บทที่ 135 ไม่สามารถล่วงเกินได้

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 135 ไม่สามารถล่วงเกินได้

บทที่ 135 ไม่สามารถล่วงเกินได้

การประชุมผู้ปกครองจบลงอย่างราบรื่น

ถังเหมียวเหมี่ยวยิ้มร่าอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเธอออกจากประตูโรงเรียนไป ใบหน้าที่บอบบางและน่ารักของเธอก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

พ่อของเธอคือซูเปอร์แมน

เขาเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทุกคนเคารพ

เธอรู้สึกพอใจกับเสียงปรบมือดังสนั่น และความจริงที่ว่าทุกคนชอบเค้กและชาสมุนไพรที่พ่อของเธอทำมา

“พ่อคะ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” ถังเหมียวเหมี่ยวถามด้วยรอยยิ้มระหว่างทางกลับบ้าน

“คำถามอะไร ถามมาเลยลูก!”

“จางหลงหลงต้องการให้พ่อเป็นพ่อของเขาใช่ไหม?”

“พรูด…”

เมื่อโจวอี้นึกถึงการประชุมผู้ปกครองที่เพิ่งผ่านพ้นไป คำพูดที่ ‘ยอดเยี่ยม’ ของเด็กโง่จางหลงหลงก็ทำให้เขาต้องหัวเราะ

“พ่อจะไปเป็นพ่อของจางหลงหลงไม่ได้นะ หนูอยากให้พ่อเป็นพ่อของเหมียวเหมี่ยวคนเดียว!”

“ฮ่า ฮ่า ไม่มีปัญหา พ่อจะเป็นพ่อของเหมียวเหมี่ยวคนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางจะไปเป็นพ่อของคนอื่น!”

“เย้! พ่อหนูดีที่สุด!” ถังเหมียวเหมี่ยวหอมแก้มโจวอี้อีกครั้ง

ฮวนหยิงเอนเตอร์เทนเมนต์ สำนักงานผู้จัดการทั่วไป

เหยียนเผิงเชาวางโทรศัพท์ลงด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็มืดมนลง

หลังจากเงียบไปนาน เขาก็เรียกผู้อำนวยการแผนกดนตรีเข้ามา

หลิวจงเฉวียน ผู้อำนวยการแผนกดนตรี และเฉินอ้ายหลินรีบเข้ามาที่สำนักงานผู้จัดการทั่วไป

“คุณเหยียน คุณมีอะไรเหรอถึงบอกให้เรามาที่นี่” ตั้งแต่หลิวจงเฉวียนก้าวเข้ามาในสำนักงาน เขาก็พบว่าสีหน้าอีกฝ่ายดูย่ำแย่ เขาจึงถามอย่างระมัดระวัง

“ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ทรัพยากรของถังหว่านลดลงอย่างมาก ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?” เหยียนเผิงเชาถามด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ

“เอ่อ…”

หลิวจงเฉวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “มันเป็นความตั้งใจของประธานซุน ถังหว่านปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในงานเลี้ยงไวน์ของคุณเกา ทำให้ประธานซุนโกรธมาก แถมยัง…”

“หุบปาก!”

เวลานี้เหยียนเผิงเชาเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาแล้ว

เขาไม่คิดเลยว่าหลิวจงเฉวียนในฐานะผู้อำนวยการแผนกดนตรีจะลดทรัพยากรของถังหว่านเนื่องจากปัญหาดังกล่าว ทำให้ถังหว่านไม่ได้ปล่อยผลงานใด ๆ มานานกว่าครึ่งปี ชื่อเสียงของเธอจึงลดลง

“ผู้อำนวยการหลิว เอาไว้เราค่อยพูดเรื่องของคุณกันทีหลัง! ตอนนี้คุณควรแจ้งถังหว่านทันทีว่าบริษัทต้องการยกเลิกสัญญาของเธอ และห้ามเธอกลับมาที่บริษัทตั้งแต่วันพรุ่งนี้!”

เลิกจ้าง?

