ตอนที่ 416 – หนีสุดชีวิต
ภายใต้การจับจ้องดุจพยัคฆ์จ้องเหยื่อของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ โม่เทียนเกอรู้ตัวว่าการหนีรอดปลอดภัยนั้นยากมาก แทบเป็นไปไม่ได้
แต่ว่า ณ ขณะนี้ ถึงนางจะไม่ยืนอยู่เบื้องหน้าเนี่ยอู๋ชาง เจ้าเมืองเหมยก็จะไม่ปล่อยนางเหมือนกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มิสู้เสี่ยงสักตั้ง นางมั่นใจว่าตนเองมิใช่ไร้โอกาสสักนิดเดียว
กำแพงอาคมพอพังทลายลง คนอื่น ๆ ไม่รั้งรอสักนิด พากันหลบหนีออกจากตรงที่อาคมพังทลาย ในพริบตาเดียว พลังสภาวะรอบด้านก็ว่างเปล่าแล้ว
เจ้าเมืองเหมยร้องหึเสียงเย็นคำหนึ่ง เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ผู้เยาว์ไม่กี่คน จะให้พวกเจ้าเป็นอิสระกันสักเดี๋ยว!” ในมุมมองของเขา การกำจัดนางหนูน้อยสองคนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าเป็นแค่เรื่องชั่วประเดี๋ยว รอจนมือเขาเป็นอิสระค่อยไปฆ่าล้างคนไม่กี่คนนี้ ง่ายดายไม่เปลืองแรง พวกเขาอยากหนี ให้พวกเขาหนีก็ได้ ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นฝ่ามือของเขา!
คิดอย่างนี้แล้ว เจ้าเมืองเหมยสายตาเย็นยะเยียบ มือขวากลายเป็นกรงเล็บ จู่ ๆ แหลมยาวขึ้นมา คว้าไปที่โม่เทียนเกอ
ณ ขณะนี้เอง เสียงหวีดหวิวอันแหลมคมเสียงหนึ่งดังขึ้น เครื่องรางหนึ่งชิ้นปรากฏขึ้นในมือโม่เทียนเกอ กลายเป็นแสงสีขาวบาดนัยน์ตา จู่โจมไปทางเจ้าเมืองเหมย
“พลังสภาวะของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่!” เจ้าเมืองเหมยตะลึงในใจ ทำไมมีพลังสภาวะของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ หรือว่านางหนูน้อยคนนี้…… ไม่ถูก เป็นแค่เครื่องรางอาวุธเวทที่ผนึกพลังของอาวุธเวทผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เอาไว้เท่านั้นเอง เมื่อค้นพบจุดนี้ เขาวางใจลง หึ ดูท่าศักดิ์ฐานะของนางหนูน้อยคนนี้ก็ไม่สามัญ ถึงกับมีวัตถุวิญญาณระดับนี้!
แต่หลังจากนั้น พลังที่เครื่องรางอาวุธเวทนี้ปล่อยออกมากลับทำให้เจ้าเมืองเหมยตกตะลึงอย่างใหญ่หลวง พลังเยี่ยงนี้ถึงกับไม่ต่างอันใดกับการที่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่จริง ๆ ลงมือเลย นี่เป็นไปได้อย่างไร
ฉวยจังหวะที่เจ้าเมืองเหมยหลีกเลี่ยง โม่เทียนเกอคว้าเนี่ยอู๋ชางแล้วหนีไปตรงที่อาคมพังทลาย ระหว่างทางยังไม่ลืมเอาพวกอสูรวิญญาณเก็บเข้าไปในกระเป๋าอสูรวิญญาณ เฟยเฟยจะฉลาดอีกแค่ไหนในเวลานี้ก็ไม่มีประโยชน์ เสี่ยวฝานและเสี่ยวหั่วถึงจะสามารถช่วยเหลือ แต่ภายใต้เงื้อมมือของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ หากไม่ระวังชีวิตของพวกมันก็ต้องจ่ายออกไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้เก็บพวกมันเข้าไปในกระเป๋าอสูรวิญญาณแล้วหนีไป ถึงนางจะหนีออกไปไม่ได้จริง ๆ อย่างมากที่สุดพวกมันก็จะกลายเป็นอสูรวิญญาณของคนอื่น ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้
“ผู้เยาว์จะหนีไปไหน!” เจ้าเมืองเหมยคำราม แต่เครื่องรางอาวุธเวทนั้น กลับมีพลังไม่สามัญ รอจนสลัดหลุด โม่เทียนเกอก็หนีออกไปจากตรงที่อาคมพังทลายแล้ว
เจ้าเมืองเหมยโมโหไม่รู้แล้ว เดิมนึกว่าเป็นแค่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานไม่กี่คนเท่านั้น ผลคือตนเองยังดูเบาศัตรู!
