ตอนที่ 108

Silver Overlord

108 – ผิดหวัง

ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันนายทหารระดับต่ำรีบวิ่งเข้ามา ดูเหมือนเขาจะลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย

“ท่านผู้บัญชาการสินค้าของพวกชาตูที่เราตรวจสอบมีปัญหาเล็กน้อย … “

สีหน้าของผู้บัญชาการซูเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินรายงานเขาจึงรีบนำทหารออกไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

ที่ค่ายทหารกล่องทั้งหมดถูกยัดไว้ในกระสอบ ในบรรดาสิ่งของทั้งหมดมีการเปิดกล่องและกระสอบสองใบแล้ว ข้างนอกทั้งสองกล่องมีส่วนผสมยาแห้งอยู่สองสามกองและข้างใต้ส่วนผสมยาเหล่านั้นคือมัดใบมีดและดาบห่อด้วยหญ้าแห้ง

อาวุธนั้นเปล่งประกายอย่างเยือกเย็นด้วยรัศมีที่คมชัด

กระสอบผ้าทั้งสองใบนั้นก็ถูกตัดออกเช่นกัน มีหนังสัตว์บางส่วนอยู่นอกกระสอบผ้า อย่างไรก็ตามหนังสัตว์เหล่านั้นห่อหุ้มด้วยลูกธนู

ชาวชาตูเหล่านี้พยายามทำอะไรโดยการแอบซ่อนอาวุธเหล่านี้ไว้ในส่วนผสมของยาและขนส่งพวกเขาเข้าเมือง?

เจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมดในที่เกิดเหตุตกใจ ความเงียบแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

การแสดงออกทางสีหน้าของผู้บัญชาการหน้าดำคนนั้นดูมืดมนจริงๆในครั้งนี้ เขาจ้องไปที่ลูกศรในกระสอบผ้า เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไรและหยิบลูกศรข้างในออกมา เขาถือมันขึ้นมาและศึกษามันอย่างรอบคอบ

“ หวังซานนำลูกธนูของเจ้ามาให้ข้าหนึ่งดอก ลูกธนูของหน้าไม้”

นายทหารระดับต่ำผู้นั้นรีบส่งลูกธนูออกจากหน้าไม้ของเขาที่เขาสะพายอยู่บนหลังมอบให้ผู้บัญชาการหน้าดำ

ลูกศรทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้หรือขนาดนั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าลูกธนูพวกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับหน้าไม้ของทหารอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่

สิ่งแตกต่างจากลูกศรทั้งสองมีเพียงฐานของหัวลูกศรโลหะของนายทหารชื่อหวังซานมีสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมภายในถูกสลักคำว่า ‘กาน’ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ข้างอักขระ ‘กาน’ เป็นตัวเลขเล็ก ๆ ’37’

นี่เป็นตัวบ่งชี้ว่าลูกศรนี้เป็นอาวุธทางทหารที่ผลิตโดยโรงตีเหล็กขุนเขาชีกู่ของเขตปกครองพิเศษกาน ซึ่งจัดหาให้กับกองทัพของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่

คุณภาพเชื่อถือได้แน่นอน หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นในสนามรบสามารถนำตัวช่างฝีมือมาลงโทษได้ทันที

ในทางกลับกันจุดเดียวกันบนส่วนหัวลูกศรโลหะของลูกศรที่พบในกระสอบผ้าของชาวชาตูเหล่านั้นได้ถูกทำให้เรียบโดยเจตนาเพื่อปกปิดสัญลักษณ์ที่คาดว่าจะอยู่ที่นั่นก่อนหน้านี้ …

ชาวชาตูซ่อนลูกศรไว้ในสินค้ามากเกินไป ไม่ใช่ว่าลูกศรทุกตัวจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการในจุดเดียวกันนี้ ดังนั้นผู้บัญชาการจึงค้นหาด้วยใบหน้าที่ดำมืด

ท่ามกลางกลุ่มลูกศรมากมายในที่สุดเขาก็ค้นพบอักษรกานอยู่ในหัวลูกศรลูกหนึ่งซึ่งถูกลบออกแต่ไม่หมด…

บรรยากาศรอบตัวผู้บัญชาการและทุกคนรอบตัวเขาเงียบสงัดลงทันทีราวกับคลื่นแห่งความโกรธที่แทบจะไม่สามารถปกปิดได้กำลังจะระเบิดออกมา มันเป็นความผิดหวังและความเศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุด

เอี้ยนลี่เฉียงถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆแห่งหนึ่งในค่ายทหาร มีทหารสองนายยืนเฝ้าอยู่นอกห้อง ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะได้รับอนุญาตให้ออกไปทันทีที่พวกเขาสอบปากคำเสร็จเพราะมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

นอกจากนี้ยังเป็นชาวชาตูที่เริ่มก่อเหตุอย่างหยาบคาย เขาสามารถพิสูจน์การกระทำของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ชัดเจน

แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะไม่มีใครมาเยี่ยมเขาจนค่ำ พวกเขาไม่ได้แจ้งให้เขาทราบว่าเขาจะจากไปได้เมื่อใด เขาพยายามสอบถามทหารทั้งสอง แต่พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันและบอกเขาว่าเขาต้องรอคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

นอกเหนือจากการเข้าห้องน้ำพร้อมกับทหารทั้งสองแล้วเขายังต้องอยู่ในห้องตลอดเวลาที่เหลือ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่อื่น

