จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 125
ความตั้งใจของฉุนเทียนชัดเจนยิ่ง
ใช้การเดิมพันเป็นเส้นทางลัด
แต้มผลงานจำนวนหนึ่งแสนแต้มอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาทำภารกิจราวสามเดือนจึงรวบรวมได้ในเมื่อวันนี้เขาบังเอิญพบกับหลินหยานได้ ถ้าพรุ่งนี้ได้พบกับหยางฮั่นอีกคนก็คงจะไม่แปลก
จากการสัมผัสกับกลุ่มชิงเทียนเป็นเวลาสั้นๆแล้ว เขาก็พบว่ากลุ่มชิงเทียนยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไปไกล ทั้งยังแทรกซึมอยู่ทั่วทุกมุมของสำนัก หยางฮั่นอยู่ในกลุ่มนี้มาหลายปี สมควรมีตำแหน่งฐานะเป็นที่ยอมรับของสมาชิกกลุ่ม หากเขาไม่เร่งเข้าเป็นศิษย์สายในโดยเร็ว หากพบเจอกันปัญหาก็จะวิ่งเข้าหาไม่จบไม่สิ้น
ค่าของศิษย์สายนอกย่อมเทียบกับศิษย์สายในไม่ได้
โดยเฉพาะศิษย์จากประตูหวง ศิษย์กลุ่มนี้แทบจะไม่ได้รับการสนใจใยดีจากสำนัก หากวันหนึ่งเขาหายตัวไประหว่างทำภารกิจก็คงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ ยังจะมีผู้ใดสนใจความเป็นความตายของศิษย์จากประตูหวงผู้หนึ่ง?
แต่ศิษย์สายในไม่ใช่เช่นนั้น พวกเขาคือเสาหลักของสำนักในภายภาคหน้า ดังนั้นจึงถูกวางค่าไว้สูง และสำนักย่อมไม่ยอมปล่อยให้ศิษย์สายในตกตายไปง่ายๆ
ผ่านไปพักหนึ่งที่มุมรับเดิมพันก็ไม่หลงเหลือผู้คน
ผู้บ่มเพาะชราเดินขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งก่อนจะประกาศเริ่มการต่อสู้
ชื่อของฉันเทียนปรากฏขึ้นตั้งแต่สนามแรก
“ฉินเทียน ปะทะ เพิ่งเซียง อัตราต่อรองคือ หนึ่งต่อหนึ่ง”
ศิษย์หลายหมื่นบนอัฒจรรย์ไม่ค่อยคุ้นชื่อฉันเทียนและเพิ่งเซียง ดังนั้นจึงแทบไม่มีผู้ลงเดิมพันรายการนี้ แต่ฉุนเทียนไม่สนใจว่าจะมีใครเดิมพันข้างเขาหรือไม่ แค่เขาลงเดิมพันข้างตัวเองก็เพียง พอแล้ว
ฉินเทียนเดินออกจาพื้นที่พักผ่อนของผู้เข้าแข่งขันและขึ้นไปบนเวทีประลอง เซิ่งเซียงเองก็ปรากฏตัวขึ้นจากฝั่งตรงข้าม
ขณะที่สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน เพิ่งเซียงก็ระเบิดพลังก่อนจะพุ่งออกมา
ฉุนเทียนยังคงเยือกเย็น เขายิ้มบางก่อนที่พลังปราณภายในร่างจะหมุนเร็วรี่ เพิ่งเซียงพลันรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่โถมทับ ในใจเกิดความคิดต่อสู้ขึ้นมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเขาควบแน่นพลังปราณขึ้นเป็นกระบี่แสงนับพันเล่ม
กระบี่แสงนี้ได้ขยับตัวและผนึกฉุนเทียนเอาไว้ทุกทาง เพิ่งเซียงหัวเราะ ”ตาย!”
สิ้นเสียงคำว่า “ตาย” ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตะลึง ตำแหน่งที่ฉินเทียนเคยอยู่มาบัดนี้ไม่หลงเหลือแม้แต่เงา
“โอ้”
ผู้ชมนับหมื่นส่งเสียงออกมาอย่างอัศจรรย์ใจ
ฉุนเทียนปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเพิ่งเซียงอย่างไร้ร่องรอยโดยที่เพิ่งเซียงไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ เพิ่งเซียงมองไปยังผู้ตัดสินก่อนจะยักไหล่ ” คนหายไปแล้ว ข้าชนะ?”
