บทที่ 138 สตรีชุดขาวผู้ลึกลับ
บทที่ 138 สตรีชุดขาวผู้ลึกลับ
ถังหว่านมาที่ชั้นสองก็เห็นโจวอี้และเฉิงฮ่าว
แต่เฉิงฮ่าวทักทายเธอเพียงเล็กน้อยแล้วก็รีบลงไปด้านล่าง
“เกิดอะไรขึ้น?” ถังหว่านขมวดคิ้วถาม
“เขามาหาผมเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมเกรงว่าไม่กี่วันข้างหน้านี้ผมจะต้องออกจากเมืองจินหลิงเพื่อไปช่วยเขา”
“ไปกี่วัน? ไปทำอะไร?”
“ผมไม่รู้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมน่าจะกลับมาในสามหรือสี่วัน แต่ถ้าไม่อย่างนั้น ผมเกรงว่าจะใช้เวลานานกว่านั้น” เพื่อป้องกันไม่ให้ถังหว่านกังวล โจวอี้แสร้งทำเป็นผ่อนคลายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไปช่วยชีวิตผู้คนน่ะ เพราะยังไงผมก็เป็นหมอ”
ถังหว่านเงียบไปครู่หนึ่งก็พยักหน้าและพูดว่า “ฉันรู้”
โจวอี้มองไปถังหว่านที่กำลังหันหลังเตรียมจะจากไป เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและกอดเธอจากด้านหลังไว้ทันที
เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของถังหว่านดูชะงักค้างและสั่นเล็กน้อย
“หลังจากที่ผมไป ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะ อย่าปล่อยให้งานทำให้คุณเหนื่อยเกินไป เรามีเวลาอีกมากที่จะทำงานหนักในอนาคต” โจวอี้พูดอย่างอ่อนโยน
“ฉันรู้” ถังหว่านไม่ได้ขัดขืนแต่ตอบรับอย่างว่าง่าย
“ระหว่างนี้คุณดูแลลูกสาวของเราไปก่อน ถ้าผมกลับมาแล้ว ผมจะทำอาหารมื้อใหญ่ให้กับครอบครัวเรา” โจวอี้คลายกอดและจับตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้าและพูดต่ออีกว่า “มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วที่จะบอกลูกสาวของเราว่าผมออกไปไหน ผมไม่สามารถบอกกับลูกของเราได้ด้วยตัวเอง เพราะผมกลัวว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ผมไป”
“อืม”
“ถ้าผมกลับมา ผมจะไปเยี่ยมพ่อแม่ของคุณด้วย”
“ดี!”
ถังหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็พยักหน้า แม้เธอจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้
“ถามอะไรหน่อยสิ!” แต่มีบางอย่างที่เธอยังคงสงสัย
“พูดมาสิ”
“คุณได้ไปพบกับคนที่ติดต่อกับหัวหน้าบริษัทของฉันหรือเปล่า”
“ไม่!” โจวอี้ส่ายหัวและถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ เจ้านายของคุณทำให้คุณอับอายหรือเปล่า”
“ไม่ใช่คุณจริง ๆ เหรอ” ถังหว่านสงสัย
“ไม่ใช่ผมจริง ๆ ผมไม่รู้จักงานของคุณหรอก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้านายของคุณเป็นใคร ผมจะรู้ได้ยังไงว่าต้องติดต่อใคร”
“อืม ถ้างั้นก็ช่างเถอะ” ถังหว่านพูดจบก็หันหลังเดินออกไปข้างนอก
สิบนาทีต่อมา
เธอก็มายืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนอนในบ้านของเธอโดยมีลูกสาวอยู่ในอ้อมแขน สายตาของเธอเฝ้าดูโจวอี้และเฉิงฮ่าวออกจากบ้าน พวกเขาถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำ ก่อนจะเข้าไปในรถออฟโร้ดแล้วขับออกไป
