ตอนที่ 415 ขาดไปก้าวเดียว

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 415 – ขาดไปก้าวเดียว

 

    “เจ้าหนูกลุ่มนี้สรุปว่าอยากทำอะไรนะ” เจ้าเมืองเหมยมองกระจก พูดกับตนเอง

    ผู้เยาว์ไม่กี่คนนี้ไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนก่อเกิดตานทั่วไป ต้องจัดการอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น เพียงแต่ เห็นพวกเขายุ่งจนหัวปั่นอยู่ในถ้ำหมีจง เขากลับรู้สึกว่าน่าสนใจ อดอยากดูว่าพวกเขาจะสามารถทำไปถึงระดับไหนไม่ได้ ถึงอย่างไร จนถึง ณ ขณะนี้ ทุกสิ่งยังอยู่ในความควบคุมของเขา

    พวกเขาอยากทำลายกำแพงอาคม เขารู้แผนการนี้แล้ว แต่เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย เพียงทำลายจุดที่ตั้งของกำแพงอาคมหนึ่งจุด ซ่อมแซมไม่ยากเลย และขอเพียงกำแพงอาคมพังลงไป มีคนสักคนหนีออกจากถ้ำหมีจง เขาจะจับเอาไว้ทันทีแล้วยังจงโยนกลับไปป้อนให้ปีศาจแรกเริ่ม!

    หึ แค่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานไม่กี่คน จะร้ายกาจไปอีกเท่าใด เขาก็ไม่จำเป็นต้องเห็นอยู่ในสายตา ก่อเกิดตานกับจิตวิญญาณใหม่ ถึงจะเป็นเพียงความแตกต่างของระดับชั้นหนึ่งระดับ แต่ต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน

    ขณะนี้ ความคืบหน้าของเรื่องราวในถ้ำหมีจงยังคงอยู่ในความควบคุมของเขา เขารู้แล้วว่าคนกลุ่มนี้กำลังทำอะไร ย่อมเตรียมการเอาไว้แต่แรก

    เพียงแต่ มองไปแล้ว เจ้าหนูหนึ่งคนในนั้นทำให้เขางุนงงอยู่บ้าง

    พูดว่าเป็นเจ้าหนู ความจริงเป็นนางหนู ตอนที่ผู้อาวุโสเหลียงพานางหนูสองคนกลับจวนเจ้าเมือง เขาก็ค้นพบจุดนี้แล้ว แต่ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร การที่สตรีปลอมเป็นบุรุษมิใช่เรื่องที่น่าประหลาดจนเกินไปเลย แต่ว่า เขายังคงประหลาดใจนิดหน่อย เพราะว่านางหนูสองคนนี้ ถึงจะมีระดับการฝึกตนทั่วไป สมบัติวิญญาณบนตัวกลับไม่น้อย ดูแล้วไม่คล้ายกับผู้ฝึกตนสามัญเลย และการแสดงออกของพวกนางในถ้ำหมีจงนี้ก็น่าชื่นชมจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าสิ่งที่สองคนนี้ฝึกเป็นทักษะเต๋า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาเลย เขายังเกิดความอยากรับศิษย์ด้วยซ้ำ

    และตอนนี้ นางหนูที่เป็นสตรีปลอมเป็นบุรุษคนนั้นขวางอยู่เบื้องหน้าปีศาจแรกเริ่มของเขา คล้ายคิดจะทำอะไร

    สามารถทำอะไรได้หรือ หรือว่าพวกเขาจนถึงตอนนี้ยังไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเอง? การโจมตีที่เกี่ยวกับพลังวิญญาณและปราณมารทั้งหมด ล้วนไม่มีประโยชน์ต่อปีศาจแรกเริ่ม ถึงแม้ว่าลมปราณของปีศาจแรกเริ่มจะถูกสลายไปชั่วครู่ก็สามารถจะฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ในถ้ำหมีจง พวกเขาไร้ทางให้หลบหนี

    ในด้านหลักเหตุผล เจ้าเมืองเหมยรู้สึกว่านางหนูคนนี้ทำอะไรไม่ได้ แต่ว่า ตอนที่เขาคิดอย่างนี้ หัวคิ้วกลับขมวดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    เขาเอื้อมมือไปนวดหัวคิ้ว แอบคิดว่านี่เป็นความรู้สึกหลอนกระมัง? แค่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานไม่กี่คน มีเขานั่งประจำการด้วยตนเอง จะสามารถเกิดอุบัติเหตุอะไรได้?

