มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่116 วางยาพิษ

มู่เซิ่งมองไปที่กระบี่กระหายเลือดในมือ

กระบี่อ่อนเล่มนี้ที่เห็นอยู่ เทียบกับตอนที่เอาออกมานั้นไม่เหมือนกัน แดงเลือดสดดูเข้มขึ้น นอกจากนี้ คมสองด้านของกระบี่อ่อนเล่มนี้คมกริบบางเฉียบขึ้น

มู่เซิ่งเอากระบี่กระหายเลือดวางทาบบนมีดทำครัวที่ขโมยมา ใช้แรงเบา ๆ

แทบจะไม่ได้ยินเสียงใด ๆ มีดทำครัวในมือเหมือนแผ่นกระดาษ ถูกกระบี่กระหายเลือดปาดผ่านไป สุดท้ายเกิดเสียงดัง ‘ตั๊ง’ ร่วงลงกระทบพื้น

ฟันเหล็กได้เหมือนฟันดิน เทียบกับที่เพิ่งได้มาใหม่ ๆ คมกริบขึ้นอีกหลายเท่า!

“ไม่คิดเลยว่ากระบี่กระหายเลือดพอได้ลิ้มชิมเลือดมนุษย์ กลับเป็นการเพิ่มสมรรถนะขึ้น”

มู่เซิ่งให้รู้สึกประหลาดใจ เห็นตอนล่างของกระบี่อ่อน ยังมีก้อนผลึกสีแดงเล็ก ๆ เหมือนหยดเลือดตกผลึกก้อนหนึ่ง กำลังจะหยิบใส่มือเพื่อตรวจวิเคราะห์ดู ก็ได้ยินเสียงเจียงหว่านดังเข้าหูมา

“มู่เซิ่ง รีบออกมาหน่อย”

มู่เซิ่งรีบเก็บกระบี่กระหายเลือดในมือขึ้น มุ่งหน้าเดินออกประตูไป

“เป็นอะไรหรือ?” มู่เซิ่งถามไป

“มู่เซิ่ง ช่วงนี้ทำไมนายชอบเข้าไปในห้องเก็บของจัง?” เจียงหว่านใช้สายตาพินิจมองมู่เซิ่งอย่างสงสัย เธอได้เห็นมู่เซิ่งหมกอยู่ในห้องเก็บของไม่ยอมออกมาถึงสองครั้งแล้ว

ทว่าเธอก็ไม่ได้ไปคิดอะไรมาก พูดต่อไปว่า “ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเจียงมู่หลง เขาบอกว่าเดิมเขาได้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมทัศนาจรปิกนิกของกลุ่มบุคคลตระกูลชั้นสูง แต่บังเอิญที่ไซท์งานมีปัญหา เจียดเวลาไปไม่ได้ อยากให้พวกเราไปแทน”

เจียงหว่านพูดเรื่องนี้ด้วยคิ้วที่ขมวดย่น คิดยังไงก็ไม่ตก ให้แม้แต่จ้าวหลินที่อยู่ข้าง ๆ ฟังแล้ว ก็ให้รู้สึกแปลก ๆ

โดยปกติเจียงมู่หลง ที่เกลียดที่สุดก็คนบ้านเขานี่แหละ

ตั้งแต่ก่อนแต่ไหนแล้ว ถ้ามีของดี พวกเขาแม้ต้องทิ้งแล้วก็ยังจะไม่ยอมให้บ้านเจียงหว่านนี้ได้เก็บตกในผลประโยชน์ เป็นไปได้ยังไงที่คราวนี้จะมีแบ่งประโยชน์ให้ได้?นี่มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดยิ่งกว่าพระอาทิตย์จะไปขึ้นด้านทิศตะวันตกเสียอีก

“เขาว่านี่เป็นการขอร้องจากท่านเจียงสาม ถึงยังไงฉันก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ”

เจียงหว่านส่ายหน้า พูดว่า “มู่เซิ่ง แล้วนายคิดยังไง?”

