บทที่ 164 จิตใจแสนคับแคบ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 164 จิตใจแสนคับแคบ

สวี่ชิงชะงัก กวาดตามองไปยังผิงกั่วเหล่านั้นบนพื้น

โดยเฉพาะตอนที่มองเห็นผิงกั่ว ยังสังเกตเห็นถึงผิงกั่วลูกใหญ่อีกหลายลูกในนั้น สวี่ชิงอยากรู้มากว่าอีกฝ่ายนำของตั้งมากมายขนาดนี้ใส่ไปในชุดคลุมได้อย่างไร

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนั้นเดิมทีกำลังถอยหลังอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เองก็ชะงักไป ผ้าคลุมหัวหลุดร่วง ยังไม่เผยหน้าตา แต่เส้นผมกลับห้อยลงมาบางส่วน

สายตาเขาตกอยู่ที่ผิงกั่วบนพื้นเช่นกัน

จากนั้นทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน สายตาประสานกันกลางอากาศ

สวี่ชิงนิ่งงัน

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวก็นิ่งงันเช่นกัน

ตอนนี้บนพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง น้ำทะเลด้านนอกเกาะซัดโถมเข้ามาฉับพลัน ห่างออกไปมีเสียงสนั่นครืนครันสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเสียงหนึ่งดังมา สะท้อนก้องไปทั้งแปดทิศราวกับเทพเจ้าร้องคำราม ทำให้ฟ้าดินทั้งหมดเหมือนเกิดพายุคลั่งขึ้น

ยิ่งมีแสงสีม่วงสายหนึ่งแผ่มาจากที่ไกลๆ ราวกับทะเลแสง เมื่อมองอย่างละเอียดจะเห็นว่า แสงผืนนี้รวมถึงสถานที่ที่ส่งเสียงครืนครันนี้มาก็คือเกาะเผ่าเงือกนั่นเอง

นี่คือ…พลังกระแสน้ำขึ้นแห่งค่ายกลเจ็ดเนตรโลหิตที่บรรยายไว้ในภารกิจของสวี่ชิง

ภายใต้การปกคลุมของทะเลแสงนี้ ข้อจำกัดการส่งข้ามที่มาจากเผ่าสิงซากสมุทรในหมู่เกาะไข่มุกแห่งนี้จะถูกสะกดไว้ชั่วขณะ ทำให้ค่ายกลส่งข้ามบนหมู่เกาะมีพลังเปิดใช้งานขึ้นมาระดับหนึ่ง

พริบตาต่อมา ค่ายกลส่งข้ามที่ถูกศิษย์ยอดเขาลำดับห้าจัดการอยู่ในหุบเขาด้านหลังสวี่ชิงก็เปล่งแสงเจิดจ้าจากท้องฟ้าที่ถูกแสงม่วงปกคลุม ศิษย์ชุดแรกที่ยืนอยู่ด้านในนั้น ร่างกายสลายหายไปทันที ถูกส่งตัวข้ามไป

ขณะเดียวกัน ค่ายกลส่งข้ามบนหมู่เกาะไข่มุกก็ล้วนปรากฏเรื่องแบบเดียวกันขึ้น

ภาพนี้สวี่ชิงสังเกตเห็นแล้ว แต่กลับไม่ใส่ใจ เขายังสัมผัสได้อีกด้วยว่าในหุบเขาด้านหลังเวลานี้ การส่งข้ามชุดที่สองกำลังเตรียมความพร้อม และเหมือนว่าจะดำเนินการขึ้นในอีกไม่นานนี้

แต่สวี่ชิงกลับรู้สึกสนใจเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวตรงหน้ายิ่งกว่า

ดังนั้นพริบตาที่สายตาประสานกับเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวนี้ สวี่ชิงก็พุ่งตัวออกไปฉับพลัน ความเร็วใต้สภาวะแสงนภาน่าตกตะลึง โดยเฉพาะพลังที่ตะเกียงแห่งชีวิตแผ่ออกมา ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น เพียงพริบตาก็เข้าประชิดเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาว ครั้งนี้ไม่ใช่ที่คอ แต่เป็นที่เส้นผมของอีกฝ่าย ใช้มือดึงมากำหนึ่ง