    แต่ว่า ชั่วขณะถัดมา เขาลุกพรวด ใบหน้าเผือดสี “ทำไมเป็นอย่างนี้!”

    ปฏิกิริยาของเขาทำให้เหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานของเมืองซิงลั่วรอบ ๆ ตระหนก ผู้อาวุโสเหลียงรีบเดินไปข้างหน้า เรียกอย่างหวาดกลัวว่า “ท่านเจ้าเมือง……”

    เจ้าเมืองเหมยกลับไม่สนใจเขา ร้องหึเสียงเย็นคำหนึ่ง เขวี้ยงกระจกในมือลงพื้นเหมือนระบายโทสะ สะบัดแขนเสื้อ คนบินไปทางม่านพลังเคลื่อนย้ายแล้ว ภายในพริบตาก็หายลับไปในม่านพลังเคลื่อนย้าย

    ผู้อาวุโสเหลียงมองดูเจ้าเมืองเหมยหายไปอย่างไม่เข้าใจแล้วก้มหน้ามองกระจกบานนั้น พอเขาเห็นฉากในกระจก บนใบหน้าก็ปรากฏแววตื่นตะลึงไร้ที่เปรียบเหมือนกัน “นี่……”

    เห็นแค่ว่าในกระจก ทั้งร่างกายของเนี่ยอู๋ชางถูกปกคลุมด้วยปราณดำ ปราณดำนี้กับปราณมารต่างกันอย่างมาก เคลื่อนไหวเหมือนกับมีชีวิตไม่หยุดหย่อน แค่ฉากนี้อย่างเดียวไม่มีอะไรน่าตื่นตะลึง เทียนฉานผู้นี้อาจจะแค่เป็นผู้ฝึกมารที่ปิดบังได้ดียิ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสเหลียงยากจะเชื่อได้คือ ปีศาจแรกเริ่มนั่น ปีศาจแรกเริ่มที่พวกเขาผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้ไม่กล้าเข้าใกล้เลย ตอนที่เห็นนาง ถึงกลับขยับไปด้านหลังเสมือนหวาดกลัว

    นี่เป็นไปได้อย่างไร ในจิตใจของผู้อาวุโสเหลียงเกิดความตะลึงไม่รู้แล้ว เขาเป็นคนสนิทอันดับหนึ่งของเจ้าเมือง เจ้าเมืองได้รับวิชาเวทใหม่ เขาเข้าใจกระบวนการสร้างปีศาจแรกเริ่มอย่างชัดเจน เจ้าสิ่งนี้หลุดพ้นจากสำนึกของผู้ฝึกตนยุคปัจจุบันไปแล้ว ระดับสูงกว่าปราณมารบนตัวพวกเขามากมาย ก็เพราะเหตุนี้ ปราณมารบนตัวเจ้าเมืองค่อย ๆ ถดถอย แต่กลับไปถึงขอบเขตที่ถ่ายทอดจากจิตใจ

    สิ่งของอย่างนี้ หากมิได้ฝึกวิชาเวทพิเศษอย่างเจ้าเมือง หากเข้าไปใกล้ก็จะถูกกลืนกิน ไม่ต้องพูดถึงการขับเคลื่อนเลย!

    แต่สิ่งที่ประจักษ์กับตาเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องอย่างนี้เลย ปีศาจแรกเริ่มตัวนี้ เจ้าเมืองฟูมฟักมานานขนาดนี้ ปีศาจแรกเริ่มที่หากสามารถกลืนกินผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้ทั้งหมดก็จะสามารถช่วยให้เจ้าเมืองทะยานถึงสวรรค์ในก้าวเดียว ถึงกับกำลังถูกคนอื่นดูดซับ!