ผู้ตัดสินชราส่ายหน้าเบาๆพลางยิ้มออกมา
คนยืนอยู่ด้านหลังเจ้า เจ้ายังไม่รู้สึกตัว กระทั่งยังบอกว่าตนเป็นผู้ชนะอีก
นี่มันเรื่องตลกสิ้นดี
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของฉันเทียนดังเข้ามาในหูของเซิ่งเซียง
เพิ่งเซียงพลันเบิกตากว้างก่อนจะพุ่งตัวรักษาระยะห่าง ในใจบังเกิดความกลัวขึ้นมา แต่ไม่ช้าความกลัวนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความไม่พอใจ หลังจากพุ่งห่างออกมาหลายสิบก้าว เขาก็หันกลับไปมองดูด้านหลัง หากแต่ที่นั่นก็ไม่มีร่างของฉันเทียนอยู่อีกแล้ว
เหงื่อเม็ดเป้งไหลย้อยผ่านหน้าผาก เสื้อผ้าชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เขาหันศีรษะกลับไปก่อนจะตัวแข็งที่อ ฉุนเทียนมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขาอีกแล้ว นี่เป็นความรู้สึกที่ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าถูกฆ่า
คู่ต่อสู้หมดกำลังใจ ฉุนเทียนชนะโดยไม่ต้องสู้
ด้วยความเร็วสุดสะพรึงของฉันเทียน เพิ่งเซียงไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างสิ้นเชิง เขามีทางเลือกเดียวคือยอมรับความพ่ายแพ้
“ข้าแพ้แล้ว” เพิ่งเซียงที่ปั้นหน้าอดอาลัยตายอยากค่อยๆเดินลงจากเวทีประลอง
ไม่ว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าการประลองสนามแรกจะจบลงเช่นนี้ มันจบลงอย่างรวดเร็วจนเหล่าผู้ชมยังไม่ทันได้ส่งเสียงเชียร์
ผู้ตัดสินชราเผยยิ้มน้อยๆพลางชำเลืองมองฉันเทียน ในแววตาเผยความชื่นชม
รู้ว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ อีกทั้งพวกเขายังไม่มีข้อบาดหมางใด ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้ต้องทำร้ายอีกฝ่าย นี่คือสิ่งที่ฉันเทียนคิด แต่การกระทำนี้ทำให้เหล่าผู้ชมรู้สึกไม่หนำใจ พวกเขามาเพื่อดูการต่อสู้อันตื่นตาตื่นใจ แต่นี่ฉินเทียนทำแค่เพียงหายตัวไปมาและชนะการประลองโดยไม่แม้แต่จะต่อสู้
“ชนะแล้ว ฮ่าๆ..” หลินหยานระเบิดเสียงหัวเราะ คิดถึงเรื่องที่ฉินเทียนฝากฝัง เขาก็ลุกจากที่นั่งเดินตรงไปยังมุมรับเดิมพัน ใช้แต้มผลงานทั้งหมดของฉันเทียนและตนเองเดิมพันว่าฉันเทียนจะชนะ เขาเชื่อมั่นว่าฉันเทียนจะเป็นผู้ชนะในวันนี้
“แน่ใจว่าต้องการจะสู้ต่อ?” สีหน้าของผู้ตัดสินชราเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาทราบว่าฉันเทียนอยู่ที่ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณแล้ว แต่เขาคิดไม่ถึงว่าฉันเทียนจะร้องขอสู้ต่อ ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณขอสู้ต่อจนรอบสุดท้าย เรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
“ลองคิดดูอีกหนดีหรือไม่?” ผู้ตัดสินชราเอ่ยถาม
” ขอบคุณผู้อาวุโสที่เป็นห่วง ข้าแน่ใจว่าจะสู้ต่อ” ฉุนเทียนตอบกลับอย่างจริงจัง
ชายชรายิ้มบาง ” ตกลง”
จากนั้นชายชราจึงประกาศว่าฉันเทียนจะขอสู้ต่อ เรียกเสียงดูถูกดูหมิ่นจากศิษย์ที่ชมอยู่จำนวนมาก พวกเขาต่างก็คิดว่านี่เป็นการรนหาที่ตาย
แม้แต่ศิษย์ประตูเทียนก็ยังไม่กล้ากระทำเช่นนี้ แต่ศิษย์ประตูหวงผู้หนึ่งกลับโอหังอวดดี นี่สร้างความไม่พอใจให้กับศิษย์ประตูเทียนจำนวนมาก ต้องการจะลงไปสับสังหารเขาในดาบเดียว จะปล่อยให้ศิษย์ไร้ชื่อผู้หนึ่งจองหองอวดดีไม่เห็นหัวใครแบบนี้ต่อไปน่ะรึ?