คิดถึงตรงนี้ เจ้าเมืองเหมยร้องหึเสียงเย็นคำหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อ บินออกจากตรงที่อาคมพังทลายตามไปติด ๆ
อาศัยแค่เครื่องรางอาวุธเวทแผ่นเดียวก็คิดจะหนีจากกำมือของเขา ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!
โม่เทียนเกอกระโจนออกจากโพรงถ้ำแล้วกวาดตามอง ค้นพบว่าพวกคนที่หนีออกมาก่อนพวกนางกำลังต่อสู้กับเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานของเมืองซิงลั่ว นางร้องหึเสียงเย็นในใจ คนเหล่านี้ถึงจะไม่ได้เป็นศัตรูกับนาง แต่ใช้นางและเนี่ยอู๋ชางถ่วงรั้งเจ้าเมืองเหมย ตนเองวิ่งหนี ไม่ใช่พวกพ้องที่ดีอะไรจริง ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนเหล่านี้ถูกสกัด นางก็จะไม่สอดมือให้มากความ แต่กลับดีใจอย่างมากอยู่ในใจ เช่นนี้แล้ว เหล่าผู้ฝึกตนของเมืองซิงลั่วพวกนี้ล้วนมีเป้าหมาย กลับไร้คนมาสกัดนาง
แน่นอนว่า ถึงจะเป็นอย่างนี้ นางก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหนีออกไป เพราะว่าข้างหลังของนางมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่
เครื่องรางอาวุธเวทนั้นเป็นสิ่งที่ฉินซีเตรียมไว้ก่อนที่นางจะเดินทาง ถึงจะแฝงพลังอาวุธเวทของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ แต่ถึงที่สุดแล้วมิใช่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่จริง ๆ ลงมือ เพียงชั่วขณะหนึ่งเจ้าเมืองเหมยนั้นก็สามารถสลัดหลุดแล้ว
สามารถพูดได้ว่า นางจึงเป็นคนที่สถานการณ์คับขันที่สุด
เวลาไม่ค่อยท่า นางคลำกระเป๋าเอกภพ สิ่งที่ล้วงออกมาก็คือไม้บรรทัดย่อพสุธาที่ได้จากโม่เหยาชิง เอ่ยถึงความเร็ว ถึงนางจะมีอาวุธเวทบินชั้นยอดอย่างรองเท้าย่ำเมฆาก็ไม่อาจสลัดหลุดจากผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ได้แต่ใช้อาวุธเวทเพิ่มระยะห่าง แล้วหาวิธีเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน……
“หนีไปไหน!” ด้านหลังมีเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของเจ้าเมืองเหมยดังขึ้น โม่เทียนเกอหัวใจเต้นสะดุด ความสิ้นหวังผุดขึ้นมา ถึงกับไม่มีแม้แต่โอกาสจะเปิดการใช้งานไม้บรรทัดย่อพสุธาเลยหรือ
แต่ว่า ถึงจะสิ้นหวังยิ่งกว่านี้ นางก็จะไม่งอมือรอความตาย เห็นกับตาว่าเจ้าเมืองเหมยพุ่งออกมาด้วยพลังสภาวะดุดัน โม่เทียนเกอกางพัดแห่งสวรรค์และโลกาในมือ ใช้รุกแทนรับ โจมตีกลับอย่างไม่เกรงใจสักนิด
เจ้าเมืองเหมยเห็นแล้วโกรธจนหัวเราะ “เป็นแค่ละอองแสงก็ยังกล้าแข่งแสงกับตะวันจันทราหรือ” พูดจบ โบกมือทั้งคู่ ปราณมารที่เดิมทีถูกเก็บงำเอาไว้อย่างดีมากถล่มออกไปทันที กล้าแข็งกว่าผู้อาวุโสเหลียงกับพวกหลายเท่า แม้แต่เนี่ยอู๋ชางที่ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มเกาะร่างอยู่ในขณะนี้ก็ไม่อาจเทียบได้เลย