    ผู้อาวุโสเหลียงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าน่ากลัว เหงื่อเย็น ๆ หยดลงมาอย่างไม่อาจควบคุม

    สาเหตุที่พวกเขากล้ากระทำเรื่องอย่างนี้ นอกเสียจากภักดีต่อเจ้าเมืองจึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ก็เป็นเพราะว่าเรื่องนี้วางแผนมาอย่างถี่ถ้วน หากสำเร็จ พวกเขาติดตามเจ้าเมืองก็จะเป็นไก่เป็นสุนัขที่ได้เกาะขึ้นสวรรค์

    แต่ตอนนี้เล่า ถ้าหากปีศาจแรกเริ่มถูกคนอื่นกลืนกิน แผนการของเจ้าเมืองยังสามารถเป็นจริงได้หรือ ถ้าหากเจ้าเมืองไม่สามารถเลื่อนระดับไปถึงจุดสูงสุด พวกเขาเมืองซิงลั่วยังจะสามารถคงอยู่ได้นานเท่าไร คนเหล่านี้แทบจะเป็นผู้ที่ตัวเขาพาเข้าจวนเจ้าเมืองทั้งหมด ถึงในนี้บางคนจะไม่ได้มีภูมิหลังอะไร แต่ผู้ที่มีกลุ่มอำนาจใหญ่หนุนหลังก็มีไม่น้อย! อย่างน้อยก็เกี่ยวพันถึงสำนักใหญ่ของอาณาจักรตงถัง ยังมีหนึ่งในสามแดนมารใหญ่ของอาณาจักรเป่ยหลินของพวกเขา! เจ้าเมืองในฐานะผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อาจจะสามารถทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไป แล้วพวกเขาผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้เล่า? หนีการไล่สังหารของสำนักใหญ่และแดนมารใหญ่ได้หรือ

    “พี่เหลียง ทำไมหรือ” เมื่อเห็นเจ้าเมืองจากไปอย่างโมโหแล้วยังค้นพบความผิดปกติของเขา เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นของเมืองซิงลั่วที่อยู่ห่างไปหน่อยแตกตื่นอยู่บ้าง เข้ามามุงถามเสียงเบา

    ผู้อาวุโสเหลียงเช็ดเหงื่อบนหน้าแล้วส่ายหน้า “ไม่มีอะไร” เรื่องนี้เขาไม่กล้าพูดในตอนนี้ สรุปแล้วเจ้าเมืองจะสามารถสะกดผู้ฝึกตนก่อเกิดตานพวกนี้หรือไม่ยังไม่ทราบ สมมติว่าสุดท้ายเจ้าเมืองยังประสบความสำเร็จ แต่พวกเขากลับหนีไปก่อนล่วงหน้า เช่นนั้นเจ้าเมืองก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไป เรื่องมาถึงตอนนี้ เพื่อชีวิตน้อย ๆ และอนาคตของตนเอง เขาได้แต่หวังว่าเจ้าเมืองจะสามารถยับยั้งเรื่องนี้ สะกดผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเหล่านี้ได้ทั้งหมด!

    “ผู้เยาว์ที่ไม่รู้ความ!” เสียงคำรามดังขึ้นมาโพรงถ้ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้น คนทั้งแปดสัมผัสได้ถึงพลังสภาวะอันกล้าแข็งถาโถมใส่หน้า

    ยงหรูอวี้แตกตื่นก่อนใครเพื่อน “นี่คือ……” พลังสภาวะของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่! ที่นี่ถึงกับปรากฏผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขึ้นมาแล้ว!

    เจี้ยนซินชะงักไป ตะโกนเสียงห้วนว่า “ทำต่อไป!”

    “แต่ว่า……” ยงหรูอวี้จิตใจปั่นป่วนดุจกองปอ “มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มาถึง พวกเราจะสามารถ……”

    “เพี๊ยะ!” เกิดเสียงแหลมคม ลมแรงสายหนึ่งตบลงบนแก้มของยงหรูอวี้ เจี้ยนซินเอ่ยเสียงโกรธ ๆ ว่า “ถ้าอยากตาย ตอนนี้ข้าจะสงเคราะห์ท่าน!”

    “ซือเกอ!” ฉิวเฉิงรั่วอุทาน พุ่งเข้ามา

    เจี้ยนซินกลับเหลือบมองนางอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง หันหน้าไปโจมตีกำแพงอาคมต่อ

    เป้าหมายอันดับแรกของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นั่นไม่ใช่พวกเขาเลย พวกเขายังมีโอกาสรอด! แน่นอนว่าถ้าสองคนนี้มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ* ทำให้ทุกคนออกไปไม่ได้ เขาก็ไม่ถือสาที่จะสังหารพวกเขาให้สิ้นเรื่องไปตอนนี้เลย!