ฉินเทียนยิ้มบางพลางกวาดสายตามองโดยรอบก่อนจะปิดตาลง รอคอยให้คู่คนต่อไปปรากฏตัว
ไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยสิ้นเชิง
การกระทำนี้ยิ่งสร้างความไม่พอใจแก่ผู้คน ผู้ชมต่างสบถด่าทอออกมา แทบจะไม่มีผู้ใดลงเดิมพันข้างฉินเทียน พวกเขากลับลงเดิมพันไปที่ข้างคู่ต่อสู้ของฉันเทียน ไม่มีใครเชื่อว่าฉุนเทียนจะสามารถยืนหยัดจนถึงรอบสุดท้าย ชัยชนะเมื่อครู่ก็แค่ฟลุคชนะมาได้เท่านั้น เพียงใช้ความเร็วของตนกดดันคู่แข่งให้ยอมแพ้ไปเอง แต่ในการต่อสู้รอบต่อไป ฉุนเทียนจะไม่โชคดีเช่นนี้แน่
รายชื่อผู้เข้าแข่งขันขยับอีกครั้ง หวังเฟิง ศิษย์จากประตูเทียน ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ
ฉินเทียนยิ้มก่อนจะกล่าวว่า ” คนจากกลุ่มชิงเทียนอีกแล้ว”
ความแข็งแกร่งของหวังเฟิงยังไม่เลว เขามีชื่อติดอยู่ในยี่สิบอันดับแรกของศิษย์สายนอกทั้งยังมีคุณสมบัติเข้าแย่งชิงตำแหน่งศิษย์สายใน
การปรากฏตัวของเขาทำให้เหล่าศิษย์ที่ชมดูต่างตะโกนเรียกชื่อของเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยความยินดี
หวังเฟิงมองดูฉินเทียนก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “สหาย เจ้ากำลังรนหาที่ตาย หลังจากกลายเป็นผีแล้วก็อย่าตำหนิว่าข้าโหดร้าย”
จากนั้นจึงกล่าวต่อ “อันที่จริงข้าไม่ชอบการฆ่านัก แต่มีบางคนต้องการให้เจ้าตาย ข้าก็ได้แต่ทำตามนั้น”
ฉินเทียนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “มีคนต้องการให้ข้าตาย? หรือเรื่องที่ข้าสังหารอี้เฉิงจะถูกคนล่วงรู้แล้ว?”
หัวใจของเขาบีบรัดแน่น มองดูหวังเฟิงอย่างเฉยชา ปราณสีม่วงแผ่ออกจากร่าง รอยยิ้มอันตรายประดับแขวนบนใบหน้า “ข้าชื่นชอบการฆ่ามาก หลังจากกลายเป็นผีแล้วก็อย่าลืมบอกพญายมให้มาหาข้าล่ะ”
ในแววตาฉายความคิดฆ่าฟัน กลิ่นอายบนร่างฉุนเทียนพลันเปลี่ยนไป พลังอันมหาศาลระเบิดเปลี่ยนเป็นหอกสีม่วงเข้มแทงออกไป
หวังเฟิงรีบล่าถอย เขาคิดไม่ถึงว่าฉุนเทียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ หัวใจของเขาสั่นระรัว แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองใด หอกสีม่วงเข้มก็แทงทะลุหัวใจของเขาไป สัมผัสถึงพลังชีวิตที่ ค่อยๆอ่อนจาง ภาพที่หวังเฟิงมองเห็นก็เปลี่ยนเป็นพร่าเลือน
หวังเฟิงตายแล้ว
ฉินเทียนเผยยิ้ม ขณะที่ในใจตื่นเต้นยินดี การเก็บเกี่ยวยังไม่เลว!”
ทั่วทั้งสนามพลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ..