จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 126
ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ ศิษย์สายนอกที่อยู่ในยี่สิบอันดับแรก ถูกฆ่าในท่าเดียว
เป็นสังหารในพริบตาที่งามจับใจ
เพียงชั่วพริบตาก็ปรากฏผลลัพธ์
มันจบลงรวดเร็วจนผู้คนยากจะยอมรับ ความรวดเร็วของฉันเทียนอยู่เหนือจินตนาการของผู้คนไปมาก สายตาของพวกเขายังไม่อาจติดตามทันเสียด้วยซ้ำ
โอ……………..
เหล่าศิษย์ที่ชมดูต่างพากันลุกขึ้น สายตาที่เคยดูถูกดูหมิ่นเปลี่ยนเป็นเลื่อมใส พวกเขาส่งเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง
สถานที่จัดงานสั่นสะเทือนอย่างไม่อาจควบคุมจนฉุนเทียนกังวลว่าอัฒจรรย์จะพังครืนลงมาเพราะเสียงเชียร์ของผู้ชมเหล่านี้
สังหารผู้บ่มเพาะระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณในพริบตาเดียว เขาต้องแข็งแกร่งแค่ไหนกัน? พวกเขาต่างพลุ่งพล่านใจยามหวนนึกถึงฉากสังหารในพริบตาราวกับตนเองเป็นฉุนเทียน การต่อสู้เมื่อครูได้กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของคนทั้งหมดให้ลุกโชนขึ้นมานักพนันมักไม่มีสติ
ผู้ที่มีสติมักไม่พนัน เห็นเหล่าศิษย์จำนวนมากหลั่งไหลไปยังมุมรับเดิมพัน ภายในห้องผู้ชมส่วนตัวแห่งหนึ่ง ดวงตาคู่หนึ่งเผยยิ้มบาง เจ้าของดวงตาโบกมือคราหนึ่งกล่าวว่า “รอบต่อไปก็ให้เขาชนะ”
” ขอรับ” บุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่แม้จะไม่เข้าใจเพียงใด เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกไป
“ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับแปดขั้นกลั่นวิญญาณ ศิษย์ที่แปลกประหลาดขนาดนี้ ไฉนกลุ่มชิงเทียนไม่ดึงตัวเข้าร่วม ซุนหวน เจ้าไปสืบดู”
“ขอรับ!”
ห้องส่วนตัวกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ดวงตาชั่วร้ายคู่หนึ่งจับจ้องไปที่ฉินเทียน บนใบหน้าเผยอันดูยิ้มลี้ลับออกมา
หลังจากปิดรับการเดิมพัน คู่ต่อสู้คนต่อไปก็ปรากฏตัว คู่ต่อสู้คราวนี้ยังคงเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ
“ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณอีกแล้ว?” ฉุนเทียนนิ่งอึ้ง จากนั้นจึงกวาดสายตามองโดยรอบและเข้าใจว่าเป็นเรื่องราวใด
ความคิดของนักพนันช่างคาดเดาได้ง่ายเสียจริงๆ
หากฉันเทียนเอาชนะได้อีกครั้ง อัตราต่อรองในรอบถัดไปก็จะเพิ่มขึ้นอีกทบทวี ในเวลานั้นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งก็จะถูกส่งลงมาโค่นฉุนเทียน ทำให้ผู้ควบคุมการเดิมพันกอบโกยผลประโยชน์ก้อนโต
ผู้ตัดสินชราเอ่ยปากเตือน ” หลังชนะรอบนี้จงถอนตัวซะ เจ้าไม่ชนะพวกเขาหรอก”
กล่าวจบเขาก็ลงจากเวทีประลอง
ความหมายของเขาชัดเจนยิ่ง พวกเขา” ย่อมหมายถึงกลุ่มชิงเทียน เรื่องนี้ทำให้ฉันเทียนต้องตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังสามารถสอดมือเข้ามาในสงครามชิงอำนาจ ดูเหมือนกลุ่มชิงเทียนจะแทรกซอนเข้าไปทุกอณูของสำนักแล้ว
ฉินเทียนไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวหลงเทียนถึงปล่อยให้กลุ่มชิงเทียนกระทำตามอำเภอใจ หรือว่ากลุ่มชิงเทียนจะเป็นกลุ่มที่เขาหนุนอยู่เบื้องหลัง?