    ตอนที่ร่างอันแบบบางของเจ้าเมืองเหมยปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทั้งสอง เนี่ยอู๋ชางพูดจาไม่ได้แล้ว

    ขณะนี้ทั้งร่างของนางถูกปราณดำปกคลุม ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มทั่วร่างเข้มข้นไร้ที่เปรียบ แม้แต่พลังวิญญาณทั้งร่างยังถูกปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มเหล่านี้กลืนกินไปจนสิ้น

    โม่เทียนเกอแยกแยะได้ไม่ชัดเจนแล้วว่านางสรุปว่ากลืนกินปราณแห่งปีศาจแรกเริ่ม หรือว่าถูกปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มกลืนกิน

    แต่การที่เนี่ยอู๋ชางที่อยู่ตรงหน้าจะไม่มีความสามารถในการขยับตัวไปช่วงหนึ่งเป็นสิ่งที่แน่นอน ตอนนี้ควรทำอย่างไร

    เมื่อเห็นว่าปีศาจแรกเริ่มประสานร่างเป็นหนึ่งกับเนี่ยอู๋ชางแล้ว เจ้าเมืองเหมยโกรธจนตัวสั่นทันที ใบหน้าอย่างเด็กหนุ่มบิดเบี้ยว ถลึงมองพวกนางสองคนอย่างกราดเกรี้ยวว่า “พวกเจ้า ถึงกับทำลายความพยายามทั้งชีวิตของเปิ่นจั้ว!”

    พูดจบ ชกหนึ่งหมัดไปทางผนังศิลา กลับชกจนผนังศิลาทั้งแถบป่นเป็นผง!

    โพรงถ้ำทั้งหมดสั่นสะเทือนไปตามการกระทำของเจ้าเมืองเหมย เจี้ยนซินเห็นแสงกะพริบบนกำแพงอาคม สีหน้าแฝงแววยินดี “เร็วหน่อย กำแพงอาคมจวนจะทำลายได้แล้ว!” การกระทำด้วยความโกรธของเจ้าเมืองเหมยเมื่อครู่นี้กลับช่วยเป็นแรงหนุนเสริมให้พวกเขาพอดี!

    ไม่มีเวลาให้คิดมาก โม่เทียนเกอสะบัดผ้าเช็ดหน้าไหมขาวขวางอยู่เบื้องหน้าเจ้าเมืองเหมย จากนั้นกันเนี่ยอู๋ชางไว้ข้างหลังอย่างไร้เสียง

    นางทราบว่านางสู้ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ไม่ไหว แต่ว่า ณ ขณะนี้จะให้นางไม่สนใจใยดีเนี่ยอู๋ชางกลับเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนี่ยอู๋ชางไว้วางใจนาง นางรู้แก่ใจว่าหลังดูดกลืนปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มจะสูญเสียความสามารถไปช่วงหนึ่ง แต่ยังนางทำอย่างนี้ ความไว้วางใจอย่างนี้ โม่เทียนเกอไม่คิดจะทรยศ

    เจ้าเมืองเหมยมองพวกนางสองคน เผยรอยยิ้มอำมหิต “เป็นไร ยังคิดจะเป็นศัตรูกับข้าหรือ หึ ไม่เจียมตัว!”

    โม่เทียนเกอสงบนิ่งมาก นางมีความสามารถประเภทนี้มาโดยตลอด ยิ่งช่วงวิกฤติยิ่งสงบนิ่ง

    นางถืออาวุธเวทในมือ มองตรงไปที่เจ้าเมืองเหมย น้ำเสียงนิ่งเฉย “มิใช่พวกข้าอยากเป็นศัตรูกับเจ้าเมืองเหมย แต่เป็นเจ้าเมืองเหมยวางแผนร้ายต่อเด็กรุ่นหลังก่อน เกี่ยวพันถึงชีวิต ถึงกำลังจะไม่เพียงพอก็ได้แต่สู้!” “

    เมื่อได้ยินวาจานี้ เจ้าเมืองเหมยตะลึงไป เงยหน้าหัวเราะลั่น “ได้แต่สู้ที่ดี! ทารกน้อยเจ้าช่างน่าสนใจ น่าเสียดายหนอน่าเสียดาย ไม่ว่าเจ้าจะน่าสนใจอีกสักแค่ไหน เปิ่นจั้วก็ได้แต่จับเจ้ามัดรวมไปป้อนให้ปีศาจแรกเริ่ม!” พูดจบ เขาถลึงมองเนี่ยอู๋ชางอย่างโหดเหี้ยม “หึ! อยากกลืนกินปีศาจแรกเริ่มของเปิ่นจั้วหรือ ฝันไปเถอะ! เปิ่นจั้วจะกินเจ้าไปด้วยเลย!”