เหมือนว่าตอนนี้เขาสนใจเส้นผมของเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้เป็นอย่างมาก

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนี้สูดลมหายใจ ไฟชีวิตในร่างระเบิดขึ้นในพริบตาอีกครั้ง ระลอกคลื่นน่ากลัวที่ก่อตัวขึ้นแผ่กระจายออก เบี่ยงตัวหลบการคว้าของสวี่ชิง ร่างกายบิดหมุนเข้าต่อสู้กับสวี่ชิง

เสียงครืนครันสะท้อนก้องฟ้า ผู้บำเพ็ญในหุบเขามองเห็นความเร็วของร่างกายสวี่ชิงไม่ชัด ต่อให้เป็นหญิงสาวยอดเขาลำดับสองคนนั้นเวลานี้เปิดสภาวะแสงนภาขึ้นอย่างตึงเครียดที่ยังไม่ได้ส่งข้ามไปก็มองไม่ชัดเช่นกัน มองเห็นเป็นเพียงภาพคงค้างเท่านั้น

พื้นดินสั่นสะเทือน รอบด้านมีเสียงปะทะที่น่ากลัวดังออกมาไม่หยุด เพียงพอที่จะเผยอันตรายของศึกในครั้งนี้

และเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนั้นก็ลงมืออย่างเฉียบคม ต่อสู้กับสวี่ชิงที่ด้านนอกหุบเขาอย่างถึงใจ และยังคอยปกป้องเส้นผมของตนเองอีกด้วย

เขาก็ไม่ธรรมดาจริงๆ บรรพชนสำนักวัชระทำอะไรไม่ได้เลยระหว่างที่เขาลงมือ ไล่ไม่ทัน มองก็ไม่ชัด

ต่อให้เป็นเจ้าเงาเองก็เช่นกัน เมื่อเทียบกับเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวแล้ว ความเร็วของมันช้าเกินไป

มีเพียงสวี่ชิงที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม หลายครั้งคิดจะเล่นงามผมของอีกฝ่าย ตอนนี้ระหว่างที่ยกมือขวาขึ้นพลังเวทก็ขยายตัวแล้วซัดไปหนึ่งหมัด ร่างกายโยกออกข้างฉับพลัน หลังจากหลบศอกของเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวแล้ว ก็แทงหัวเข่าของเขาแรงๆ เป้าหมายคือช่วงล่างของอีกฝ่าย

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวหน้าเปลี่ยนสี

แต่เขาเองก็เป็นคนดุดันคนหนึ่ง ยกมือข้างหนึ่งตบลงไปแรงๆ บนหัวเข่าของสวี่ชิง อ้าปากพ่นพิษศพเข้มข้นใส่

เมื่อพิษนี้พ่นออกมา ทั้งตัวสวี่ชิงก็เหมือนจะถูกกัดกร่อน แต่เขายังสีหน้าปกติ หลังจากหัวเข่าถูกสกัดก็บิดร่างกาย ขาซ้ายฟาดกวาดไปทางเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาว เป้าหมายคือศีรษะที่เชื่อมอยู่กับเส้นผม

เสียงตูมดังขึ้น พวกเขาสองคนตัดสลับกัน จังหวะที่ทั้งสองฝ่ายแยกจากกัน สวี่ชิงก็ประกบปางมือและมีเพลิงสีดำหลายดวงกระจายออกมาจากทั้งตัวเขาทันทีจนกลายเป็นฝ่ามือเพลิงหลายฝ่ามือ พุ่งตรงไปทางเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาว

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนี้หายใจหอบถี่ เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ดุเดือดจนถึงตอนนี้สำหรับเขาแล้วก็สิ้นเปลืองพลังไปมหาศาลเช่นกัน จึงคำรามเสียงต่ำทำปางมือด้วยแขนข้างเดียวขึ้นด้านหน้า กดไปที่สวี่ชิงฉับพลัน

