ตอนที่ 124 โอกาสอันดี

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 124 โอกาสอันดี
“ใต้เท้าเจินมาเยือนถึงจวน ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก” ท่าทีของฉังซิงโหวกระตือรือร้นมาก แต่ในใจกลับรู้สึกไม่สู้ดีนัก

เจินซื่อเฉิงเป็นผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนคร เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก แน่นอนว่าต้องไว้หน้าเขา แต่ทั้งสองคนไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน คนหนึ่งที่ทำหน้าที่สืบคดีมาทำอะไรที่จวนของเขากันแน่

คนพวกนั้นชอบปั้นน้ำเป็นตัวมากที่สุด เมื่อเจินซื่อเฉิงมาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวก็ไม่รู้ว่าจะมีข่าวลืออะไรแพร่ออกไป

เจินซื่อเฉิงยิ้ม “ท่านโหวเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าเพิ่งเข้าเมืองหลวงก็ทันคดีการตายของพี่ชายหยางเฟยเพราะอยากทราบสถานการณ์จึงมาพบท่านโหวโดยพลการ”

ฉังซิงโหวยิ่งรู้สึกรําคาญมากขึ้นไปอีก

การตายอย่างกะทันหันของ ‘หยางกั๋วจิ้ว’ เกี่ยวข้องอะไรกับจวนฉังซิงโหวของพวกเขา ช่างเคราะห์ร้ายจริงๆ!

“ไม่ทราบว่าใต้เท้าเจินต้องการทราบสิ่งใดบ้าง” มุมปากของฉังซิงโหวโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เจินซื่อเฉิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืน “ในห้องร้อนอบอ้าว เอาอย่างนี้เถอะ ท่านโหว พวกเราออกไปข้างนอก เดินเล่นไปพลางพูดคุยกันไปพลางเถอะ”

ฉังซิงโหวถูกเจินซื่อเฉิงกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นจึงลุกขึ้นยืน “ใต้เท้าเจินเชิญ”

ทั้งสองเดินออกจากประตูไป แสงแดดเจิดจ้าทำให้เจินซื่อเฉิงยกมือขึ้นปิดตา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ข้าได้ยินว่าดอกโบตั๋นของจวนนี้มีชื่อเสียงที่สุด ถึงตอนนี้ก็ยังบานสะพรั่ง ไม่ทราบว่าพอจะไปชมได้หรือไม่”

ฉังซิงโหวสับสน

เป็นถึงผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนครผู้ทรงเกียรติ แต่กลับมาชมดอกไม้ที่จวนของเขาหรือ

เห็นฉังซิงโหวไม่พูดไม่จา เจินซื่อเฉิงก็พูดเสียงเบา “ท่านโหวเองก็รู้ว่าหลายวันมานี้คดีการตายของพี่ชายหยางเฟยสร้างความโกลาหลในเมืองหลวง สำนักกฎหมายสามกรมกับขุนนางจวนซุ่นเทียนไม่เคยได้นอนหลับสนิท เหตุผลที่ข้ามาถึงบ้านของข้าเป็นเพราะได้ทราบข้อมูลบางอย่างมา”

“ข้อมูลอะไรหรือ” ฉังซิงโหวคิดตามความคิดของเจินซื่อเฉิงโดยไม่รู้ตัว

เจินซื่อเฉิงกระซิบเสียงเบาลงอีก “มีคนบอกว่าวันก่อนที่พี่ชายหยางเฟยสิ้นใจ ได้ติดต่อกับซื่อจื่อฉังซิงโหว”

“อะไรนะ!” สีหน้าของฉังซิงโหวเปลี่ยนไปอย่างมาก

เจินซื่อเฉิงไม่พูดอะไรอีก แสร้งทำเป็นลูบเคราอย่างลึกล้ำ

สองคดีนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นอย่างที่เขาพูดว่านอนไม่สนิท แม้แต่กินข้าวยังต้องรีบเร่ง เขาลูบๆ คลำๆ ก็คลำเจอเม็ดข้าวที่ติดตรงหนวด

เจินซื่อเฉิงดีดเมล็ดข้าวออกด้วยสีหน้าปกติ ยังคงเป็นสีหน้าลึกลับและคาดเดาไม่ได้

“ใต้เท้าเจิน ตัวข้ามีนิสัยอ่อนโยน ไม่เกี่ยวพันกับคดีของพี่ชายหยางเฟย!”