เขาหวนนึกถึงคำพูดของคังเทียนจี้และจมอยู่ในห้วงความคิด แน่นอนว่ากลุ่มชิงเทียนนี้ย่อมต้องมีผู้หนุนหลัง และมีคนไม่มากนักที่สามารถทำเช่นนั้น นอกจากแปดเสาหลักของสำนักแล้ว ก็มีเพียงเสี่ยวหลงเทียนเท่านั้นที่ทำได้
“หลงเสี่ยวเทียนต้องการจะเปลี่ยนสำนักเทียนจี้เป็นสำนักชิงเทียน” ฉุนเทียนครุ่นคิด เมื่อเห็นคู่ต่อสู้เดินขึ้นเวทีประลอง เขาก็พักความคิดเอาไว้ก่อน
แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นเจ้าสำนักเทียนจี้ หรือบอสที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มชิงเทียน หลงเสี่ยวเทียนก็ต้องตาย
“ย่าห์” คู่ต่อสู้กู้ร้องและพุ่งเข้ามาพร้อมจิตสังหารอันเต็มเปี่ยม กระบี่ที่เสือกแทงออกแหวกฝาอากาศเข้ามาจนเกิดเป็นคลื่นอากาศ
ฉินเทียนยังคงนิ่งอยู่กับที่ประดุจขุนเขา ร่างจำแลงเทพโบราณปรากฏขึ้นที่ด้านหลังก่อนจะตวัดเคียวฟันออกไป บุรุษผู้นั้นรีบถอยกลับ ในเวลาเดียวกันนั้น ฉุนเทียนก็เคลื่อนไหว สองเท้ายันเข้ากับพื้นก่อนจะพุ่งตัวออกไปประดุจเกาทัณฑ์จนเกิดเป็นเสียงแวหกฝ่าอากาศ
ฟุ่บ!
หมัดที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณของเขาชกออกไปข้างหน้า หมัดนั้นต่อยใส่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง บุรุษผู้นั้นร่างปลิวละลิ่วออกไปก่อนจะไถลไปกับพื้น สิ้นความสามารถในการต่อสู้
“เยี่ยม.”
เหล่าศิษย์ต่างระเบิดเสียงเชียร์ออกมา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีอย่างสุดแสน
การต่อสู้รอบที่สามจบลงด้วยชัยชนะของฉุนเทียน
ชัยชนะทั้งสามครั้งของฉันเทียนได้กระตุ้นความพลุ่งพล่านของเหล่าศิษย์ขึ้นมา มุมรับเดิมพันเนืองแน่นไปด้วยผู้คนอีกครั้ง
ในห้องส่วนตัว รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้น “ส่งตั๋วเพิ่งไป ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะฆ่าฉุนเทียนกับมืองั้นรึ? ให้โอกาสเขา”
” ขอรับ”
จากนั้นไม่นานก็ปรากฏเสียงเคาะประตูดังออกมาจากภายนอก รอยยิ้มชั่วร้ายเลือนหาย แทนที่ด้วยจิตสังหารอันลึกล้ำ ”เข้ามา”
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในห้องก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
หยางฮั่นเปิดประตูเข้ามา สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันน่าขนลุก เขาก็สยิวกายคราหนึ่ง “ผู้ดูแลข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
ประกายแสงเย็นเยียบฉายขึ้นวูบในแววตา เขามองหยางฮั่นก่อนจะเผยยิ้ม “น้องหยางฮันนี่เอง เชิญนั่ง”
หยางฮั่นมีฐานะภายในกลุ่มชิงเทียนไม่ต่ำทราม สาเหตุหลักๆคืออีกไม่นานเขาก็จะกลายเป็นบุตรเขยของประมุขตำหนักเทียนหยาง หนานกงลี่ หนานกงลี่เป็นหนึ่งในแปดเสาหลักของสำนักเทียนจี้ มีอำนาจสูงส่งยิ่ง ในฐานะบุตรเขยของหนานกงลี่แล้ว ในภายภาคหน้าเขาก็จะขึ้นเป็นประมุขแห่งตำหนักเทียนหยาง