“แม่คะ พ่อจะไปทำอะไรเหรอคะ” ถังเหมียวเหมี่ยวถามอย่างสงสัย
“พ่อมีเรื่องต้องทำ อีกสองสามวันพ่อจะกลับมา”
“เหลืออีกกี่วัน…พรุ่งนี้กับมะรืน วันอาทิตย์ไม่ต้องไปโรงเรียน พ่อจะไม่อยู่เล่นกับหนูเหรอ”
“พ่อยุ่งกับงานน่ะ แต่ถ้าเขากลับมา เขาจะเล่นกับลูกทุกวันเลย”
“ว่าแต่พรุ่งนี้ใครจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้หนูกินล่ะ”
“แม่ทำเอง”
“หนูไม่เอา! แม่ทำอาหารไม่อร่อยเท่าพ่อ หนูอยากกินฝีมือพ่อ…” ถังเหมียวเหมี่ยวเบะปากและเริ่มเอาแต่ใจ
ตี้ด…ตี้ด…
ทันใดนั้น ถังหว่านก็ได้รับ SMS
‘อาหารเย็นเตรียมพร้อมแล้ว คุณพาลูกมาทานอาหารเย็นที่บ้านผมได้’
“…”
แม้โจวอี้จะเพิ่งมาอยู่ที่จินหลิง แต่เขาก็ดูแลลูกสาวของเขาอย่างดีตั้งแต่เขามาถึงที่เมืองนี้ และเขาก็ทำอาหารเช้าและอาหารเย็นมากมาย
เธอคุ้นเคยกับมันแล้ว
แต่ตอนนี้ที่เธอไม่คุ้นเลยเมื่อไม่มีเขาอยู่ที่นี่
“คุณต้องรีบกลับมาเพื่อฉันและลูกนะ!”
ตลาดมืดในกัวอู๋จี้
สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดมืดเหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้โบราณ และบางส่วนเป็นของผิดกฎหมายและของเถื่อน
เขตเกาชุน สวนเฉิงเหอ
รถออฟโร้ดสีดำสี่คันขับเข้ามาจากประตูฝั่งตะวันออก รถคันนั้นขับไปตามทะเลสาบเทียมแล้วมุ่งเข้าสู่เขตป่าเขียวชอุ่ม
มีอาคารสูงสามชั้นสองแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า และด้านหลังอาคารทั้งสองนี้มีลานบ้านที่มีรั้วสูงและลวดหนามพันอยู่บนนั้น
ใกล้กับอาคารสองแห่งนั้นมีป้ายที่เขียนว่า ‘ห้ามคนนอกบุกรุก’ ติดอยู่ทุกที่
เมื่อรถออฟโร้ดหยุดที่หน้าอาคารทั้งสอง เฉิงฮ่าวและโจวอี้ก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในอาคารหลังแรก ในขณะที่คนอื่น ๆ รออยู่ในรถ
ภายในห้องโถงของอาคารเล็ก ๆ นอกจากกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่สองสามกระถางก็ไม่มีอะไรอื่น
หญิงในชุดคลุมสีขาวยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ กลางห้องโถง และชายสี่คนในชุดคลุมสีดำพร้อมกับหน้ากากผีร้ายก็กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมทั้งสี่
“หืม?”
เมื่อโจวอี้เข้าไปในห้องโถง สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หญิงชุดขาวผู้นั้น
เขารู้สึกว่าเธอดูคุ้นเคย แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเธอที่ไหน
“มีอะไรเหรอ?” เฉิงฮ่าวถามด้วยความสงสัย
ผู้หญิงชุดขาวคนนี้เฉิงฮ่าวเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว น่าเสียดายที่อีกฝ่ายมีหน้าที่ปกป้องทางเข้าที่นี่เท่านั้น และเธอจะไม่ตอบรับแขกคนใด
โจวอี้ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำถามของเฉิงฮ่าว เขามองไปที่สตรีในชุดขาว แต่อีกฝ่ายมองมาที่เขาและไม่ได้พูดอะไร
โจวอี้เดินวนไปรอบ ๆ หญิงชุดขาวอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็หยุดตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “คนสวย เราเคยพบกันมาก่อนไหม”
“….”