การกดครั้งนี้ ความว่างเปล่าเบื้องหน้าเขายุบตัวลงทันที แผ่ลามเข้าหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงก็หน้าเปลี่ยนสี โยกตัวหลบในพริบตา ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

แต่เพิ่งจะโยกหลบ สร้างฐานชุดขาวนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้นฉับพลัน มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าเขา กดลงมาหนักๆ อีกทีหนึ่ง

สวี่ชิงมุมปากเลือดไหล หลังจากร่างกายถอยไปนับร้อยจั้ง ก็เพิ่มความเร็วเข้าประชิดใหม่อีกครั้งเช่นกัน ภาพมายาดาบสวรรค์ปรากฏขึ้นนับสิบเล่ม ฟาดฟันลงมาแรงๆ ติดกัน

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนั้นรูม่านตาก็หดลง ฉากหลบไม่ทัน ตอนที่เสียงดังครืนครันร่างกายก็ถูกซัดถอยไปนับร้อยจั้ง ขณะที่กระอักเลือดสดก็พุ่งตัวออกมาอีกครั้ง

สวี่ชิงก็เช่นกัน จังหวะที่ร่างทั้งสองสัมผัสกันกลางอากาศ สวี่ชิงงอเข่า เสยไปที่ช่วงล่างของอีกฝ่ายอย่างแรงอีกครั้ง

เหมือนช่วงท่อนล่างของอีกฝ่ายก็คือจุดอ่อนของอีกฝ่ายจากความรู้เขา

สิงซากสมุทรชุดขาวนั่นก่นด่นมาคำหนึ่ง แต่ก็ถูกเสียงครืนครันกลบมิด

ในตาเขามีความบ้าคลั่งปรากฏออกมา ครั้งนี้ไม่เข้าไปสกัดขวางแล้ว แต่งอเข่า…พุ่งปะทะกับสวี่ชิงแรงๆ กลางอากาศ

ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็คว้าผมของอีกฝ่ายได้ในที่สุด ออกแรงกระชากออกมากระจุกหนึ่ง

จากนั้นจึงมีเสียงหึเสียงหนึ่ง เสียงโอดครวญอีกเสียงหนึ่ง ดังออกมาจากปากของคนทั้งสอง

สวี่ชิงที่ส่งเสียงหึ ส่วนคนที่โอดครวญคือเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาว แม้เสียงจะไม่เหมือนกัน แต่ทั้งสองคนก็ถอยหลังไปแบบเดียวกัน หัวเข่าบิดงอไม่เป็นธรรมชาติทั้งคู่

แต่ว่าเมื่อเทียบกับสวี่ชิง หัวเข่าของเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนี้ขณะที่บิดงอก็ยังเว้าลึกลงไปด้วย เห็นได้ชัดว่าเจ็บหนักกว่า เหงื่ออาบหน้าผากอย่างเจ็บปวดยิ่งกว่า

ขณะที่สวี่ชิงถอยหลังดวงตาก็เกิดประกาย ชูเส้นผมในมือขวาขึ้นโบกน้อยๆ ต่อหน้าเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาว เส้นผมก็กลายเป็นฝุ่น สลายหายไป

ภาพนี้ เหมือนกับภาพในอดีตไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่ว่าครั้งนั้นแค่เส้นเดียว แต่ตอนนี้กลับเป็นกระจุก

เมื่อเส้นผมสลายไป สวี่ชิงก็กระเหี้ยนกระหือรือจะพุ่งเข้าไปอีก ด้านหลังของเขาก็มีเสียงร้อนรนแว่วขึ้นมา

“สหาย คลื่นน้ำขึ้นจะสิ้นสุดแล้ว นี่เป็นการเปิดส่งข้ามครั้งสุดท้ายแล้ว!”

เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็หรี่ตาลง ตอนนี้เอง ที่ขอบฟ้าห่างออกไปก็มีเปลวไฟโถมฟ้าสีดำวูบหนึ่งลุกขึ้นมา เหมือนจะครอบทับท้องฟ้าลงมาส่วนหนึ่ง

ในเปลวเพลิงนี้มีเงาของเผ่าสิงซากสมุทรคนหนึ่ง มองไกลๆ เหมือนจะเป็นคนแคระ มือไพล่หลังตรงเข้ามายังหมู่เกาะไข่มุกทางนี้

ทุกจุดที่ผ่านน้ำทะเลล้วนแยกออกกลายเป็นร่องยักษ์เหมือนหุบเขาตามความเร็วที่เขาเดินเข้ามา

ทั้งหมู่เกาะไข่มุกล้วนกำลังสั่นสะเทือน แรงกดดันที่น่ากลัวทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆพัดวน

สวี่ชิงดวงตาแข็งเกร็ง ถอยหลังกลับไปในหุบเขาอย่างไม่ลังเลฉับพลัน และตอนนี้การส่งข้ามชุดที่สองก็เสร็จสิ้นแล้ว ส่งข้ามชุดที่สามกำลังจะเริ่ม

กลุ่มเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่ในค่ายกลส่งข้าม เดิมทีก็จับตาดูศึกนั้นของสวี่ชิงอย่างใกล้ชิด เฝ้ารอการเปิดของค่ายกลอย่างร้อนรน และกำลังรอให้สวี่ชิงกลับเข้ามา

เมื่อเห็นสวี่ชิงปรากฏตัวขึ้นในพริบตา ศิษย์ยอดเขาลำดับห้าในนี้ก็เปิดค่ายกลส่งข้ามอย่างไม่ลังเลทันที หยิบยืมคลื่นน้ำขึ้นในอากาศ ค่ายกลส่องสว่างจ้าขึ้นฉับพลัน

และเวลานี้เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวนอกหุบเขาคนนั้นก็ไม่ได้ไล่ตามมา

เขาจ้องสวี่ชิงที่ยืนอยู่ทางนั้นเขม็ง ทั้งสองคนประสานสายตากันโดยมีค่ายกลคั่นกลาง ต่างเห็นความแปลกประหลาดในดวงตาของกันและกัน

พริบตาต่อมา สายตาของพวกเขาถูกแสงค่ายกลขวางกั้น การส่งข้ามเริ่มขึ้น คนทั้งหมดในค่ายกลรวมถึงสวี่ชิงสลายหายไปในพริบตา

จนกระทั่งพวกของสวี่ชิงจากไปแล้ว เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนี้จึงหันหน้าไปมองเส้นขอบฟ้า หลังจากที่เห็นว่าผู้บำเพ็ญหลอมตันเถียนเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้นตรงไปยังเกาะอื่น เขาก็เจ็บจนเข็ดฟัน ส่งเสียงสูดปากออกมา

มือซ้ายออกแรงนวดหัวเข่า จากนั้นจึงลูบไปยังศีรษะที่ผมหายไปกระจุกหนึ่ง ในใจก็ก่นด่าขึ้นมา

“นี่มันอะไรกัน ไม่เจอกันไม่เท่าไร เจ้าเด็กนี่ก็ร้ายกาจขึ้นขนาดนี้เสียแล้ว เจ็บชะมัด

“โดยเฉพาะเจ้าเด็กนั่นน่าจะมองออกว่าเป็นข้า ถึงกับเล็งมาเล่นงานส่วนล่างของข้าโดยเฉพาะเลย แล้วยังมากระชากผมข้าเหมือนกับแค้นเคืองกันอีก ให้ตายเถอะ ไม่เคารพนายกองเอาเสียเลย ข้าเคยดึงผมเขามาแค่เส้นเดียวเองไม่ใช่หรืออย่างไร!!

