บทที่ 137 พักงานชั่วคราว
บทที่ 137 พักงานชั่วคราว
“เสี่ยวหว่าน การบันทึกเพลงเป็นอย่างไรบ้าง” หลิวจงเฉวียนมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า และท่าทีของเขาก็ดูเป็นมิตรมาก
“ยังอัดอยู่ค่ะ แต่ฉันกำลังจะเปลี่ยนเพลงจากในอัลบั้ม” ถังหว่านตอบ
เวลานี้ถังหว่านงุนงงเล็กน้อย เพราะท่าทีของหลิวจงเฉวียนนั้นเป็นมิตรเกินไป ซึ่งมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
หลิวจงเฉวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวหว่าน สาเหตุที่เรียกคุณมาที่นี่อันที่จริงมีสามอย่าง แต่ไม่ว่าผมจะพูดอะไร ผมหวังว่าคุณจะไม่โกรธ”
“พูดมาได้เลยค่ะ” ถังหว่านพยักหน้า
“อย่างแรก ผมถูกกดดันจากผู้ถือหุ้นของบริษัทบางคนในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาเพื่อให้ตัดทรัพยากรจำนวนมากของคุณ อัลบั้มใหม่ของคุณจึงล่าช้า ผมขอโทษคุณจากใจจริงสำหรับเรื่องนี้ และหวังว่าคุณจะยกโทษให้ผม”
“มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นค่ะ ผู้อำนวยการหลิวไม่จำเป็นต้องขอโทษ”
“เสี่ยวหว่าน ผมหวังว่าคุณจะไม่ตำหนิผม” หลิวจงเฉวียนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “อย่างที่สองคือเราถูกเลิกจ้างเพราะสิ่งที่ผมกับเฉินอ้ายหลินทำในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เราจะไปที่แผนกบุคคลเพื่อจัดการขั้นตอนการลาออกในภายหลัง”
“ฮะ?” ถังหว่านตกตะลึง
“อย่างสุดท้ายคือ บริษัทรู้ว่าคุณต้องการยกเลิกสัญญา ดังนั้นผู้จัดการเหยียนจึงตัดสินใจให้คุณสามารถทำตามขั้นตอนการลาออกได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายจากการยกเลิกสัญญา” หลังจากหลิวจงเฉวียนพูดจบ เขาก็สังเกตเห็นว่าท่าทีของถังหว่านดูสับสนแต่ไม่ได้แสดงความโกรธใด ๆ ซึ่งทำให้เขาโล่งใจเล็กน้อย
“ฉันยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการเลยไม่ใช่เหรอ?” ถังหว่านสงสัย
“ไม่? คือแบบนี้…”
“เสี่ยวหว่าน ผู้จัดการเหยียนหมายความว่า คุณสามารถออกจากบริษัทเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้คุณก็ยังสามารถทำงานในบริษัทต่อไปได้” เฉินอ้ายหลินขัดจังหวะหลิวจงเฉวียนและกล่าวอย่างรวดเร็ว
ถังหว่านมองไปที่เฉินอ้ายหลินและหลิวจงเฉวียน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเธอก็พูดขึ้นว่า “คุณเหยียนอยู่ที่นี่ไหม ฉันอยากพบเขา”
“อยู่!”
พวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ในไม่ช้าถังหว่านก็ได้พบกับเหยียนเผิงเชา ซึ่งอีกฝ่ายดูกระตือรือร้นมากกว่าที่เธอคาดไว้
“เสี่ยวหว่าน! มีหลายสิ่งหลายอย่างในบริษัทของเราที่ทำให้ผมต้องยุ่งตลอดเวลา ดังนั้นผมจึงไม่ได้ให้ความสนใจสถานการณ์ของคุณในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา มันคงทำให้คุณเข้าใจผิดไปหลายอย่าง ผมขอโทษจริง ๆ” เหยียนเผิงเชารินชาให้ถังหว่านขณะเอ่ยปากขอโทษ
“คุณเหยียน ฉันรู้ว่าคุณยุ่งและฉันไม่ได้โทษคุณ” ถังหว่านส่ายหัว
“ขอบคุณที่เข้าใจ” เหยียนเผิงเชายิ้ม
“คุณเหยียน คุณหลิวกับพี่เฉินบอกฉันแล้ว ฉันขอรู้เหตุผลได้ไหมว่าทำไม”
“มีคนรู้ว่าคุณถูกรังแกที่นี่ พวกเขาก็เลยโทรหาผมน่ะ เฮ้อ… มันน่าอายจริง ๆ ที่จะบอกว่าคนในบริษัทถูกรังแก แต่ผมกลับไม่รู้เรื่อง ผมกลับต้องมารู้จากคนนอก” เหยียนเผิงเชายิ้มอย่างขมขื่น
“ใคร?”
