บทที่ 115 จะแจ้งหมดจด

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่115 จะแจ้งหมดจด

ออกมาจากห้องเหมาส่วนตัวแล้ว มู่เซิ่งมาถึงหน้าประตูห้องที่ผู้จัดการบอกไว้ ที่หน้าประตูมีชายชุดดำยืนอยู่สองคน สายตาคอยกวาดมองคนที่เดินผ่านรอบข้างอย่างระแวดระวัง

จริงดั่งว่า ที่จางเสวียนหลงพูดไว้ไม่ผิด เย่ปู้เฟิงคนนี้ละเอียดสุขุมมาก ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ จะต้องมีการ์ดคอยดูแลอยู่รอบด้าน โดยไม่กลัวว่าการ์ดจะได้ยินเสียงอะไรพวกนี้ ไม่รู้สึกเคอะเขินกันมั่งไงไม่รู้

มู่เซิ่งแกล้งทำเป็นว่าเดินผ่าน มุ่งหน้าเดินตรงไปที่ประตู

การ์ดสองคนนั้นมองเห็นตัวมู่เซิ่ง วางมาดขรึมเข้มขึ้นมา สายตาจ้องจับอยู่ที่ตัวมู่เซิ่ง

หอจินหม่าเป็นสถานบันเทิงระดับสุดยอด บนชั้นที่สามนี้จะไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ฉะนั้นกับแขกที่ผ่านไปมา การ์ดจะต้องระวังอย่างที่สุด แต่ผู้ที่มาที่นี่ได้นั้นไม่รวยมากก็ต้องบารมีสูงมาก พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปขวางกั้นโดยพลการได้

ในสายตาของเขาทั้งสอง มู่เซิ่งที่อยู่เบื้องหน้า เดินผ่านไปอย่างสงบเงียบเรียบเฉย

“ก็น่าจะเป็นคนที่มาหาเที่ยวอีกคน”

การ์ดทั้งสองมองตามหลังมู่เซิ่งพ้นไป ถอนใจโล่งไปอีกเปลาะ

ซูว์!

แต่ทว่าเพียงชั่วแวบที่เขาผ่อนคลายลง มู่เซิ่งหันกลับมาอย่างเฉียบพลัน มือที่สะบัดขึ้น ตรงบริเวณคอหอยของทั้งสองคน ปรากฏเป็นแนวรอยเลือดสดแดงฉาน

การ์ดทั้งสองเหลือกตาโต คิดจะออกเสียงพูดก็เป่าลมออกมาไม่ได้แล้ว พิงอยู่กับกำแพง แล้วก็เงียบเสียงไป

ภายในห้อง

ชัดเจนว่าเย่ปู้เฟิงเพิ่งตื่น กำลังนอนบิดขี้เกียจบนเตียง ใช้โทรศัพท์อยู่ “คุณพ่อ ท่านวางใจเถอะ ผมได้มาถีงเจียงหนานแล้ว มีหมานหนิวกับหั่วจีลงมือด้วยกันสองคน ไอ้มู่เซิ่งนั่นตายแน่ไม่ต้องสงสัย!”

“ครับ ๆ ๆ ผมจะให้พวกมันเอาศพมู่เซิ่งกลับมาด้วย”

“ฮ่า ๆ รอให้มู่เซิ่งกับพ่ออายุสั้นของมันตายแล้ว บ้านตระกูลมู่ ยังจะไม่ใช่ของพวกเราหรือ?วางใจได้เลยคุณพ่อ คุณมู่เฉินเทียนนั่นมันสมใจมันไปได้ไม่นานแล้วแหละ!”

คลิก——–

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลูกบิดประตูได้ถูกบิดเปิด มู่เซิ่งผลักประตูเดินเข้ามา

“เชียส ทำไมมากันช้านักวะ?รีบจัดการแก้ผ้ากันเองแล้วรีบขึ้นมา เวลาผมมันยุ่งมากนะ”

เย่ปู้เฟิงต่อว่าไปอย่างไม่หันกลับไปมองเลย มือคงยังประคองโทรศัพท์อยู่

“คุณพ่อ ผมกำลังทำอะไรอยู่หรือ?ผมก็ยุ่งอยู่กับงานวางแผนนี่ไง ท่านไม่ต้องห่วง ถึงแม้ถ้าหมานหนิวกับหั่วจี เกิดมีอะไรผิดพลาด ผมก็ยังมีแผน ‘บี’ ท่านวางใจไปได้เลยเต็มหัวใจทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบ”

เย่ปู้เฟิงปิดเครื่องโทรศัพท์ เห็นว่าหญิงที่เรียกมาทำไมยังไม่เห็นทำอะไร อดไม่ได้จึงหันหน้ากลับไปดู มองไปกลายเป็นมู่เซิ่งที่เดินเข้ามา ทำเอาตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

“เซอร์ไพร้ส์มากสินะ?”

มู่เซิ่งยิ้มอย่างเย็นชา

“แก…….”