จนถึงขณะนี้ เจ้าเมืองเหมยจึงได้แสดงความแข็งแกร่งของเขาออกมาอย่างแท้จริง ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนหนึ่ง ถึงจะเป็นเพียงจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้น ก็ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานจะสามารถต่อต้าน
โม่เทียนเกอกลับขบฟันแน่น ไม่ยอมถอยหนี ตั้งแต่ตอนแรกที่พวกนางมาถึงเมืองซิงลั่วก็เหยียบลงไปในหลุมพรางของเจ้าเมืองเหมยแล้ว ขณะนี้นอกจากเสี่ยงตายก็ไม่มีทางรอดอื่น ดังนั้น นางเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บสาหัส ใช้พลังของเครื่องรางอาวุธเวทกับพัดแห่งสวรรค์และโลกาเข้าประจันหน้า
เจ้าเมืองเหมยหัวเราะเสียงเย็นคำหนึ่ง เขาทราบถึงพลังของเครื่องรางอาวุธเวทในมือนาง ดังนั้นเลือกที่จะหลบเลี่ยงเป็นการชั่วคราว ในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะขวางทางไปของพวกนางด้วยปราณมาร
แต่แล้วในขณะนี้เอง กลับได้ยินเสียง “เช้ง” คล้ายกับมีอาวุธแหลมคมหลุดจากฝัก ต่อจากนั้นส่งเสียงหวีดแหลมคมแทงใส่เจ้าเมืองเหมย
เจ้าเมืองทางหนึ่งหลบเลี่ยงเครื่องรางอาวุธเวทของนาง ทางหนึ่งป้องกันไม่ให้พวกนางฉวยโอกาสหนีไป จนกระทั่งปราณกระบี่ครอบคลุมลงมาจึงได้ค้นพบว่ามีคนลอบโจมตีจากข้างหลัง
“ใคร!” เจ้าเมืองเหมยใบหน้าบิดเบี้ยว โกรธสุดระงับ! เด็กน้อยคนไหนถึงกับกล้าลอบโจมตีเขาที่เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่?! สิ่งที่ทำให้เขายิ่งโกรธแค้นคือ ปราณกระบี่ของคนคนนี้ไร้สุ้มไร้เสียง เขาที่แบ่งแยกจิตใจถึงกับสัมผัสไม่ได้!
โม่เทียนเกอขณะนี้มองเห็นเจี้ยนซินที่อยู่ข้างหลังเขาไม่ไกล อดตะลึงไม่ได้
เจี้ยนซินผู้นี้ ถึงจะรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วยามในโพรงถ้ำ ทำความเข้าใจไม่มาก แต่พฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขาทำให้นางไม่ชอบจริง ๆ ให้นางไปขวางตัวประหลาด สุดท้ายกลับไม่ยอมยื่นมือเข้าช่วย เห็นได้ชัดว่าในสายตามีเพียงผลประโยชน์ เห็นแก่ตัวถึงขีดสุด แต่ว่า ตอนนี้เขาถึงกับไม่ฉวยโอกาสหนีไป แต่กลับช่วยเหลือนาง?
เจี้ยนซินเพียงเหลือบมองนางอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง โบกมือ สร้างปราณกระบี่จำนวนมหาศาลโจมตีใส่เจ้าเมืองเหมยอย่างไม่เกรงใจสักนิด
ตอนนี้มิใช่เวลาสืบเสาะสาเหตุ โม่เทียนเกอกัดฟัน ล้วงเครื่องรางอาวุธเวทหนึ่งปึกจากในแขนเสื้อ ขว้างออกไปจนหมดสิ้น!
