บทที่ 126 อย่าคิดว่าอ้อนแล้วจะมีประโยชน์
เห็นแบบนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อต่อต้านด้วยการผลักลี่จุนถิง พูดด้วยเสียงที่เบา: “ช่างมันเถอะ น่าจะไม่เป็นอะไรมาก”
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบแบบนี้ของเจียงหยุนเอ๋อ
“คุณอย่าทำเป็นไม่สนใจสุขภาพร่างกายตัวเองแบบนี้นะ”
มองดูสีหน้าท่าทางที่จริงจังของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อก็รู้ว่าตัวเองผิด ทำได้เพียงพึมพำเบาๆ: “ตอนนี้มันดึกแล้ว ออกไปก็ไม่ค่อยสะดวก อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก………”
ลี่จุนถิงตั้งใจมองสังเกตสีหน้าอาการของเจียงหยุนเอ๋ออย่างละเอียด พูดขึ้นด้วยความสงสัย: “จริงนะ?”
“ดีขึ้นมากจริงๆแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง กลัวว่าลี่จุนถิงจะโกรธ แล้วก็ได้พูดเสริมขึ้นมาอีก “หากพรุ่งนี้ฉันยังไม่สบายอยู่ จะเชื่อฟังคุณอย่างแน่นอน ไปหาหมอโดยดีดีป่ะ?”
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย ถือว่าตกลงอย่างจำยอม
“ได้ หากคุณไม่สบายต้องบอกนะ ห้ามอดทนไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย?”
ลี่จุนถิงมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก แล้วกล่าว
เขาไม่ต้องการเห็นเจียงหยุนเอ๋อล้มป่วยไปต่อหน้าต่อตาตัวเอง มันจะทำให้เขาโทษตัวเองที่ดูแลเจียงหยุนเอ๋อได้ไม่ดี
“อืม ฉันรู้น่ะ คุณวางใจเถอะ!” เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพื่อเป็นการปลอบโยนของลี่จุนถิง ยังได้เข้าไปซบที่ไหล่ของเขา
เห็นแบบนี้แล้ว มุมปากของลี่จุนถิงยกขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่เขายังคงทำหน้าตาเฉย
“อยากคิดว่ามาอ้อนแบบนี้แล้วผมจะไม่สนใจอีกละ”
เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าฟัง ในใจรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก พูดด้วยเสียงที่เบา: “ฉันก็ไม่ต้องการให้คุณเลิกสนใจกับฉันสักหน่อย”
คืนนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ทานเฉพาะอาหารรสจืด แม้ว่าจะกินได้ไม่มาก แต่เธอก็ไม่รู้สึกหิวด้วย เหตุนี้ก็เลยไม่ได้ทานต่อ
เจียงหยุนเอ๋อนั่งอยู่ในห้องรับแขกอย่างเบื่อหน่ายสักพัก แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่ดี เลยคิดว่าจะกลับเข้าไปนอกพักที่ห้อง
กลับถึงห้องแล้ว จู่ๆเธอก็นึกได้ว่ายังมีเอกสารบางส่วนที่ยังไม่ได้ตรวจดู อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็ยังนอนไม่หลับ ก็เลยไปหยิบเอกสารมาตรวจดู
เจียงหยุนเอ๋อที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้นได้ลืมอาการป่วยของตัวเองไปแล้ว จนกระทั่งลี่จุนถิงผลักประตูเข้ามา
เห็นเจียงหยุนเอ๋อที่ยังไม่ได้นอนพักผ่อน กลับมัวยุ่งกับการทำงาน ลี่จุนถิงอดไม่ได้จนต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
“คุณทำไมยังทำงานอยู่?”
เห็นสีหน้าของลี่จุนถิง ขณะนั้นเจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าต้องแย่แน่ๆ รีบลนลานพูด: “ฉัน……..ก็ฉันไม่มีอะไรทำไง……….”
ในมือของลี่จุนถิงได้ถือบะหมี่ไว้หนึ่งถ้วย เดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะของเจียงหยุนเอ๋อ
“นี่มัน………” เจียงหยุนเอ๋อทำตาโต เห็นได้ชัดว่าการที่เห็นบะหมี่ถ้วยนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก
ลี่จุนถิงก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร เพียงแค่พูดว่า: “คนใช้บอกว่ามื้อค่ำคุณทานไปน้อยมาก ผมกลัวคุณหิว ดังนั้น……..ก็เลยต้มหมี่มาให้คุณถ้วยหนึ่ง”
เจียงหยุนเอ๋อจับประเด็นสำคัญของคำพูดประโยคนี้ของลี่จุนถิงได้อย่างดี: “นี่……..นี่เป็นบะหมี่ที่คุณทำเองเหรอ?”
“ใช่ไง” ลี่จุนถิงนั่งอยู่ตรงหน้าของเจียงหยุนเอ๋อ ได้เลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่เหมาะสมกับช่วงเวลานี้
ได้ฟังดังนี้ เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไปเล็กน้อย สายตาที่มองดูบะหมี่ถ้วยนี้ก็ยิ่งสับสนขึ้นมา
“ฉัน………ฉันไม่เคยรู้ว่าคนยังทำกับข้าวเป็นด้วย……….”
“เรื่องที่คุณยังไม่รู้ยังมีอีกเยอะมาก แน่นอน ผมก็เต็มใจที่จะให้คุณค่อยๆทำความเข้าใจต่อไป”
ริมฝีปากของลี่จุนถิงยกขึ้นแล้วแสยะยิ้ม ทำให้ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อแดงขึ้นมาทันที
เธอก้มหน้าลง พูดด้วยเสียงต่ำและเบา: “เมื่อก่อนคุณไม่เคยบอกฉัน แล้วฉันจะไปรู้ได้อย่างไร………”
สายตาของลี่จุนถิงอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย ยกมือขึ้นลูบหัวของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ ทำให้ใจเธอเต้นแรง
“มาชิมดูฝีมือของผมดูว่าเป็นไงบ้าง?” ลี่จุนถิงพูดด้วยเสียงที่เบา
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นได้หยิบตะเกียบคีบบะหมี่ขึ้นมา สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วจึงได้ก้มหน้ากินมันลงไป
ก็ไม่สามารถที่จะโทษเธอที่ระมัดระวังแบบนี้ เธอเพียงรู้สึกว่าลี่จุนถิงนั้นโดยปกติก็มีคนดูแลเป็นอย่างดี หากจะเข้าครัวจริงก็คงทำมันได้ไม่ดีมากนัก
หรือเป็นเพราะไม่ได้คาดหวังไว้เยอะ หลังจากที่กินเข้าไปแล้ว สายตาของเจียงหยุนเอ๋ออดไม่ได้ที่เปล่งประกายขึ้นมา
“ว้า คิดไม่ถึงว่าคุณจะทำหมี่ได้อร่อยขนาดนี้” เจียงหยุนเอ๋อชื่นชมอย่างจริงใจ
เห็นท่าทางที่ตกใจของเธอ ลี่จุนถิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ: “คุณไม่เชื่อฝีมือผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็…….ก็โทษฉันไม่ได้นะ……ฐานะอย่างคุณ………ฉันคิดไม่ถึงว่าคุณก็เข้าครัวเป็นกับเขาด้วย”
เผชิญกับคำถามของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋ออธิบายด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ช่วงนี้ท้องไส้คุณปั่นป่วน ผมทำรสค่อนข้างจืด คุณกินลงก็ดีแล้ว”
ลี่จุนถิงพูดเบาๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของเจียงหยุนเอ๋อตลอดเวลา
เจียงหยุนเอ๋อที่รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยได้กล่าวขึ้น: ไม่ค่ะ มันอร่อยจริงๆ………..”
อาจจะเป็นเพราะว่าบะหมี่ถ้วยนี้เป็นฝีมือของลี่จุนถิง เดิมทีเจียงหยุนเอ๋อที่ไม่มีความอยากอาหารเลยจู่ๆก็มีความอยากขึ้นมาทันที ชั่วพริบตาเดียวก็ทานหมี่ถ้วยนี้จนหมด ทำให้ลี่จุนถิงที่อยู่ข้างๆก็ดีใจไม่น้อย
เดิมทีเขายังกังวลว่าเจียงหยุนเอ๋อจะทานไม่ลง เขาก็ไม่อยากบังคับให้เจียงหยุนเอ๋อทาน แต่ก็กังวลว่าร่างกายเธอจะจนไม่ไหว
หลังจากที่ทานอิ่มแล้วเจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย มองดูท่าทางแบบนี้ของเธอ ลี่จุนถิงก็ได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
หลังจากที่ทั้งสองแสดงความห่วงใยกันเสร็จ เพราะคำนึงสุขภาพของเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงจึงไม่ได้ทำกับอะไรเธอ ทั้งสองคนต่างกอดกันนอน ผ่านค่ำคืนที่เงียบสงบไปอีกหนึ่งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหยุนเอ๋อที่สีหน้าท่าทางสบายดี เห็นดังนี้แล้ว ลี่จุนถิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ได้ส่งเจียงหยุนเอ๋อไปที่บริษัทแล้ว ลี่จุนถิงก็ได้ขับรถย้อนกลับไปที่บริษัทของตัวเอง
เพิ่งจะมาถึงห้องทำงาน ซู่จี้งยี้ก็ได้เดินตามเข้ามาแล้ว
“คุณชายลี่ เรื่องของคุณลี่จีถองได้ตรวจสอบชัดเจนแล้ว” ซู่จี้งยี้ได้ยื่นเอกสารในมือให้กับมือของลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงหยิบเอกสารมา หลังจากเปิดไปสองสามหน้า คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน
ซู่จี้งยี้สังเกตดูสีหน้าของเขา ก็พูดเสริมขึ้น: “เธอได้เริ่มมองหาโรงงานเพื่อผลิตสินค้า อีกอย่าง ใจเธอใหญ่มาก ถึงแม้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ แต่เธอได้เริ่มติดต่อเคาน์เตอร์ตามห่างใหญ่ๆแล้ว”
ได้ฟังแบบนี้ ลี่จุนถิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเหยียดหยาม: “เห่อ ให้เธอทรมานตัวเองไปเถอะ ใช่แล้ว ยังมีค่ายกเลิกสัญญาของอวิ๋นเจิ้งซี รีบไปตามคืนมาด้วย ผมไม่อยากที่จะรออีกแล้ว”
“อืม ได้ครับ” ซู่จี้งยี้พยักหน้า รับคำสั่งแล้วออกไป
ซู่จี้งยี้จากไปแล้ว สายตาของลี่จุนถิงยังคงจ้องมองเอกสารฉบับนี้อยู่ สายตานั้นดูสับสนเล็กน้อย
ยังไม่ยอมไปอีกใช่มั้ย? เขามีวิธีอยู่แล้ว