ตอนที่ 18-2 หายไปไหน
รอยยิ้มอันเยือกเย็นปรา
กฎขึ้นบนใบหน้าของหลี่เว่ยหยางอย่างชัดเจน
จากนั้นจึงรีบขุดหลุมในทันที และฝังนกกระเรียนขาวตัวนั้นลงไปให้ลึกที่สุด
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นได้มีลมแรงพัดผ่านมา ทำให้ไป๋จื่อมีอาการตัวสั่น
“คุณหนู ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี”
หลี่เหว่ยหยางครุ่นคิดสักครู่ แล้วจึงกล่าวว่า
“กลับไปนำเสื้อผ้ามาให้ข้าเปลี่ยนหนึ่งชุด เอาเป็นชุดที่ใส่ในชีวิตประจำวัน
และอย่าลืม ต้องระวังตัว และอย่าส่งเสียงดังเด็ดขาด เกรงว่าจะเป็นที่สงสัยของผู้ใดบางคน”
ไป๋จื่อพยักหน้าตอบรับ
เมื่อเห็นว่าไป๋จื่อเดินจากไปแล้ว หลี่เว่ยหยางจึงซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้บริเวณนั้น
เมื่อโยนสายเบ็ดที่มีเหยื่อลงไปแล้ว เห็นได้ชัดว่า ถึงเวลาที่ต้องตวัดมันขึ้นมา
นางรู้ว่า ผู้คนเหล่านั้นกำลังจะมาถึงในมิช้า
ในขณะนี้ ฮูหยินใหญ่ และหลี่เสี่ยวหรัน พร้อมกับคุณหนูห้า,หลี่ฉางซี กำลังเดินไปยังตำหนักหนานหยวน
“ท่านพี่ ตอนนี้มีนกกระเรียนสีขาวบินผ่านบ้านของเรา
และกำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบด้านหลังหนานหยวน ท่านต้องรีบดูมัน!”
ฮูหยินใหญ่กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างร่าเริง
หลี่เสี่ยวหรันพยักหน้า เพราะสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี
หลี่ฉางซียิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความสุขเช่นกัน เพียงแค่นึกถึงความโชคร้ายที่กำลังรอหลี่เว่ยหยางก็เพียงพอที่จะทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นแล้ว
เมื่อเดินมาได้เพียงครึ่งทาง จึงเห็น
ฮัวเหม่ยวิ่งเข้ามาจากถนนด้านข้างด้วยสี
หน้าตื่นตระหนก
“เจ้าเป็นสาวใช้ของคุณหนูสามมิใช่หรือ แล้วมาทำอันใดที่นี่?” หลี่ฉางซีตะโกนถามขึ้น
มีความรู้สึกสับสนและกระวนกระวายใจอยู่บนใบหน้าของฮัวเหม่ย
นางต้องการบอกกล่าวกับฮูหยินใหญ่ว่า หาตัวคุณหนูสามมิพบ
บางทีคุณหนูสามอาจไปตำหนักหนานหยวนก่อนเวลา แต่นายท่านอยู่ที่นี่
ฮัวเหม่ยจึงมิกล้ากล่าวอันใดออกมา
หลี่ฉางซีมิสามารถอดทนรอได้อีกต่อไปแล้ว จึงเร่งเร้า
“พี่สามอยู่ที่ใด? เจ้าควรไปตามหานางให้พบ!”