เครื่องรางอาวุธเวทที่สร้างโดยผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทุก ๆ ใบล้วนเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนัก ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนใดก็ตามได้รับสิ่งนี้ล้วนจะถนอมไว้เป็นวิธีการรักษาชีวิตก้นหีบ ทว่าโม่เทียนเกอแม้แต่นับยังไม่นับก็คว้ามาขว้างออกไปทั้งปึกตรง ๆ มีอยู่ร่วมเจ็ดแปดใบ หากให้ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนอื่นเห็นเข้า จะต้องเจ็บปวดใจไม่รู้แล้ว
โม่เทียนเกอก็ย่อมจะปวดใจ ก่อนนางออกเดินทางเที่ยวนี้ ซือฟุและฉินซีล้วนเตรียมเครื่องรางอาวุธเวทให้นาง แต่ว่า สิ่งนี้ล้ำค่า ถึงผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองคนไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวสักนิด บนตัวนางก็มีแค่สิบใบเศษ ๆ เท่านั้น พอขว้างไปอย่างนี้ บนตัวนางก็เหลือเพียงสองสามใบ
สิ่งของจะล้ำค่าอีกเท่าใดก็ล้ำค่าไม่เท่าชีวิต ณ ขณะนี้ ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ได้ ถึงจะต้องสละสมบัติทั้งตัว นางก็จะไม่ตระหนี่
แสงของเครื่องรางอาวุธเวทสว่างขึ้นมา สอดประสานกับแสงปราณกระบี่ของเจี้ยนซิน ในเวลาชั่วขณะ ท้องฟ้าสว่างเจิดจ้า เสียดแทงนัยน์ตาผู้คน บริเวณโดยรอบยิ่งพลังวิญญาณเข้มข้น ปั่นป่วนไม่รู้แล้ว
เจ้าเมืองเหมยคำรามอยู่ในแสงสว่างว่า “พวกเจ้าผู้เยาว์!” เขาอาศัยว่าระดับการฝึกตนสูง นึกว่าแค่ยื่นมือก็คว้ามาได้ กลับไม่คาดว่าจะถูกผู้เยาว์ไม่กี่คนนี้วางแผนใส่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ
เจ้าเมืองเหมยถูกขังอยู่ในพลังวิญญาณ ยากจะหลุดพ้นไปชั่วขณะ ทว่าผู้ฝึกตนคนอื่นของเมืองซิงลั่ว ถูกมัดมือมัดเท้าภายใต้พลังอำนาจของเครื่องรางอาวุธเวทของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้
โอกาสทอง!
โม่เทียนเกอไม่คิดมาก ลากเนี่ยอู๋ชาง กำไม้บรรทัดย่อพสุธาแน่นเร่งความเร็ว หลบหนีไปไกล ๆ อย่างว่องไว
เรื่องราวเร่งร้อน นางจะต้องหนีออกไประยะทางหนึ่ง เหลือเวลาให้ตัวเองได้ใช้ไม้บรรทัดย่อพสุธา ขอเพียงไม้บรรทัดย่อพสุธาเริ่มทำงาน เจ้าเมืองเหมยคิดจะเสาะหานางอีกก็ต้องเสียเวลาช่วงหนึ่ง ถึงเวลานั้น นางสามารถใช้เวลาสั้น ๆ นั้นเข้าไปในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน!
นางเพิ่งจะหลบหนี เจ้าเมืองเหมยก็หลุดพ้นออกมาจากในเครื่องรางอาวุธเวทแล้ว ตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกายด้วยเพลิงโทสะ มองทิศทางที่โม่เทียนเกอหายลับไปด้วยโทสะพวยพุ่ง โคจรปราณมารบนร่างกลายเป็นแสงหลบหนีสีดำสายหนึ่งทันที ไล่ตามโม่เทียนเกอไป
เขาไม่สนคนอื่นแล้ว คนอื่นจะหนีก็ดีจะตายก็ดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจับนางหนูน้อยที่กลืนกินปีศาจแรกเริ่มของเขาคนนั้นกลับมา แล้วก็สับผู้เยาว์อีกคนเป็นหมื่นชิ้นเพื่อระบายความแค้นในใจเขา! ส่วนที่ว่าจะสามารถเลื่อนขึ้นเป็นจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายในรวดเดียวหรือไม่นั้น ขณะนี้ไม่อาจใส่ใจแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ อย่างมากก็ไม่เอาเมืองซิงลั่ว หนีไปคนเดียวก็ได้!
คิดถึงตรงนี้ เจ้าเมืองเหมยกัดฟันกรอดด้วยความแค้นอีกครั้ง แผนการของเขาสมบูรณ์แบบ หากมิใช่พบกับผู้เยาว์ไม่กี่คนนี้ ปีศาจแรกเริ่มของเขาก็บ่มเพาะจนสำเร็จไปแต่แรกแล้ว ขอเพียงกลืนกินเข้าไปก็สามารถก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายในก้าวเดียว กลายเป็นผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดของอวิ๋นจง! ถึงเวลานั้น เขาจะสามารถสร้างเมืองซิงลั่วให้กลายเป็นกลุ่มอิทธิพลซึ่งไม่ด้อยกว่าสามแดนมารใหญ่ กลายเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดที่เรียกลมเรียกฝนได้ในอวิ๋นจง! แต่ตอนนี้เล่า ปีศาจแรกเริ่มยังไม่รู้ว่าจะเอากลับมาได้หรือไม่ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้ก็ไม่สามารถกลืนลงไปทั้งหมด!