เย่ปู้เฟิงถึงกับหน้าถอดดสี กระโดดขึ้นจากเตียงอย่างฉับพลัน พุ่งตัวไปทางหน้าต่าง

ความเร็วของเขาสูงมาก จัดว่าระดับฝีมือ แต่ฝีมือระดับนี้ต่อหน้ามู่เซิ่ง มันก็แค่ก้อนแป้งเปียก ไม่พอมือเอาเลย เขาขยับเอียงตัวนิดหนึ่ง ขาก็เตะใส่เย่ปู้เฟิงล้มกลับอยู่ที่เตียง

เย่ปู้เฟิงมือกุมท้องกระอักลมออกมา ใบหน้าขาวซีดเป็นแป้ง แข้งของมู่เซิ่งที่อัดมานี้แรงจัด เขาถึงกับรู้สึกกระดูกกระเดี้ยวจะถูกเตะหักหมดไปทั้งตัว

“อย่าฆ่าผม ทั้งหมดนี้พ่อบุญธรรมของผมเป็นคนทำ ไม่เกี่ยวกับผมเลยนะ!”

เย่ปู้เฟิงดูท่าก็รู้ว่าวิบากกรรมนี้รอดยาก รีบคุกเข่าลงกับพื้น โขลกหัวกับพื้นดังปึง ๆ ๆ ต่อหน้ามู่เซิ่ง “คุณมู่เซิ่ง ไม่ใช่ผมติดฆ่าคุณ เป็นบ้านตระกูลมู่ที่จะฆ่าคุณ ผมเป็นแค่คนนำส่งคำสั่ง ผมไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ นะครับ”

“ที่แกพูดว่าแผนBนั่นมันอะไรของแก?”

มู่เซิ่งใช้มือบีบคอแถวกระเดือก ยกขึ้นจนตัวลอย

ความรู้สึกเริ่มจะขาดลมหายใจ ความตายกำลังโถมเข้ามาหา เย่ปู้เฟิงร้องอย่างกลัวสุดขีด “อย่าฆ่าผม ผมบอก ผมจะบอก!”

ปึง!

เย่ปู้เฟิงถูกมู่เซิ่งโยนลงกับพื้นตรงนั้น อ้าปากพะงาบ ๆ สูดหายใจเอาอากาศอัดใส่เข้าทางจมูก

“ว่ามา” มู่เซิ่งกวาดมองไปที่เย่ปู้เฟิงด้วยสายตาหนาวเยือก

“ผมพูด ผมจะพูดเดี๋ยวนี้”

นัยน์ตาเย่ปู้เฟิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าจะรีรอ พูดอย่างต่อเนื่องไปว่า “แผนที่สองของผมคือถ้าหากหมานหนิวกับหั่วจีสู้ไม่ได้ ก็ให้เขาทั้งสองจับตัวเจียงหว่านมา ใช้เธอเป็นตัวบังคับให้ท่านยอม……”

เย่ปู้เฟิงพูด ๆ ไป เสียงเริ่มอ่อยลง เพราะเขาสัมผัสถึง ไฟบรรลัยกัลป์ด้วยความโกรธในอกของมู่เซิ่ง

ที่ว่ากันว่าไม่ได้กลัวหัวหน้าโจร แต่กลัวโจรเก็บความแค้นฝังใจ หากเมื่อวานปล่อยให้สองคนนั้นหนีไปได้ ต่อให้มู่เซิ่งจะมีฝีมือขั้นถล่มฟ้า เขาก็ไม่สามารถรับรองได้ว่า ด้วยฝีมือระดับสุดยอดของทหารรับจ้างทั้งสองคนนั้น เขาจะสามารถปกป้องเจียงหว่านให้ปลอดภัยได้เต็มร้อย

“มีแค่นี้เอง ไม่มีคนอื่นอีกหรือ?” เพื่อป้องกันเหตุผิดคาด มู่เซิ่งถามต่อ

“ไม่มีแล้ว ก็ห้าคนนี้แหละ” หัวของเย่ปู้เฟิงเหมือนสากโขลกกะเทียม มาถึงเวลานี้ เขามีหรือจะกล้าพูดเรื่องเท็จ รีบเอาทุกเรื่องที่รู้เปิดเผยออกมา

“พ่อบุญธรรมของผมมู่จงหยุนที่อยู่ภายใต้ระบบของมู่เฉินเทียนอิทธิพลในบ้านตระกูลมู่ มีแต่จะอ่อนลงทุกวัน แต่มู่เฉินเทียนร่างกายไม่แข็งแรง เวลานี้ก็ป่วยหนักอยู่กับเตียง เขายังได้ตั้งข้อกำหนดไว้ ถ้าเขาตายไป ตำแหน่งผู้นำก็ให้คุณรับไป ฉะนั้นพ่อบุญธรรมของผมซึ่งก็ยังกลัวในบารมี จึงคิดฆ่าคุณทิ้งก่อน แล้วค่อยไปจัดการกับมู่เฉินเทียน”