“ในเมื่อเป็นเรื่องที่ท่านเจียงสามขอร้องมา งั้นก็ไปสิ” มู่เซิ่งคิดดูนิดหนึ่ง แล้วพูด

ไม่ว่าไอ้คุณเจียงมู่หลงมันจะมีแผนอะไร มีเขาอยู่ข้างกายเจียงหว่าน ก็จะไม่มีเหตุเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้

“อือ งั้นก็ดี ฉันไปเตรียมตัวก่อนนะ”

เจียงหว่านผงกหัวรับรู้ กลับไปจัดเตรียมสัมภาระเดินทาง

ตามการบอกเล่าของเจียงมู่หลง กิจกรรมทัศนาจรปิกนิกของกลุ่มบ้านตระกูลชั้นสูงนี้มีความสำคัญมาก รวมทั้งหมดมีสิบกว่าตระกูลที่เข้าร่วม ทั้งตระกูลไป๋ ตระกูลฉิน ตระกูลฉีอีกทั้งตระกูลเจียงเป็นต้น ทว่าที่มาร่วมกิจกรรมนี้มีแต่บ้านตระกูลชั้นสอง กลุ่มบ้านตระกูลชั้นหนึ่งยังมองพวกเขาไม่ขึ้น

ทุกปีในกลุ่มบ้านตระกูลชั้นสอง จะต้องมีจัดกิจกรรมทัศนาจรปิกนิคเพื่อเชื่อมประสานใจกัน ขอเพียงบ้านตระกูลเจียงของพวกเขายังอยู่ในเจียงหนาน ก็ขาดไม่ได้ที่จะประสานสมาคมกับบ้านตระกูลอื่น ๆ ฉะนั้นท่านเจียงสามให้ความสำคัญกับโอกาสนี้อย่างมาก กำชับให้เจียงหว่านต้องไปให้ได้

ทว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จัดในสวนป่าของบ้านตระกูลหลิ่ว ตระกูลหลิ่วนั้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งเชียวนะ กว่าจะเข้าเส้นสายนี้ได้ พวกกลุ่มตระกูลวั้นสองนั้นไม่รู้ลงทุนลงแรงไปเท่าไหร่แล้ว

“ตระกูลไป๋จะได้ไปไหม?” มู่เซิ่งถาม

ตอนนั้นตระกูลไป๋คิดอยากจะผูกดองกับตระกูลเจียง แต่ถูกเจียงเจิ้งจื๋อปฏิเสธไปต่อหน้าธารกำนัล อีกทั้งยังยกเจียงหว่านให้กับมู่เซิ่ง เรื่องนี้ทำให้ตระกูลไป๋กับตระกูลเจียงถึงกับแตกคอกัน

อะไรกัน ตอนนี้พวกเขาก็เข้าร่วมด้วยหรือ?

เจียงหว่านส่ายหน้า “เรื่องของตระกูลไป๋ ฉันก็ไม่ได้ติดตามมาหลายปีแล้ว คิดว่าพวกเขาคงลืมเรื่องราวต่าง ๆ แล้ว ได้ข่าวว่าไป๋เสี่ยวเสียนก็ได้แต่งงานแล้ว”

ฟังที่พูดมา มู่เซิ่งก็ผงกหัว

ในปีนั้นเมื่อไป๋เสี่ยวเสียนได้ข่าวว่าเจียงหว่านแต่งงานให้กับมู่เซิ่ง ก็โกรธอยู่เอาเรื่อง ทุกครั้งที่เจอหน้าเขา ก็จะพูดเย้ยหยามอยู่ทุกครั้งไป ตอนนั้นมู่เซิ่งต้องคอยปกป้องเจียงหว่าน ต้องอดกลั้นแบกรับ ตอนนี้ คงไม่จำเป็นแล้ว

“ไปครั้งนี้ถือเสียว่าเดินเฉียดผ่านให้เห็นกันก็พอ” เจียงหว่านพูด “ถ้านายไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไปก็ได้”

“ทำงั้นได้ยังไงอ่ะ” มู่เซิ่งหัวเราะหุ ๆ “เธอเป็นเมียฉันนะ”

“น่าไม่อาย มีแต่ตัวทั้งแท่ง ยังจะมาทำตัวเกาะฉันกินอีก” เจียงหว่านหน้าแดงขึ้นมา พูดไปลอย ๆ ว่า “มู่เซิ่ง นายไปหางานทำบ้างหรือยัง?”

“หาแล้ว ฉันยังเพิ่งเปิดบริษัทอยู่บริษัทหนึ่งด้วยนะ” มู่เซิ่งพูด

เจียงหว่านอดไม่ได้ค้อนใส่เข้าให้ ถ้าหากมู่เซิ่งบอกว่าหางานทำได้เงินเดือนสักหลายหมื่น เธอยังพอจะเชื่อ ถึงยังไงความสามารถของเขาก็มีให้เห็น ๆ อยู่ แต่ที่บอกว่าเปิดบริษัทแห่งหนึ่งนี่?