หลิวจงเฉวียนและเฉินอ้ายหลินได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตกตะลึงสุดขีด

พวกเขาไม่คิดเลยว่าผู้จัดการทั่วไปจะออกคำสั่งแบบนี้

คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าถังหว่านเป็นนักร้องหญิงแถวหน้า! เธออยู่ในบริษัทเพียงแค่วันเดียว เธอก็สามารถหาเงินเพิ่มให้กับบริษัทเราได้ คุณคิดอะไรอยู่?

“ผู้จัดการเหยียน… ทำไม?…” เฉินอ้ายหลินถามออกมา

“ทำไมงั้นเหรอ? เพราะพวกคุณมันโง่ยังไงล่ะ!” ทันใดนั้นเหยียนเผิงเชาก็ลุกขึ้นและชี้นิ้วไปที่คนทั้งสองแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “ถังหว่านมีความสามารถที่ดี ร้องเพลงได้ดี และมีภาพลักษณ์ที่ดีในวงการ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอมีเส้นสายมากมาย! แต่พวกคุณกลับยังข่มเธอจนเธอมีความคิดที่จะฉีกสัญญากับบริษัท แบบนี้ถ้าพวกคุณไม่โง่แล้วให้เรียกว่าบ้าอะไร!?”

“ผู้จัดการเหยียน แต่ถังหว่าน…”

“หุบปาก! คุณรู้ไหมว่าผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากใคร เขาคือหยางเซี่ยวหาง ประธานของหยางกรุ๊ป! เขาถามผมว่าเงินห้าสิบล้านพอไหมกับค่ายกเลิกสัญญาของถังหว่าน! เขาต้องการออกเงินค่ายกเลิกสัญญาให้ทั้งหมด พวกคุณเข้าใจความหมายของมันไหม?”

หลิวจงเฉวียนได้ยินแล้วก็ตกตะลึงจนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

ส่วนเฉินอ้ายหลินนิ่งเงียบ

แม้ว่าเธอจะแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ว่าถังหว่านและจางซิ่วจือสนิทกัน ดังนั้นเธอจึงพอจะเข้าใจได้

นอกจากนี้ เธอยังจำได้ว่าถังหว่านเรียกจางซิ่วจือว่าพี่สะใภ้อย่างสนิทสนม แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างถังหว่านและหยางเซี่ยวหางนั้นไม่ธรรมดา

กริ๊ง…

โทรศัพท์มือถือของเหยียนเผิงเชาดังขึ้นอีกครั้ง

เขาจ้องไปที่หลิวจงเฉวียนและเฉินอ้ายหลินอีกครั้ง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูชื่อผู้โทรเข้า ทันใดนั้นเขาก็แสร้งยิ้มออกมา

“สวัสดีครับคุณหวง หาได้ยากจริง ๆ ที่จะได้รับสายจากคุณ! วันนี้คุณมีอะไรผมให้รับใช้ไหมครับ?” เหยียนเผิงเชาปรับอารมณ์ของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ผู้จัดการเหยียน ผมโทรมาร้องเรียน น้องชายและน้องสาวของผมถูกรังแกในบริษัทของคุณ ผมผู้เป็นพี่ชายจะเพิกเฉยไม่ได้! คุณแจ้งให้ฝ่ายการเงินของบริษัทคุณส่งหมายเลขบัญชีของบริษัทของคุณมาให้ผมทราบเดี๋ยวนี้เลย แล้วเดี๋ยวผมจะโอนเงินค่าเสียหายในการฉีกสัญญาของน้องชายและน้องสาวเป็นจำนวนห้าสิบล้านให้คุณเอง” เสียงของหวงไห่เทาดังออกจากโทรศัพท์มือถือ

“ไม่ ไม่ ไม่ ถังหว่านมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับประธานหวง ผมไม่กล้ารับเงินของประธานหวงหรอกครับ เอาแบบนี้นะ เดี๋ยวผมจะจัดการยุติสัญญากับถังหว่านในทันทีหลังจากนี้เลยครับ” เหยียนเผิงเชาพูดอย่างเร่งรีบ