เจินซื่อเฉิงยิ้ม “ท่านโหวอย่าเพิ่งตกใจ ข้าเพียงได้ยินมา ขอเพียงคุณชายแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา เขาจะต้องไม่ใช่คนชั่วร้ายคนนั้นอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อมีเงื่อนงำเช่นนี้ ข้าจึงไม่อยากส่งคุณชายไปสอบถามที่ว่าการ ดังนั้นจึงมาจวนของท่านเพื่อปรึกษาท่านโหวกับซื่อจื่อของท่านเพื่อสอบถามสถานการณ์”

“ขอรับ ขอรับ ขอบพระคุณใต้เท้าเจินมาก” ฉังซิงโหวเผยสีหน้าโล่งใจ

เจินซื่อเฉิงแอบขมวดคิ้ว

ดูท่าทางของฉังซิงโหวแล้ว อาจเป็นไปได้ที่จะไม่รู้เรื่องของบุตรชาย? หรือจะบอกว่าซื่อจื่อจวนฉังซิงโหวไม่ได้ก่อเรื่องลักพาตัวสังหารหญิงสาว หากแต่มีคนมุ่งเป้าไปที่จวนฉังซิงโหว?

สำหรับความเป็นไปได้ที่สอง เจินซื่อเฉิงไม่ได้มองในแง่ดีเลย

เขาได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ลูกสาวของซิ่วเหนียงจื่อหายตัวไปหลายวันแล้วจริงๆ ส่วนเรื่องของนายท่านฉือก็ได้รับจดหมายจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่ส่งมาจากเมืองเยี่ยนจื่อแล้ว

การหายตัวไปหญิงสาวทั้งสองไม่อาจแยกออกจากจวนฉังซิงโหวซื่อจื่อได้

“ท่านโหว พวกเราเดินไปคุยกันไปเถอะ”

เห็นเจินซื่อเฉิงเดินเข้าสวนฉังซิงโหวก็เอ่ยห้ามปราม “ใต้เท้าเจิน วันนี้ช่างบังเอิญเสียจริง ที่บ้านจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ เชิญคุณหนูมากมายมาชมดอกไม้ในสวน…”

เจินซื่อเฉิงตะลึงงัน จากนั้นสีหน้าก็เผยความเสียใจออกมา “เอ้อ ช่างบังเอิญเสียจริง ไม่เป็นไร พวกเรามาเดินเล่นทางนี้ก็ได้ รบกวนท่านโหวเชิญคุณชายบุตรของท่านมาเถิด”

“ใต้เท้าเจินรอสักครู่ ข้าจะส่งคนเรียกเจ้าตัวดีมาเดี๋ยวนี้ เพียงแต่เจ้านั่นขี้ขลาด หวังว่าใต้เท้าเจินจะให้อภัย”

“แน่นอนอยู่แล้ว ท่านโหววางใจได้” เจินซื่อเฉิงหัวเราะเสียงดัง แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่ใจ

ยังดีที่เขาสืบคดีมาหลายปี เผชิญอุปสรรคมากมาย จนฝึกฝนกลายเป็นความสามารถไปแล้ว ปัญหาซับซ้อนเช่นนี้ไม่คณามือ

วันนี้เห็นซื่อจื่อฉังซิงโหวก่อน ก็นับว่าไม่เสียเปล่า

ภายในสวน เจียงซื่อถูกเจียงเชี่ยนรั้งตัวไว้

“น้องสาม น้องสี่คราวก่อนมาแค่วันเดียวก็ไปแล้ว ข้ายังคิดถึงอยู่ตลอดเลย หลังจากงานเลี้ยงชมดอกไม้จบลง พวกเจ้าก็อยู่ต่อสักสองสามวันเถอะ”

“พี่รองคิดถึงพวกเรามากขนาดนั้นเลยหรือ” เจียงเชี่ยวจับมือเจียงซื่อโดยไม่รู้ตัว ในใจยิ้มเยาะ

คนนอกได้เห็นแล้วก็รู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องที่รักกันลึกซึ้ง ใครจะรู้ว่าคู่สามีภรรยาคู่นี้จะเป็นสุนัขร้ายที่กระหายเนื้อ!