“เห็นว่าข้ามันง่ายนักหรือ แผนการใหญ่นั่นจำเป็นต้องมีหัวใจระดับสูงของเผ่าสิงซากสมุทร แล้วเจ้าสิ่งนี้ทำได้แค่เอาคุณงามความดีของเผ่าสิงซากสมุทรไปแลก จนข้าต้องจ่ายไปตั้งมากมาย กว่าจะแปลงเป็นเผ่าสิงซากสมุทรได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้

“เดิมแค่จะเข้าไปขู่ จากนั้นเอาเตาหลอมยากลับไปแลกแต้มคุณงามความดีเสียหน่อยพอเจอเจ้าเด็กนี่ข้าก็แค่คิดจะปิดบังตัวตน ทุบตีเขาแล้วบันทึกภาพไว้เพื่อล้างแค้นเรื่องที่ปล่อยพิษในอุโมงค์เกาะเงือกเมื่อครั้งนั้นแค่นั้นเอง

“เจ็บจริงๆ!” เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนี้โบกแขนขวาที่แหลกเละไปแล้วกว่าครึ่ง ไม่รู้ว่าใช้วิธีการใด พอคำรามเสียงต่ำ ท่อนแขนก็งอกออกมาใหม่อีกครั้ง

หลังจากหายใจหอบถี่ พักหนึ่งก็ฟื้นคืนกลับมา ก่นด่าไปพลางเดินกะโผลกกระเผลกไปยังจุดที่ผลไม้หล่นอยู่

เวลานี้ผลไม้ส่วนใหญ่ล้วนเละเทะจากการลงมือของทั้งสองคนก่อนหน้า มีเพียงผิงกั่วอีกครึ่งผลที่ยังอยู่ถูกเขาเก็บขึ้นมาอย่างปวดใจ มองไปรอบๆ จากนั้นจึงกัดลงไปคำหนึ่ง

แต่ครู่ต่อมา เขาก็ถลึงตาโต พ่นออกมาอย่างรวดเร็ว

“ผิงกั่วมีพิษด้วย!”

เผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวคนนี้ด่าไปคำหนึ่ง แอบคิดว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ในฐานะที่เป็นนายกองจะเสียหน้าไม่ได้ จากนี้ต้องหาโอกาสปลดผนึกอีกสักครั้ง แล้วสั่งสอนเจ้าเด็กนี่เสียหน่อย ต้องคอยรักษาศักดิ์ศรีของตนเองเอาไว้

ถึงแม้ตอนนี้ตนเองยังทนรับการปลดผนึกอีกครั้งไม่ไหว แต่เพื่อศักดิ์ศรี เขารู้สึกว่าต้องกู้หน้าคืนกลับมา จากนั้นเขาจึงโยกตัวออกไปพร้อมกับความคิดนี้

ขณะเดียวกัน บนเกาะหมีเอ้อของเผ่าเงือก เงาของพวกสวี่ชิงปรากฏมาจากด้านในแสงสว่างของค่ายกลส่งข้ามจุดหนึ่ง เมื่อเพิ่งเดินออกมาสวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดของกรมสั่งการแนวหน้า รอบๆ มีเงาหลายร่างบินหวีดหวิวผ่านไปไม่หยุด

ไฟสงครามครืนครันร้อนแรงอยู่ไกลๆ คนทั้งหมดล้วนวุ่นวายกว่าก่อนหน้า ตอนนี้เมื่อพวกเขาถูกส่งข้ามออกมากว่าครึ่งก็ประสานมือขอลามาทางสวี่ชิง

หญิงสาวไฟชีวิตจากยอดเขาลำดับสองคนนั้นก็เช่นกัน หลังจากแลกเปลี่ยนแผ่นหยกสื่อเสียงกับสวี่ชิงแล้ว ก็รีบร้อนจากไป

กู้มู่ชิงเองก็เช่นกัน ก่อนหน้าจะจากไปก็หันมาลาสวี่ชิง สวี่ชิงเองก็นำเอาแผ่นหยกควบคุมลูกกลอนต้องห้ามชิ้นนั้นคืนแก่นาง ก่อนหน้าที่จะออกมา เขาเปิดใช้งานลูกกลอนต้องห้ามไว้แล้ว

