอก ไปดูสักหน่อยว่าเจ้าสาวจะงดงามเพียงใด”

ภูเขาไม่มาหาข้า ข้าก็จะไปหาภูเขา

นางนิสัยดีเช่นนี้แล

ฉินหลิวซีและราชาผีตงฟางเดินทางในเส้นทางหยิน มุ่งหน้าไปยังที่พำนักของราชาผีเป่ยฟาง

“โอ้ พวกเจ้าดูสิ นี่มิใช่คนที่อยู่ในรูปวาดครั้งที่แล้วผู้นั้นหรอกหรือ”

“เป็นนาง เป็นนางนั่นเอง รีบบอกให้ทุกคนหลบไป”

“ตายแล้ว ไยนางจึงเดินมาทางเรา เกิดเรื่องใดขึ้น”

สองข้างทางของเส้นทางหยิน ผีร้องห่มร้องไห้ เงาวิญญาณต่างหลีกหนีไปหลบซ่อน

ราชาผีตงฟางมองท่าทางหวาดกลัวและตื่นตระหนกยามที่พวกเขามองมายังฉินหลิวซี ดวงตาสีเลือดเข้มขึ้นมา เอ่ย “ใต้เท้า ช่วงนี้ท่านทำอันใดหรือ ไยพวกเขาจึงหวาดกลัวท่านเยี่ยงนี้”

เกรงกลัวยิ่งกว่าเกรงกลัวเขาเสียอีก

ฉินหลิวซีปรายตามองเขา เอ่ย “ใครจะรู้เล่าว่ามีผู้ปล่อยข่าวอันใดอยู่เบื้องหลัง”

นางเองไม่สนใจ กลัวก็กลัวไปเถิด ดีแล้วจะได้ไม่ต้องพุ่งเข้ามา

แต่ก็ยังมีคนพุ่งเข้ามาขวางทาง ร้องขอความเป็นธรรมหรือ

“ใต้เท้า ใต้เท้าช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ” ผีเด็กสาวอายุราวๆ สิบห้าสิบหกพุ่งเข้ามาตรงหน้าฉินหลิวซี ร้องไห้เสียงดัง

ห่างออกไปไม่ไกล เป็นผีผู้ชายกระทืบเท้าอยู่ อยากเข้ามาแต่ก็ไม่กล้า จ้องมาทางนี้เขม็ง

ราชาผีตงฟางมองเด็กสาวอวบอ้วนผู้นี้ เอ่ยตำหนิ “บังอาจนัก เจ้าเป็นผีอะไรกัน กล้าเข้ามาขวางทาง”

ผีสาวตัวสั่นเทา ตกใจกับท่าทางเกรี้ยวกราด ใบหน้าเล็กท่าทางน่าสงสาร หดคอลง เอ่ยทั้งน้ำตา “ใต้เท้า เขา เขาหลอกแต่งงาน ข้าน้อยไม่ยอม เขายังจะบังคับข้าไปไปแต่งงาน”

หลอกแต่งงานอย่างนั้นหรือ

ฉินหลิวซีริมฝีปากกระตุก มองตามสายตาของผีสาวไป เอ่ย “เจ้าเป็นผีแล้ว ไยจึงยังมาหลอกแต่งงานอีกเล่า”

“ข้าน้อยตายยังไม่ทันได้แต่งงาน” ผีสาวเช็ดน้ำตา

ผีชายพุ่งเข้ามาอย่างอดไม่ได้ คุกเข่าลงตรงหน้า “ใต้เท้าปราดเปรื่อง ข้าน้อยมิได้ทำขอรับ ข้าน้อยเป็นสามีภรรยากับนาง เป็นคู่ที่สองบ้านเกี่ยวดอง ต่างก็ยังไม่ทันออกเรือนทั้งคู่ กำลังจัดเตรียมการแต่งงาน”

“เหลวไหล ท่านพ่อท่านแม่ข้ามาบอกว่าบิดามารดาของเจ้าบอกหน้าตาเจ้าดีกว่าพานอัน แต่ดูเจ้าสิ ไหนเลยจะเหมือนพานอัน เจ้าต้องเป็นไข้ฝีดาษตายมาแน่ๆ” ผีสาวชี้หน้าต่อว่าเขา “หน้าเจ้าอย่างนี้ ข้าจะยอมเป็นคู่ชีวิตของเจ้าได้อย่างไร”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เวลาทำอะไรก็ปิดหน้าไม่ได้หรือ”

ราชาผีตงฟาง ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าท่านจะจัดการเช่นนี้

ผีชายผีหญิง “?”

ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เจ้าไม่ชอบ ก็ไปเข้าฝันบิดามารดาของเจ้า ตัดขาดการหมั้นหมายก็พอแล้ว ส่วนเจ้า คนเขาดูถูกเจ้า ก็ช่างเถิด ไยยังต้องบังคับ”

ผีชายเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ข้ายังไม่รังเกียจที่นางอ้วนเลย”

“เจ้าว่าอีกทีสิ”

“อย่าทะเลาะกัน อย่างไรต่างฝ่ายต่างรังเกียจ โวยวายกับที่บ้าน โวยวายจนพวกเขาจำต้องยกเลิกการแต่งงาน เอาเช่นนี้เถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย “ต้องการอิสระ พวกเจ้าต้องพยายามต่อต้านกับครอบครัวสักหน่อย ไปเถิด”

ทั้งสองคน เหมือนจะมีเหตุผลหรือไม่ เช่นนั้นก็สงบศึกกันก่อนหรือไม่

พวกเขาโขกศีรษะให้กับฉินหลิวซี “ขอบคุณใต้เท้าที่ช่วยจัดการ”

ผีทั้งสองหายไป ราชาผีตงฟางมองฉินหลิวซีอย่างจนปัญญา “ท่านยังสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ พวกเขาโวยวาย ไม่กลัวว่าครอบครัวของพวกเขาที่ยังมีชีวิตจะบอกว่าท่านเรื่องมากหรือ”

“เพียงเอ่ยไปเท่านั้น พวกเขาไม่อาจแยกจาก นิ้วมือมีเชือกแดงผูกอยู่ ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึง นี่เป็นวาสนากำหนด” ฉินหลิวซีเอ่ย “ไปกันเถิด พวกเราไปดูอีกคู่สามีภรรยากันเถิด”

[1] วารีกว้า เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทั้งแปดที่ใช้ในการทำนาย กว้าหรือปากว้าปรากฏอยู่ในคัมภีร์อวี้จิง