เจียงหว่านรู้สึกมู่เซิ่งเริ่มจะคุยโม้อีกแล้ว

“ช่างเถอะ อย่างน้อยนายก็ช่วยฉันมามากมาย ต่อให้ลงไปต้องเลี้ยงดูนายไปตลอดชาติก็ไม่เป็นไร” เจียงหว่านพูดเสียงหวาน “เราไปข้างนอกกันก่อนเถอะ ฉันจะช่วยดูชุดที่ดูดีหน่อยให้นาย”

พอเจียงหว่านพูดจบก็เดินออกไปจากคฤหาสน์ มองตามหลังเธอไป แววตาของมู่เซิ่งดูอ่อนโยนลงไปอย่างมาก

ทั้งสองออกจากบ้านไปซื้อชุดเสื้อผ้าเสร็จ วันรุ่งขึ้น รถบัสที่มารับส่งมาถึง

วันนี้เจียงหว่านแต่งตัวสวยมากเป็นพิเศษ ใส่กระโปรงยาวรัดสะโพก เน้นเส้นโค้งเว้าอวบอิ่มของสะโพกอย่างมีรสนิยม สองขากลมกลึง โดดเด่น เรียวยาว แต่งหน้าเสริมสีสันบาง ๆ พองาม ตอนที่เธอเดินออกมาจากห้อง มู่เซิ่งถึงกับตาค้าง

“มู่เซิ่ง เปนไงสวยไหม?” เจียงหว่านซุกหัวไปที่อก

“สวยสิ เมียฉันเองจะไม่สวยได้ยังไง!” มู่เซิ่งกลืนน้ำลายเอื๊อก

ทั้งคู่เดินขึ้นไปบนรถบัสใหญ่ ทันทีก็ได้กลายเป็นจุดโฟกัสของสายตาที่มีอยู่

คนบนรถต่างนั่งอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง เล่นไพ่กันไปบ้างคุยเล่นสนุกกันไปบ้าง ในขณะที่มู่เซิ่งกับเจียงหว่านเดินเข้ามา มีลูกหลานคนมีตระกูลหลายคนที่ชอบพอกันเริ่มเข้ามาทักทาย

และพอสายตาสะดุดไปที่เจียงหว่านนั้น ต่างชะงักหยุดนิ่งย้ายไม่ออก

ช่างสวยอะไรอย่างนั้น!

นี่เป็นนางฟ้าจุติมาจากสวรรค์แท้ ๆ!

เมื่อพวกเขาเห็นเจียงหว่านนั่งลงข้าง ๆ มู่เซิ่งด้วยหน้าแดง ๆ กอดแขนของเขาไว้อย่างใกล้ชิดสนิทสนม ทันทีนั้น แววตาของทุกคน มีแต่สีสันแห่งความเกลียดชังและเหยียดหมิ่นอย่างเข้มข้น

ที่เขาว่ากันว่าคนงามคู่กองขี้หมา

วันนี้ พวกเขาก็ได้เห็นของจริงกันแล้ว

ในกลุ่มคน ไป๋เสี่ยวเสียนก็ได้แค่นหัวเราะเสียงเหยียด ตอนนี้ตระกูลเจียงกับมู่ซื่อ กรุ๊ปได้จับมือกัน ฐานะพุ่งขึ้นเสียดฟ้า แต่ตัวมู่เซิ่ง ในสายตาของพวกเขานั้น ก็ยังเป็นพวกผู้ชายเกาะกินกับผู้หญิง ระดับไม่เคยได้ถูกยกขึ้นเลย

ทว่าไป๋เสี่ยวเสียนก็ยังไม่รีบจะไปเยาะเย้ยมู่เซิ่ง ตอนนี้กิจกรรมเพิ่งเริ่ม เวลาที่ตามมาข้างหลัง ยังอีกยาว

ขณะเดียวกันนี้ ที่อีกด้านหนึ่ง

เจียงมู่หลงกำลังขับรถมุ่งไปวิลล่าตระกูลเจียงอย่างรีบเร่ง ในสมองของเขา ความคิดบ้า ๆ ของเขาควบแน่นจนถึงที่สุดแล้ว!เขาต้องการตำแหน่งผู้นำตระกูล ต้องให้ได้ตอนนี้!ที่ไล่ให้เจียงหว่านกับมู่เซิ่งออกไปนั้น ก็เพื่อกันไม่ให้พวกเขามาทำให้เสียงาน!