“ศิษย์พี่สวี่ ภารกิจของข้ากับเพื่อนร่วมสำนักยังไม่เสร็จสิ้นดี ถัดจากนี้ต้องไปเปิดใช้งานลูกกลอนต้องห้ามอีกชิ้นหนึ่งในอีกสถานที่หนึ่ง ข้าได้ยินอาจารย์บอกว่าสงครามครั้งนี้เจ็ดสำนักโลหิตของพวกเราเตรียมการไว้หลายปีแล้ว จะต้องชนะอย่างแน่นอน จากนี้จะมีการเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตขึ้นอีก ศิษย์พี่ดูแลตนเองด้วย”

กู้มู่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา สีหน้าลังเลเล็กน้อย จู่ๆ ก็เข้าใกล้สวี่ชิงขึ้นอีกนิด และพูดขึ้นเสียงเบามาประโยคหนึ่ง

“ข้าเป็นศิษย์หลัก ดังนั้นหลายครั้งจึงต้องไปทำภารกิจบางส่วนให้สำเร็จ แต่ความจริงแล้วศิษย์ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ โดยเฉพาะ…ภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเกาะคุ้มครองทั้งเจ็ดของเผ่าสิงซากสมุทร ศิษย์พี่ห้ามรับโดยเด็ดขาด…”

พูดจบ กู้มู่ชิงโค้งคำนับมาทางสวี่ชิง และออกไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงครุ่นคิด ล้วงป้ายภารกิจออกมาตรวจดู ภารกิจช่วยเหลือของเขาเปลี่ยนสถานะเป็นเสร็จสิ้นแล้ว และมีภารกิจอีกมากมายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สวี่ชิงกวาดตามอง ในหัวกลับมีภาพเผ่าสิงซากสมุทรชุดขาวที่ประมือกับตนเองก่อนหน้าคนนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรอีกฝ่ายก็คือเผ่าสิงซากสมุทรแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นพิษศพก็ยังสอดคล้องกับจุดเด่นของเผ่าสิงซากสมุทรด้วย แต่เมื่อสวี่ชิงลงมือไปหลายครั้งก็สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย

เขาคุ้นเคยกับสายตาของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวลงมือของอีกฝ่ายบางอย่าง เขาก็เหมือนจะเคยรู้เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะผิงกั่วที่ร่วงเต็มพื้นเหล่านั้น

‘นายกองกลายเป็นเผ่าสิงซากสมุทรได้อย่างไร หรือว่าเขาจะไปติดใจอะไรในเผ่าสิงซากสมุทรเข้า ดังนั้นเลยใช้วิธีที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ปลอมแปลงตนเองจนกลายเป็นเผ่าสิงซากสมุทรอย่างนั้นหรือ

‘แน่นอนว่าเป็นไปได้ที่เขาจะโชคไม่ดี ถูกเผ่าสิงซากสมุทรจัดการ แล้วแปรสภาพเขาจนกลายเป็นเผ่าสิงซากสมุทร’

ถ้าหากเป็นคนอื่น สวี่ชิงคงรู้สึกว่าข้อสองมีความเป็นไปได้มากกว่า แต่ถ้าหากเป็นนายกองล่ะก็ เขารู้สึกว่าความเป็นไปได้ของข้อแรกดูจะสอดคล้องกับนิสัยที่บ้าคลั่งของอีกฝ่ายมากกว่า

‘แต่ว่าด้วยใจคอที่คับแคบของหัวหน้า ครั้งนี้คงจะไม่ยอมเป็นแน่ พลังบำเพ็ญของเขาคาดเดาไม่ได้ บางทีหลังจากนี้คงจะหาโอกาสเล่นงานกลับ ข้าต้องรีบเปิดช่องเวทเสียแล้ว!’

สวี่ชิงเผยสีหน้าจริงจัง