แน่นอนว่าผู้ดูแลหวังซี่ย่อมต้องไว้หน้าเขา อีกทั้งนี้ยังเป็นคำสั่งของประมุขน้อยหลิวชวงหานของกลุ่มชิงเทียน
“ผู้ดูแล ข้ามาพร้อมกับความปรารถนาเดียวเท่านั้น นั่นคือให้ท่านลงมือจัดการฉินเทียน” หยางฮั่นกล่าวเข้าเรื่องทันที
เมื่อได้รู้ว่าฉันเทียนปรากฏตัวขึ้นในสงครามชิงอำนาจ ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ ระเบิดจิตสังหารออกมา หากเขามีพลังเพียงพอ เขาก็คงพุ่งขึ้นเวทีเข่นฆ่าฉุนเทียนไปแล้ว
ตระกูลหยางถูกกวาดล้างโดยสมบูรณ์ นี่เป็นความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า หากเขาไม่ลงมือเขาก็คงไม่อาจบากหน้าเป็นคนต่อไป
เมื่อกลับมาถึงนิกายเทียนจี้ เขาก็เร่งเพิ่มความแข็งแกร่ง ประจบเอาใจหนานกงเหยียน หลังจากตามพะเน้าพนออย่างหนัก ในที่สุดนางก็ตกปากรับคำ
ธิดาโทนของหนานกงลี่กลายเป็นคู่หมั้นของเขา ฐานะภายในกลุ่มชิงเทียนของเขาก็พุ่งทะยานกลุ่มชิงเทียนให้ความสำคัญกับเขามากขึ้น
หยางฮั่นรู้ตัวดีว่าตนเองมีความสามารถแค่ระดับปานกลาง การจะทะลวงระดับขึ้นโดยเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้ ทางออกเดียวคือยึดกุมหนานกงเหยียนไว้ในมือ ยามเมื่อได้รับมรดกของหนานกงลี่เขาก็จะมีอำนาจควบคุมตำหนักเทียนหยางอย่างเบ็ดเสร็จ การสังหารฉุนเทียนก็จะลำบากเพียงยกมือ
แต่เขาคาดไม่ถึงว่าฉันเทียนจะปรากฏตัวขึ้นที่สำนักเทียนขี่รวดเร็วถึงเพียงนี้
การปรากฏตัวของฉันเทียนได้จุดไฟโทสะที่ถูกเก็บไว้ของหยางฮั่นขึ้นมา ภายใต้โทสะครอบงำเขาจึงตรงไปหาหลิวชวงหาน
หวังซีแค่นเสียง ต้องการให้เขาลงมือ? ตัวเขาเป็นผู้ดูแลศิษย์แห่งสำนักชั้นนอก เป็นตัวแทนแห่งกลุ่มชิงเทียนของสำนักชั้นนอก มีฐานะสูงส่ง ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ศิษย์ผู้หนึ่งจะมาชี้นิ้วบงการเขา? ในใจเขารู้สึกไม่พอใจหยางฮั่นอย่างมาก
ในฐานะผู้บ่มเพาะขั้นสวรรค์แล้ว ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ผู้บ่มเพาะระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณผู้หนึ่งมาชี้นิ้วคอยออกคำสั่ง?
หยางฮั่นยิ้มก่อนจะนำเอาป้ายหยกม่วงออกมา ” หยกประกาศิตชิงเทียน หวังซี ท่านทราบความหมายของมันหรือไม่?”
หยกประกาศิตชิงเทียน พบเห็นหยกเปรียบดังพบเห็นประมุขน้อย มีหรือที่หวังซีจะไม่ทราบ?
หวังซีรีบคุกเข่าลงอย่างเคร่งขรึม ”บ่าวเข้าใจแล้ว”
หยางฮั่นเก็บหยกกลับก่อนจะพยุงหวังซีลุกขึ้น ไม่ต้องฆ่าเขา ทำให้อยู่ในสภาพเขากึ่งเป็นกึ่งตาย ข้าต้องการจะฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง”
คำกล่าวของเขาแฝงไว้ด้วยจิตสังหารอันลึกล้ำ