ต๊อก ๆ ——

เคาะประตูใหญ่หน้าคฤหาสน์แล้ว เจีบงมู่หลงก็เข้าไปอย่างรวดเร็ว มาถึงภายในห้องนอนของท่านเจียงสาม

“คุณปู่”

เจียงมู่หลงโค้งคำนับด้วยความเคารพ

“เจียงมู่หลง คุณมาทำไมนี่?”

ท่านเจียงสามนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอ่ยปากเสียงเรียบ ๆ “คุณไม่ใช่บอกว่างานที่ไซท์ยุ่งจนไม่มีปัญญาไปร่วมงานกิจกรรมของกลุ่มตระกูลไม่ใช่หรือ ทำไมว่างมาหาผมที่นี่หละ?”

“คุณปู่ ที่ไซท์งานผมมีเอกสารสัญญาใหญ่มากสัญญาหนึ่งต้องเซ็นต์ แต่ว่า เขาบอกว่าต้องให้ผู้นำบ้านตระกูลเท่านั้นที่เซ็นต์ได้ ท่านลองดู พอจะให้ผมไปเซ็นต์งานนี้ได้ไหม?” เจียงมู่หลงพูด

“ไม่ได้ เอาเอกสารสัญญานั่นมาให้ผม!”

ท่านเจียงสามขมวดคิ้ว ปฏิเสธเรื่องนี้ไปอย่างเย็นชา

ยิ่งกว่านั้นเขายังรู้สึกไม่พอใจ คุณเจียงมู่หลงถึงกับยังคิดจะตัดสินใจแทนเขาแล้วหรือ?ดูทีตำแหน่งคุณบ้านนี้ อาจจะต้องพิจารณาใหม่ให้ดีว่าจะยกให้เจียงมู่หลง หรือว่าหาคนอื่นดีกว่า

แต่เขาหารู้ไม่ว่า คำพูดของเจียงมู่หลงครั้งนี้ เป็นคำพูดที่มาลองถามใจท่านเจียงสามเป็นครั้งสุดท้าย!

ได้ยินคำนี้ นัยน์ตาเจียงมู่หลงเลือดขึ้น ความคิดฆ่าปะทุขึ้นในใจ

แต่เขาก็ยังแสร้งแสดงอาการนอบน้อม พูดด้วยความรู้สึกสำนึกผิดพูดว่า

“คุณปู่ ผมผิดเองครับ ผมจะนำเอกสารสัญญามาให้คุณปู่เดี๋ยวนี้ครับ”

ท่านเจียงสามผงกหัว อาการแสดงออกถึงความชื่นชม เอ่ยปากพูดไปว่า “มู่หลง คุณไม่ต้องกังวลเรื่งตำแหน่งผู้นำตระกูลเลยนะ ขอให้คุณทำงานโครงการซีไห่นี้ให้ลุล่วง ตำแหน่งผู้นำ ช้าเร็วก็ต้องเป็นของคุณอยู่แล้ว”

ช้าเร็ว?

นัยน์ตาของเจียงมู่หลงแดงวูบขึ้นมา เขารอมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว!

เขาอยากจะรีบก้าวขึ้นไปเหยียบหัวเจียงหว่านเดี๋ยวนี้เลย ให้เธอมาคุกเข่าขอขมาต่อเขา!

เจียงมู่หลงเก็บซ่อนแววตั้งใจฆ่าขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย พูดกับท่านเจียงสามว่า “คุณปู่ เอกสารสัญญาอยู่นี่ ส่วนอันนี้เป็นชาผูเอ่อร์ที่ผมตั้งใจซื้อมาให้คุณปู่ ผมไปชงมาให้ท่านดื่มนะครับ?”

ท่านเจียงสามผงกหัว สำหรับเรื่องชา เขาชอบที่สุดคือผูเอ่อร์จริง ๆ

เจียงมู่หลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในทันทีที่เขาหันไปชงชา ก็ได้เอายาพิษที่เตรียมซ่อนอยู่ที่ซอกเล็บใส่ลงไปในแก้วชา