เธอไม่ตอบอะไรสักคำและยังคงมีท่าทีสงบเช่นเดิม
ท้ายที่สุดโจวอี้จึงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว
“โจวอี้ อย่ารบกวนเธอ” เฉิงฮ่าวดึงโจวอี้และกระซิบ
“อืม!” โจวอี้เดินตามเฉิงฮ่าวไปที่ลิฟต์ทันที
“เดี๋ยวก่อน คุณชื่อโจวอี้?” เสียงของหญิงชุดขาวดังขึ้น
โจวอี้ชะงักและหันไปหาหญิงชุดขาวซึ่งกำลังมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง”
“ศิษย์สำนักโอสถ โจวอี้?” หญิงชุดขาวถามอีกครั้ง
“ใช่” โจวอี้พยักหน้า
“คุณมีน้ำค้างวายุหยกทองคำรึเปล่า?”
“มี” โจวอี้พยักหน้า ดวงตาของเขาสว่างวาบอย่างน่าประหลาด
น้ำค้างวายุหยกทองคำ เป็นหนึ่งในสามยาต้องห้ามของสำนักโอสถ เป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะรู้ถึงการมีอยู่ของมัน เว้นแต่พวกเขาจะเป็นสาวกของสำนักโอสถ
“ฉันอยากซื้อสักขวด มาคุยกันหน่อยได้ไหม?”
“ได้!”
โจวอี้พยักหน้าให้เฉิงฮ่าว ก่อนจะเดินตามหญิงชุดขาวออกจากห้องโถงไปที่ป่าด้านนอก
“คุณเป็นใคร คุณรู้จักน้ำค้างวายุหยกทองคำได้ยังไง” โจวอี้ขมวดคิ้ว
“คุณไม่ต้องกังวลว่าฉันเป็นใครหรือรู้เรื่องคุณได้ยังไง เหตุผลที่ฉันเรียกหาคุณก็แค่จะบอกอะไรบางอย่างที่คุณต้องจำไว้”
“เรื่องอะไร?”
“อย่าไปที่โลกตงเทียนที่เพิ่งเปิดใหม่นั่น และอย่าไว้ใจใครนอกจากสาวกจากสำนักโอสถ” หญิงชุดขาวพูดอย่างจริงจัง
“…”
โจวอี้พูดไม่ออก
อีกฝ่ายไม่ยอมบอกตัวตนของตัวเอง แต่กลับเตือนเขาว่าอย่าไปที่โลกตงเทียน และบอกเขาด้วยว่าอย่าไว้ใจใครนอกจากสาวกของสำนักโอสถ
แล้วฉันจะเชื่อใจคุณได้ไง?
หญิงชุดขาวมองท่าทีของโจวอี้และกัดฟัน เธอหยิบลูกบอลโลหะออกจากแขนและใส่ไว้ในมือของโจวอี้ “ถ้าพบอันตราย ฉันหมายถึงอันตรายสุด ๆ จนสิ้นหวัง ให้ใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง กดจุดสีแดงบนนั้นนะ”
แค่นี้แหละ!
จากนั้นเธอก็หันกลับและเดินกลับเข้าไปที่อาคารเหมือนเดิม ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ได้กล่าวถึงน้ำค้างวายุหยกทองคำเลยสักนิด
โจวอี้ถือลูกบอลโลหะไว้ด้วยความสับสน
นี่มันไม่มีเหตุผลเลย หญิงสาวคนนี้ช่วยเขาเพราะอะไร?
แล้วไอ้ลูกบอลโลหะนี้คืออะไร?
โจวอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลับไปที่ห้องโถงของอาคาร
เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดขาวดูเย็นชาเหมือนเดิม เขาก็หัวเราะอย่างขมขื่นและเดินตามเฉิงฮ่าวเข้าไปในลิฟต์
ลิฟต์ไม่ขึ้นแต่กลับลงอย่างช้า ๆ
“โจวอี้ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” เฉิงฮ่าวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไม่รู้สิ มันแปลก แต่เธอให้สิ่งที่สามารถช่วยชีวิตผมได้”
“มันคืออะไร?”
“ลูกบอลโลหะ”