ก่อนหน้านี้ฮัวเหม่ยได้รีบไปหาฮูหยินใหญ่เพื่อแจ้งข่าว และในตอนที่นางกลับมา คุณหนูสามก็มิได้อยู่ในห้องพักของนางแล้ว
ตอนนี้จึงรู้สึกตกใจ และกล่าวออกมาด้วยความกลัวว่า
“บ่าวเผลอกล่าวถึงอาการป่วยของ
ชิหยินเหนียง นางคงต้องการที่จะไปเยี่ยม…บ่าว…เอ่อ…บ่าว…”
ใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรันแสดงถึงความโกรธเคืองในทันที ขณะที่เขากล่าวกับ
ฮูหยินใหญ่ว่า
“เด็กผู้นี้มิรู้ว่ากฎคืออันใด แม้ว่านางต้องการที่จะไปเยี่ยม อย่างน้อยก็ควรบอกกล่าวกับเจ้าก่อน “
ฮูหยินใหญ่ยิ้มอย่างร่าเริง ดูเหมือนเทพธิดาแห่งความเมตตา
“ท่านพี่ เด็กผู้นี้จากไปนานมากจนเข้าใจได้ว่า นางอาจจะมิรู้กฎและระเบียบการของที่นี่”
หลี่เสี่ยวหรันตะคอกด้วยเสียงอันดัง เขามีความมิพอใจหลี่เว่ยหยางเป็นอย่างมาก
นางมิเพียงเกิดในเดือนที่โชคร้ายอย่างเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น แต่ยังมิสำรวมพฤติกรรมของตนเองอีก
แม้ว่าต้องการที่จะไปเยี่ยมมารดา อย่างน้อยก็ควรกล่าวอันใดกับฮูหยินใหญ่บ้าง ไร้ระเบียบวินัยสิ้นดี!
ดวงจันทร์ได้โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแล้ว และตอนนี้กำลังสาดแสงลงมายังขบวนผู้คนด้านล่าง
หลังจากหยุดชะงักไปสักครู่ หลี่เสี่ยวหรันมิได้ลืมจุดประสงค์ในการมาที่นี่
เขาจึงค่อย ๆ เดินย่องไปยังทะเลสาบ และจ้องมองไปที่น้ำใส ซึ่งสะท้อนให้เห็นดวงจันทร์อีกดวงบนผืนน้ำ
สิ่งที่ได้เห็นมีเพียงป่าหญ้าที่สูง และมิเห็นแม้แต่เงาของนกกระเรียนขาวเลย
สีหน้าของเขาแสดงอารมณ์ผิดหวัง และเศร้าใจเล็กน้อย
“เจ้ากล่าวว่า มีนกกระเรียนขาวอยู่บริเวณนี้มิใช่หรือ? มิเห็นมีสักตัว”
แม้แต่ฮูหยินใหญ่ก็รู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
เพราะนางได้สั่งให้ผู้ใดบางคนนำนกกระเรียนสีขาวมาวางไว้ที่จุดนี้ เพื่อให้เห็นได้อย่างชัดเจน
แต่เหตุใดจึงมิเห็นมันเลย? อย่างไรก็ตาม นางยังคงอยู่ในอาการสงบและเยือกเย็น
“บางทีตอนนี้มันอาจจะมืดแล้ว และมันคงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าหญ้านี้”
อารมณ์ของหลี่เสี่ยวหรันผ่อนคลายขึ้น ขณะที่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขากำลังจะหันหลัง และเดินกลับไป
เเต่ทันใดนั้น แม่นมผู้ตื่นตระหนกก็พุ่งตัวเข้ามาหาพวกเขา และด้านหลังนางยังมีคนอีกสามสี่คนวิ่งตามมา
ในมือของสาวใช้แต่ละคนถือตะเกียง และมีท่าทีตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“คุณชายหมินเต๋อ! คุณชายหมินเต๋อ! พวกท่านเห็นเขาบ้างหรือไม่?!”
ฮูหยินใหญ่แกล้งแสดงอาการวิตกกังวล ขณะที่พยายามระงับความรู้สึกมีความสุขเอาไว้ภายใน
“เจ้าเป็นแม่นมของหมินเต๋อ มิใช่หรือ? เกิดอะไรขึ้น เจ้าจึงออกมาตามหาตัวเขาที่นี่”
ในตอนนี้มิมีผู้ใดให้ความสนใจกับเรื่องนกกระเรียนขาวแล้ว เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจกว่า นั่นก็คือ
หลี่หมินเต๋อหายไปไหน?!