    ว่าแล้วเจ้าเมืองเหมยโบกแขนเสื้อ ก้าวยาว ๆ เข้าใกล้พวกนาง

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สู้กับผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่ต้องลุ้นเลย ดังนั้น เจ้าเมืองเหมยไม่เร่งรีบเลย สิ่งที่เขากังวลใจมีเพียงปัญหาที่ว่า หลังจากปีศาจแรกเริ่มถูกนางหนูน้อยคนนี้ดูดซับไปแล้ว ตัวเขายังจะสามารถเก็บกลับมาหรือไม่ พูดตามหลักเหตุผล ขอเพียงปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มยังคงอยู่ เขาน่าจะสามารถดูดซับ ถึงอย่างไรเขาเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ส่วนนางหนูน้อยนี่เป็นแค่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน เป็นไปไม่ได้ที่จะจะแย่งชิงกับเขา แต่ว่า เรื่องประเภทนี้ไม่เคยมีมาก่อนสักนิด กลับไม่ค่อยจะแน่นอน

    เห็นกับตาว่าเจ้าเมืองเหมยไม่เห็นนางในสายตาแล้วอยากจะไปจับตัวเนี่ยอู๋ชางดื้อ ๆ โม่เทียนเกอสายตาส่องประกายเย็นชา ยกร่มปทุมาสกัดทางไปของเจ้าเมืองเหมย

    เมื่อเห็นพฤติกรรมของนาง เจ้าเมืองเหมยประหลาดใจเล็กน้อย “นางหนูนี่ ถึงกับคิดจะขวางเปิ่นจั้วจริง ๆ รึ” เขาไม่ได้พบเห็นผู้ฝึกตนอย่างนี้มาหลายปีมากแล้ว ฝึกจนถึงระดับจิตวิญญาณใหม่ ความแข็งแกร่งก็ไม่อ่อนด้อย ผู้เยาว์นี้น่จะรู้ถึงความห่างชั้นของจิตวิญญาณใหม่กับก่อเกิดตานกระมัง

    โม่เทียนเกอไม่พูดสักคำ ร่มปทุมาทำให้พลังวิญญาณรอบกายนางบริสุทธิ์ สกัดปราณมารที่เจ้าเมืองเหมยส่งออกมาไว้ภายนอก นางขยับมือ โยนวัตถุหนึ่งชิ้นออกไป 

    “ตูม!”

    หลังจากเสียงดังสั่นหวั่นไหว เจ้าเมืองเหมยสะบัดแขนเสื้อ มองโม่เทียนเกออย่างเย็นชา “หึ! ถึงจะมีอาวุธเวทสื่อวิญญาณ ถึงที่สุดแล้วก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน แค่นี้คิดจะทำร้ายเปิ่นจั้วหรือ” สายตาเขาส่องประกายเย็นชา ทำศาสตร์มุทรา ปราณมารควบรวมอยู่ที่นิ้วแล้วคิดจะโจมตีใส่โม่เทียนเกอ

    โม่เทียนเกอตั้งจิสมาธิ นางรู้ว่าหรูอี้สรวงวิญญาณไม่สามารถโจมตีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนหนึ่งให้ถอยไป แต่ว่า สามารถแย่งชิงเวลามาบ้างก็ดีแล้ว

    “ตูม!” ปราณมารของเจ้าเมืองเหมยยังไม่โจมตีออกมา กลับมีเสียงดังสนั่นอีกรอบ ตามมาด้วยเสียงประหลาดใจแกมยินดีของฉิวเฉิงรั่ว “กำแพงอาคมพังแล้ว!”

……………….. 

*สำนวนนี้ต้นฉบับคือ 成事不足败事有余 แปลว่าไม่ดีพอจะทำให้สำเร็จ แต่ทำเสียเรื่องน่ะเก่งเกินพอเลย ซึ่งเราว่ามันยาวไปหน่อย นึกคำแปลแบบกระชับสวย ๆ ไม่ออก แล้วความหมายก็คล้ายสำนวนไทยอันนี้ด้วยก็เลยแปลอย่างนี้ค่ะ

 

 

ตอนที่ 416 – หนีสุดชีวิต