สายตาของเจียงเชี่ยนมองไปที่สองมือที่จับมือกันของสองพี่น้อง พูดขึ้นมาโดยที่ไม่มีคนถามว่า “ข้ายังจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆ น้องสามกับน้องสี่ชอบทะเลาะวิวาทกันอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ว่าตอนนี้โตแล้ว กลับดีขนาดนี้”

“คนเราก็ต้องโตขึ้นกันอยู่แล้ว” เจียงเชี่ยวยิ้มคิกคักกอดแขนเจียงซื่อไว้ ใบหน้าไร้เดียงสา “พี่รองก็รู้ ถ้าข้าเปลี่ยนที่นอนจะมีผื่นขึ้น จึงนอนพักไม่ได้”

“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร แล้วน้องสี่…”

เจียงเชี่ยวตัดบทเจียงเชี่ยนในทันที “ข้าอยู่คนเดียวในจวนปั๋วก็ออกจะเหงาอยู่บ้าง น้องสี่ก็ต้องกลับไปอยู่กับข้า แหะๆ พี่รองดูไม่ออกหรือว่าข้าสนิทกับน้องสี่ที่สุด ให้อภัยน้องด้วยเจ้าค่ะ อย่าให้เราต้องแยกจากกัน ถ้าพี่รองอยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนก็ให้น้องห้ากับน้องหกอยู่เป็นเพื่อนสิ”

แค่กแค่ก ไม่ใช่ว่านางจะผลักน้องห้าและน้องหกเข้าไปในรังหมาป่าอย่างโหดเหี้ยม ในเมื่อคราวที่แล้วพวกนางสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัยก็เห็นได้ชัดว่าฉังซิงโหวซื่อจื่อไม่ชอบพวกนางอย่างไรล่ะ

เจียงเชี่ยวกวาดสายตามองเจียงซื่ออย่างอดไม่ได้ ลอบทอดถอนใจ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าหน้าตาขี้เหร่จะปลอดภัย

เจียงเชี่ยนมีสีหน้าทื่ออยู่บ้าง หากไม่ใช่เพราะนางต้องการแสร้งทำเป็นรักใคร่สามัคคีกัน นางก็อยากจะฉีกปากเจียงเชี่ยวไปเลย

เจ้าตัวทำเสียเรื่อง!

เจียงเชี่ยนถอนหายใจอย่างช้าๆ ยิ้มกล่าวว่า “น้องสามต้องเข้าใจและเห็นอกเห็นใจพี่ด้วย แต่ก่อนน้องสี่ชอบเล่นกับข้ามาก ตั้งแต่ข้าแต่งงานแล้วก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันอีก ครั้งนี้พี่รองอยากให้น้องสี่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันจริงๆ นะ”

เหม็นขี้หน้าคนไร้ยางอาย!

เจียงเชี่ยวสบถในใจ สังเกตเห็นว่าเจียงซื่อไม่พูดไม่จา จึงดึงแขนเสื้อนางอย่างร้อนรน

ถ้าไม่พูดอีกเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยก็จะถูกงาบเข้าไปในรังหมาป่าแล้ว เจ้าส่งเสียงหน่อยสิ!

ตอนนี้เจียงซื่อไม่มีกะจิตกะใจจะปะทะกับเรื่องพวกนี้ จิตใจทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการชักจูงให้ใต้เท้าเจินค้นพบศพสตรีในสวนอย่างไร

ไม่มีโอกาสที่ดีกว่านี้อีกแล้ว มีสตรีสูงศักดิ์มากมาย หากพบศพหญิงสาว จวนฉังซิงโหวคงจะปกปิดเอาไว้ไม่ได้

เจียงซื่อกํามือแน่น ฝ่ามือเปียกชื้นเล็กน้อย

หิ่งห้อยมายาของนางยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คนมากมายตกอยู่ในภาพหลอนพร้อมกันในเวลากลางวันแสกๆ หรือว่านางสามารถใช้อย่างอื่นได้…

จู่ๆ เจียงซื่อรู้สึกว่าเจียงเชี่ยวดึงแขนเสื้อนางแรงเกินไป จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “พี่สาม…”

ทว่าเจียงเชี่ยวก็อ้าปากค้าง ท่าทางตกใจตามมาติดๆ ตามมาด้วยเสียงร้องของเหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์

เจียงซื่อหันหน้าไปเห็นสุนัขตัวใหญ่สูงครึ่งตัวกําลังกระดิกหางอย่างร่าเริง

ทำไมเอ้อร์หนิวถึงมาที่นี่ได้

“เด็กๆ มาลากเจ้าหมาบ้านี่ออกไป!” การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้เสียงของเจียงเชี่ยนเปลี่ยนไป

เอ้อร์หนิวขุดดินด้วยกรงเล็บด้านหน้าด้วยความไม่พอใจ

จะมาลากใครออกไปหรือ

นังผู้หญิงบ้า ข้าจะงับนางเข้าให้!

สุนัขตัวใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและกระโจนเข้าใส่เจียงเชี่ยน