“ดี…”

หวงไห่เทาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดต่ออีกว่า “ในเมื่อคุณใจกว้างแบบนี้ ถ้างั้นเพื่อแทนคำขอบคุณ ผมจะโทรหาเฉิงฮ่าวให้ คุณสามารถไปที่ Heaven Club เพื่อสนุกสานกับเฉิงฮ่าวและหลี่หงอี้ได้เลย”

“ครับ ผมจะไปแน่นอน” เหยียนเผิงเชาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

เมื่อวางสาย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปอีกครั้ง

“เฉินอ้ายหลิน!! ในฐานะผู้จัดการของถังหว่าน คุณควรรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับถังหว่านไม่ใช่เหรอไง!? สามีของถังวานคือใคร!?” เหยียนเผิงเชาตวาดถาม

สามีของถังหว่าน?

โจวอี้?

เฉินอ้ายหลินตอบออกมาว่า “ผู้จัดการเหยียน ถังหว่านยังไม่ได้แต่งงาน แต่เธอกำลังมีความสัมพันธ์กับพ่อของลูกสาวที่เพิ่งเดินทางมาอยู่ในจินหลิง ฉันเคยเห็นเขา เขาเป็นหมอในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง”

“โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง? เขาชื่ออะไร?” เหยียนเผิงเชาถามอย่างเร่งรีบ

“เขาชื่อโจวอี้ เขาทำงานในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงค่ะ”

ไม่แปลกใจเลยที่หยางเซี่ยวหางและหวงไห่เทาสอดมืดเข้ามา และเป็นไปได้ว่าทั้งเฉิงฮ่าวและหลี่หงอี้ก็รู้จักโจวอี้!

ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้โบราณ!

ศิษย์สำนักโอสถ!

เหยียนเผิงเชาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้โบราณเช่นกัน แต่เขาซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักตัวตนของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าสำนักโอสถหมายถึงอะไร

บัดซบ!

ถ้าเขารู้ว่าถังหว่านเป็นภรรยาของโจวอี้ เขาจะยกระดับสัญญาสูงสุดให้ถังหว่าน และทุ่มทรัพยากรจำนวนมากของแผนกดนตรีไปที่ถังหว่านแบบจัดเต็ม!

ไอ้สารเลวสองคนนี้ทำพลาดไปแล้ว!

เหยียนเผิงเชาสูดหายใจเข้าลึกและพูดอย่างเย็นชาว่า “หลังจากเสร็จสิ้นการยกเลิกสัญญาจ้างของถังหว่าน พวกคุณสองคนก็ออกไปจากบริษัทพร้อมกันด้วยเลย!”

“อะไรนะ!?”

หลิวจงเฉวียนและเฉินอ้ายหลินไม่คิดฝันว่าเหยียนเผิงเชาจะไล่พวกเขาออก

เหยียนเผิงเชาเยาะเย้ย “อย่าโทษผมที่ไล่พวกคุณออกแบบนี้ แต่ถ้าถังหว่านผูกใจเจ็บขึ้นมา ผมไม่อยากจะมีส่วนร่วมด้วย ด้วยสถานะของผม ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังถังหว่านโกรธขึ้นมา ผมรับไม่ไหวหรอก!”

“นอกจากนี้ ขอแนะนำว่าหลังจากนี้อย่าทำให้ถังหว่านขุ่นเคืองอีก ไม่งั้นจะมีคนจำนวนมากที่แม้แต่ผมเองก็ไม่สามารถล่วงเกินได้ พวกเขาจะตามไปบั่นคอพวกคุณเพื่อทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังถังหว่านพึงพอใจ”

ร่างกายของหลิวจงเฉวียนสั่นสะท้าน และดวงตาของเขาก็เผยความหวาดกลัวอย่างมาก

ส่วนเฉินอ้ายหลินเหม่อลอย ก่อนจะถามกับตัวเองว่า “โจวอี้คือใครกันแน่…”