โม่เทียนเกอไม่มีเวลาแม้แต่จะหันหน้าไปดูสักแวบ คะเนจากพลังสภาวะข้างหลังอย่างเดียว นางก็ทราบแล้วว่าเจ้าเมืองเหมยไล่มาแล้ว โชคดีที่ไม้บรรทัดย่อพสุธามีประสิทธิภาพในการเพิ่มความเร็ว รองเท้าย่ำเมฆาก็เป็นอาวุธเวทชั้นยอด นางหลบหนีสุดกำลัง เจ้าเมืองเหมยก็ไล่ตามไม่ทันไปชั่วขณะ
แต่ ถึงจะเป็นเช่นนี้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนยิ่งมายิ่งใกล้ เป็นอย่างนี้ต่อไป สุดท้ายนางยังจะถูกเจ้าเมืองเหมยจับได้ ยากจะหนีพ้นความตาย!
ทำอย่างไรเล่า นางครุ่นคิดอย่างเร่งด่วนในสมอง
“ผู้เยาว์จะหนีไปไหน!” เสียงอันแหลมคมของเจ้าเมืองเหมยดังอยู่เบื้องหลัง ปราณมารอันแข็งแกร่งขุมหนึ่งพุ่งมาหาพวกนางทั้งสอง
โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าเมืองเหมยอยู่ห่างจากนางขนาดนี้จะสามารถส่งปราณมารมาโจมตี
นางโบกผ้าเช็ดหน้าไหมขาว ม่านหมอกล้อมรอบคนทั้งสอง ล้วงเครื่องรางวัชรปาณีออกมาหนึ่งแผ่น แปะไว้บนร่างกาย ถึงโอกาสหนีรอดจะน้อยมาก นางก็ต้องช่วงชิงถึงที่สุด ไม่สามารถงอมือรับความตายโดยเด็ดขาด!
เห็นกับตาว่าปราณมารที่แฝงพลังสภาวะมืดฟ้ามัวดินเข้ามา ในความเร่งรีบ นางเพียงมีเวลาคลี่กางพัดแห่งสวรรค์และโลกา สกัดปราณมารด้านหลังอย่างเต็มกลืน
การสกัดนี้ นางไม่ได้มีความหวังอะไรเลย ถึงนางจะมีอาวุธเวทมากขนาดนี้ แต่จะสามารถสกัดการโจมตีของจิตวิญญาณใหม่ได้อย่างไร ภายใต้การโจมตีนี้ ถึงนางจะยังมีชีวิตก็เกรงว่าต้องบาดเจ็บสาหัส!
“อั๊ก!” ความเจ็บปวดในความคาดหมายโจมตีมา พลังขุมหนึ่งทะลวงการป้องกันของผ้าเช็ดหน้าไหมขาว, เกราะป้องกันของเครื่องรางวัชรปาณี รวมทั้งการสกัดของพัดแห่งสวรรค์และโลกา ทะลุตรงเข้าสู่ทรวงอก ลมปราณปั่นป่วน นางกระอักโลหิตหนึ่งคำอย่างไม่อาจควบคุม
ต้องตายจริง ๆ หรือ ในใจนางผุดความคิดนี้ขึ้นมา เคยประสบกับสถานการณ์อันตรายหลายครั้งขนาดนั้น กลับไม่มีครั้งไหนที่คล้ายกับวันนี้ที่ทำให้นางรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้นางขนาดนี้
แต่นางไม่ยินยอม จะยอมตายได้อย่างไรเล่า ที่เทียนจี๋อันห่างไกลหมื่นลี้ยังมีคนรอนางกลับไป
“อ้าก ——” เสียงร้องโหยหวนที่อยู่นอกความคาดหมายดังขึ้น เป็นเสียงของเจ้าเมืองเหมย
โม่เทียนเกออดทนต่อความเจ็บปวดแล้วรีบหันหน้ากลับไปมอง แต่กลับอึ้งค้างไป เจ้าเมืองเหมยที่ยังห่างจากนางอีกระยะทางหนึ่ง ปราณมารทั้งร่างหดเป็นก้อน เหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
และในขณะนี้ พัดแห่งสวรรค์และโลกาในมือนางจู่ ๆ เปล่งลมปราณกล้าแข็งอันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่เปรียบออกมา
ไม่มีเวลาจะครุ่นคิด นางหันหน้าไป มองเห็นหมอกหลงทิศที่อยู่ไม่ห่างไกล ดึงเนี่ยอู๋ชางหนีไปที่นั่น
………………..
ตอนที่ 417 – หนีรอด