“ขอเพียงให้คุณตายไป บ้านตระกูลมู่ก็ต้องตกอยู่ในมือของมู่จงหยุน”

“ฉะนั้นจึงได้มอบหมายให้ผมมาจัดการคุณ อีกทั้งเพื่อให้เป็นความลับ จึงให้ผมนำคนมาเพียงสี่คน สองคนก็คือบริการ์ดคนสนิทส่วนตัวของผม อีกสองคนก็คือหมานหนิวกับหั่วจี พวกเขาทั้งสองคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่จะจัดการเป็นคุณ”

ภายใต้ความตายที่กดดันอยู่ เย่ปู้เฟิงพูดออกมาอย่างหมดเปลือกทุกเรื่อง คุกเข่าอยู่กับพื้น ยิ้มด้วยสันดานคนประจบประแจงออกมา “คุณมู่เซิ่ง ผมก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว ตอนนี้คุณปล่อยผมไปเถอะนะครับ?”

“ฉันบอกแกเมื่อไหร่ว่าจะไม่ฆ่าคุณ?”

มู่เซิ่งหันหน้ากลับมา มองไปที่เย่ปู้เฟิงจู่ ๆ ก็แสยะยิ้มออกมา

ที่เขาว่ายิ้มนั้นเหมือนลมเย็นที่โชยอาบ แต่ในสายตาของเย่ปู้เฟิงทำให้เขาอกสั่นขวัญหาย!

“มู่จงหยุน ฉันต้องฆ่ามัน แต่ว่าแก ก็ต้องตาย!”

“แก แกโกหกผม!มู่เซิ่ง แกจะไม่มีวันได้ตายดี!”

เย่ปู้เฟิงตื่นตกใจ พยายามคิดจะดิ้นรน แต่ชะตาชีวิตของเขา ถูกกำหนดไว้แล้วทันทีตั้งแต่ที่เขาลงมือจัดการมู่เซิ่ง เย่ปู้เฟิงได้แต่เบิ่งตามองตัวเองล้มลงชักกระตุกอยู่บนเตียง สัมผัสความรู้สึกของชีวิตที่ทยอยหายไป

มู่เซิ่งแค่นหัวเราะชืด ๆ กระโดดออกไปทางหน้าต่าง

จนเมื่อเขาลงถึงพื้น ก็ถึงได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังแว่วมาจากในห้องนั้น คงจะเป็นหญิงบริการที่เย่ปู้เฟิงเรียกไปนั้นเพิ่งจะมาถึง และได้พบสภาพการตายของทั้งสาม

เหตุการณ์นี่ไปถึงหูของท่านหลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้การตายของเย่ปู้เฟิงเคยอยู่ในความคาดคิดของเขาแล้ว แต่การจัดการปัญหาในเรื่องนี้ได้อย่างจะแจ้งหมดจด ก็ต้องทำให้เขาหวาดผวาไปอย่างสุด ๆ

ขณะเดียวกัน ท่านหลงก็ยิ่งมั่นใจในความเกี่ยวพันของมู่เซิ่งกับบ้านตระกูลมู่ ขอเพียงให้เขาได้ผูกติดกับเรือลำใหญ่อย่างมู่เซิ่งนี้ได้ ความสำเร็จในวันข้างหน้า จะต้องทะยานสูงอย่างก้าวกระโดดเป็นแน่

เขาก็ได้ติดต่อพบกับบอสใหญ่ของหอจินหม่าจัดการปิดฉากเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็ว

บอสใหญ่ของหอจินหม่าเป็นบุคคลมีระดับในฐานะเดียวกับจางเสวียนหลง ทั้งสองเป็นกลุ่มอิทธิพลมืดในเขตเจียงหนานที่ถือครองอยู่กันคนละครึ่ง ต่างก็เป็นคุณพ่อประเภทไม่เคยมองเห็นหัวใคร คำพูดของพวกเขาจึงเป็นทางสะดวก ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ของพวกเขาก็ไม่ใช่ใช้ทำธุรกิจอยู่ในครรลองกฎหมาย ถ้าหากมีการแจ้งความเป็นคดี น่ากลัวว่าสถานที่ของพวกเขาคงต้องถูสอบสวนสั่งปิดในที่สุด

ฉะนั้นบอสใหญ่ของหอจินหม่าก็ได้สั่งคนจัดการศพของพวกเย่ปู้เฟิงจนเรียบร้อย เอาไปฝังทิ้งนอกเมือง

เหตุการณ์นี้ ก็จบลงเรียบร้อยแบบนี้

กลับไปถึงบ้าน

มู่เซิ่งด้วยเหตุที่สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของกระบี่กระหายเลือดในตัว ก็จึงได้เข้าไปในห้องเก็บของคนเดียว เอากระบี่กระหายเลือดออกมา

พอเขาได้ยืดมือส่งกระบี่กระหายเลือดในมือออกไปนั้น ต้องตกตะลึงสะท้านไปทั้งตัว