“ขอโทษด้วย ผมสัญญากับพวกเขาไว้ว่าผมจะไม่พูด”
ถังหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณเหยียน ฉันจะทำตามขั้นตอนการลาออกในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการหลิวและพี่เฉินเคยช่วยฉันไว้มาก ถ้าพวกเขาถูกไล่ออกเพราะฉัน ฉันจะรู้สึกเสียใจ คุณให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งได้ไหม” ถังหว่านถาม
“พวกเขารังแกคุณ แต่ตอนนี้คุณกลับยังขอร้องแทนพวกเขาอีกงั้นเหรอ?” เหยียนเผิงเชาตกตะลึง
“มันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง มันเป็นฉันเองที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้! ดังนั้นการตัดสินใจของพวกเขาจึงไม่ผิด”
เหยียนเผิงเชามองถังหว่านอย่างพินิจ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มที่สดใส เขายกนิ้วโป้งและพูดว่า “คุณเป็นคนสวย ใจดี และให้ค่ากับมิตรภาพ แม้แต่ในหมู่คนที่ผมรู้จักก็มีไม่กี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับคุณได้”
“คุณเหยียน คุณชมฉันเกินไปแล้ว”
“มันไม่ใช่การพูดเกินจริง แต่เป็นคำพูดจากใจจริง ผมเสียใจที่ก่อนหน้านี้ปล่อยให้คนอื่นรังแกคุณ เอาเป็นว่าคุณลองคิดทบทวนเรื่องการอยู่ที่ต่อดูไหมล่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญา ผมจะให้นักแต่งเพลงที่เก่งที่สุดมาร่วมงานกับคุณ… ไม่สิ จะเปลี่ยนสัญญาของคุณหลังจากนี้ด้วย ต่อให้ภายหลังคุณอยากจะออกจากบริษัท คุณจะไม่ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาแม้แต่แดงเดียว”
“ลืมสัญญาฉบับใหม่ไปเถอะค่ะ ถ้าทำได้ ฉันขอรอจนสัญญาฉบับเดิมสิ้นสุดลง คุณว่าโอเคไหม?”
“ได้แน่นอน ดูเหมือนว่ายังมีเวลาอีกเจ็ดแปดเดือนก่อนที่สัญญาของคุณจะหมดอายุ ในช่วงเวลานี้ ถ้าคุณต้องการทำงาน บริษัทจะทุ่มเททรัพยากรสูงสุดให้คุณ ถ้าคุณไม่ต้องการทำงาน คุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
ถังหว่านยิ้มตอบ แต่เธอก็งุนงงมากขึ้น
ทำไมอยู่ ๆ ถึงทำดีด้วยขนาดนี้?
เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ใครคือ ‘พวกเขา’ ที่ผู้จัดการเหยียนพูดถึง?
ทำไม ‘พวกเขา’ ต้องยืนหยัดเพื่อเธอด้วย?
ทำไมถึงอยากช่วยเธอนัก?
และเมื่อถังหว่านออกมาจากห้อง เหยียนเผิงเชาก็เดินออกมาส่งเธอด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้เลขาหลายคนของเหยียนเผิงเชาถึงกับประหลาดใจ
แทนที่จะกลับไปที่สตูดิโอ เธอขอให้ซุนเหมิงออกจากบริษัทไปพร้อมกับเธอ
ภายในรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์ ซุนเหมิงนั่งข้างถังหว่านพร้อมแฟ้มเอกสารในอ้อมแขนของเธอ
ถังหว่านจมอยู่ในความคิด ซุนเหมิงคิดจะอ้าปากพูดหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่กล้ารบกวนถังหว่าน
“เธอต้องการจะพูดอะไร?” ในที่สุดถังหว่านก็พูดขึ้นก่อน
“พี่หว่าน เกิดอะไรขึ้น? ฉันเห็นคุณหลิวกับพี่เฉิน… มันแปลก!”
“แปลกยังไง?”
“พี่ไม่รู้หรอก หลังจากที่พี่เข้าไปในห้องของผู้จัดการเหยียน รอยยิ้มของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที และจากนั้นพวกเขาก็ทำตัวกับฉันแบบ… ใจดี ใช่ ใจดีมาก ๆ ทั้งคู่ยังบอกด้วยว่าหากมีความต้องการอะไรให้บอกพวกเขาได้ พวกเขาจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ”
ถังหว่านได้ยินแล้วก็พยักหน้าเงียบ ๆ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ จู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นว่า “ตอนที่สัญญาของฉันหมดอายุ เธอต้องการอยู่บริษัทนี้ต่อไป หรือว่าจะไปกับฉัน”
“ตามพี่ไปอยู่แล้ว!” ซุนเหมิงตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ดี!”
ถังหว่านไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตาของเธออ่อนแสงลง
เมื่อรถตู้จอดอยู่นอกบ้าน ถังหว่านไม่ได้ลงจากรถและรีบเข้าบ้านของเธอเหมือนอย่างเคย แต่กลับเดินไปที่บ้านหลังถัดไป
ทันทีที่เธอผลักประตูเปิดและเดินเข้าไป สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันใด
เธอเห็นว่ามีชายร่างโตในชุดดำมากกว่าหนึ่งโหลอยู่ที่ลานสนาม พวกเขาสวมแว่นกันแดดและแสดงสีหน้าเย็นชา
“พวกคุณคือใคร?” ถังหว่านถาม
“แล้วคุณคือใคร?” ชายร่างกำยำคนแรกถามกลับอย่างเย็นชา
“ฉันถังหว่าน อาศัยอยู่ที่วิลล่าถัดไป”
“คุณมีธุระอะไรถึงมาที่นี่?” ชายร่างกำยำถามอีกครั้ง
ถังหว่านไม่ตอบ เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาโจวอี้เพื่อจะถาม แต่ไม่นานเธอก็เห็นว่าหน้าต่างชั้นสองซึ่งเป็นห้องหนังสือถูกเปิดออก และร่างของโจวอี้ก็ปรากฏขึ้น
“เสี่ยวหว่าน ขึ้นมาได้เลย!”
“อืม!”
ถังหว่านมองไปที่ชายร่างโตในชุดสูทดำเหล่านี้และพบว่าพวกเขาไม่ได้ขวางเธออีกแล้ว อีกทั้งยังหลีกทางให้เธอด้วย