ทหารสองนายยืนเฝ้าอยู่ข้างประตู ด้วยความเบื่อหน่ายอย่างมาก เอี้ยนลี่เฉียงไม่มีทางเลือกอื่นเขาจึงทำได้เพียงฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอีกครั้ง

ห้องขังของเขากว้างไม่กี่ตารางวาดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนวิชาอื่น

ในระหว่างการต่อสู้กับชายชาตูหลายคน เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกอีกครั้งว่าความมหัศจรรย์ของคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นนั้นน่ากลัวเพียงใด เขาเพียงเริ่มต้นบ่มเพาะมันด้วยเวลา 3 เดือนเท่านั้นแต่ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมานั้นน่าเหลือเชื่อมาก

ความเร็วในการตอบสนองของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดคือเขาได้บรรลุขอบเขตของชั้นที่สองสำหรับคู่มือลับนั้น

‘เก้ากระบวนท่าเงาสายลม’ (เปลี่ยนชื่อตามต้นฉบับจีนนะครับ)ที่เฉียนซูมอบให้

วิชาที่เขาใช้ในการไต่กำแพงด้านในของประตูเมืองก่อนหน้านี้ในระหว่างการต่อสู้นั้นมาจาก ‘เก้ากระบวนทางเงาสายลมนั่นเอง’ ตอนนี้มันบรรลุขอบเขตชั้นที่สองแล้ว

ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาเฉียนซูซึ่งสามารถฝึกฝนมันมาถึงขอบเขตของชั้นที่สองเท่านั้น ในขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงสามารถบรรลุจุดนี้ได้ภายในเวลาเพียงสองเดือน

แม้แต่เอี้ยนลี่เฉียงเองก็คิดว่าความเร็วในการบ่มเพาะของเขานั้นเร็วกว่าที่คาดไว้

หลังจากเข้าใจถึงจุดนี้ เอี้ยนลี่เฉียงได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เมื่อใดก็ตามที่เขาฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น

นอกเหนือจาก ‘เก้ากระบวนท่าเงาสายลม’ แล้ววิชาที่เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนบ่อยที่สุดก็คือ ‘เทพระฆังทอง’ ที่เขาพบในศพงูจงอาง นี่มันเป็นคัมภีร์ฝึกฝนระดับเทพเจ้า

โดยปกติแล้วการที่ผู้ใดผู้หนึ่งจะสามารถบรรลุขั้นแรกของเทพระฆังทองได้จะต้องผ่านขั้นตอนยืดเส้นเอ็นไปแล้ว

แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเอี้ยนลี่เฉียงสัมผัสได้ว่าเส้นเอ็นของเขาถูกยืดออกร่างกายของเขาก็คล่องตัวมากขึ้นเช่นกัน เขาคิดว่าเขาน่าจะผ่านขั้นตอนการยืดเส้นเอ็นและกระดูกขยายได้ในไม่ช้า

ทหารทั้งสองคนนำอาหารเย็นมามอบให้เขาด้วยความสุภาพ อาหารเย็นของเขาประกอบด้วยข้าวเนื้อสัตว์และผักบางชนิด รวมถึงสาลี่อีกสองลูก อาหารค่อนข้างดีดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไร

เขาทานอาหารเสร็จพร้อมกับสาลี่จากนั้นก็เริ่มเดินไปรอบๆห้องเป็นวงกลมเพื่อที่เขาจะได้ย่อยได้ดีขึ้น หลังจากออกกำลังกายไปครึ่งชั่วยามเขาก็เริ่มฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอีกครั้ง …

แต่ทันใดนั้นเสียงของความวุ่นวายในค่ายทหารก็ดังเข้ามาในหูของเขา เอี้ยนลี่เฉียงลืมตาและหยุดการบ่มเพาะจากนั้นเขาก็เดินไปที่หน้าต่างในห้องขัง

เมื่อเขาพยายามมองออกไปข้างนอกเขาก็เห็นทะเลแสงสีแดงที่ดูเหมือนเปลวไฟที่แกว่งไปมาที่อีกด้านหนึ่งของกำแพงรอบนอก

ต้นกำเนิดของเสียงที่เขาได้ยินก็มาจากอีกด้านหนึ่งของผนังด้านนอก ท่ามกลางเสียงเหล่านั้นเขาสามารถได้ยินเสียงตะโกนเป็นภาษาชาตูสอดแทรกเข้ามาด้วย

เสียงดังขึ้นเรื่อยๆราวกับว่ามีคนที่ด้านนอกนับหมื่นคน

ในเวลานี้เขาสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งด่วนที่มาที่ประตู

“ ท่านนายกองมีอะไรอยู่ข้างนอก?” เขาได้ยินเสียงจากอีกด้านของประตูเอี้ยนลี่เฉียงจำเสียงนี้ได้

“พวกชาตูมาสร้างความวุ่นวาย! พวกเจ้าอยู่ที่นี่และคอยคุ้มกันน้องชายผู้นี้ให้ดี ส่วนเจ้าตามข้ามา! นำอาวุธคู่ใจของเจ้ามาด้วย
ซูฉวนเจ้าดูแลสิ่งต่างๆที่นี่และทำทุกอย่างตามสถานการณ์ที่ได้รับการฝึกฝน!”

“ เข้าใจแล้ว!” เสียงฝีเท้าก็หายไป