เมื่อออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว น้ำตาที่กลั้นไว้นานก็ไหลออกมาอย่างไม่หยุด
เฉียวโยวโยวเดินไปตามถนนในต่างแดน สายตาของเธอพร่ามัว และเธอไม่รู้ว่าตัวเองนั้นจะไปที่ไหน
ก่อนที่เธอจะเดินทางมานั้น เธอคิดว่าฟู้เจียนปอพักอาศัยอยู่นอกโรงเรียน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้จองโรงแรม และตั๋วเครื่องบินบินกลับกำหนดเดินทางนั้นคืออีกสี่วันข้างหน้า
แต่ในตอนนี้ ……
พวกเขาคบกันมาก็ตั้งนานแล้ว เธอไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อมาหาเขา สิ่งที่เธอเจอนั้นไม่ใช่ความเซอร์ไพรส์แต่กลับเป็นความตกใจ
นั่นคือมิตรภาพที่เรามีมาตั้งแต่เด็กเชียวนะ! แม้แต่หลานเสี่ยวถางยังเคยพูดเลยว่า เธอรู้สึกว่าคู่รักทุกคู่ในโลกอาจจะเลิกรากัน แต่สำหรับคู่ของเธอและฟู้เจียนปอเป็นคู่ที่เหมาะสมกับมากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเลิกกันอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้!
แม้ว่าโดยปกติแล้วเธอจะเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจอะไรเลย แต่สำหรับฟู้เจียนปอแล้ว สามารถพูดได้ว่าเพื่อเขาแล้วเธอทุ่มเทให้เขาทั้งร่างกายและจิตใจ!
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของเธอสั่น เฉียวโยวโยวเช็ดน้ำตาของเธอ และมองดูหน้าจอมือถือ
ข้อความนั้นถูกส่งมากจากหลานเสี่ยวถาง ภาพชายหาดที่มีแสงแดดสาดส่อง เป็นช่วงเวลาที่หลานเสี่ยวถางกำลังกระโดดเล่นบนชายหาดแล้วถูกแอบถ่าย
เฉียวโยวโยวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรหาหลานเสี่ยวถางโดยไม่คำนึงถึงค่าโทรการโรมมิ่งระหว่างประเทศเลยสักนิด
หลานเสี่ยวถางรีบกดรับสายทันที: “โยวโยว?เธอเจอเจียนปอแล้วหรือยัง?”
“เสี่ยวถาง เธออยู่ที่ไหน?” เฉียวโยวโยวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันอยู่บนเกาะซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย” หลานเสี่ยวถางกล่าว
“ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้” เฉียวโยวโยวกล่าว: “รอฉันด้วยนะ ฉันจะซื้อเที่ยวบินที่เร็วที่สุด”
“หือ?” หลานเสี่ยวถางถามด้วยความสงสัย: “เธอเพิ่งไปถึงลอนดอนเองไม่ใช่เหรอ?เจียนปอก็มาด้วยกันเหรอ?”
“แค่ฉันคนเดียว” เฉียวโยวโยวกล่าว
“โอ้ ดีแล้ว” หลานเสี่ยวถางรู้สึกมึนงงเล็กน้อย: “ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยจองห้องเพิ่มอีกห้องหนึ่งนะ!มีอีกเรื่องหนึ่ง คืนพรุ่งนี้ฉันคงต้องเดินทางกลับหนิงเฉิงแล้วล่ะ ……”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากเจอเธอ” ในขณะที่เฉียวโยวโยวพูดอยู่ เธอก็วางสายทันที จากนั้นก็ทำเรื่องคืนตั๋วที่จะเดินทางในสี่วันข้างหน้า ซึ่งเธอก็ไม่สนใจราคาว่าราคาตั๋วนั้นจะแพงแค่ไหน เธอซื้อเที่ยวบินบินตรงไปที่มาเลเซียทันที
เมื่อเธอไปถึงสนามบิน เธออดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นว่าเป็นเที่ยวบินของมาเลเซียแอร์ไลน์
อกหัก……เธอจะขาดการติดต่อไหม?
เที่ยวบินนั้นเป็นเที่ยวบินของผู้โดยสารที่เดินทางตั้งแต่ช่วงดึกจนถึงเช้าตรู่ เฉียวโยวโยวทานอะไรง่ายๆ จากนั้นไม่กล้าคิดอะไรอีก เธอจึงนั่งอยู่ในห้องรับรองผู้โดยสารด้วยอาการที่เหม่อลอย
ขณะนี้โทรศัพท์ของเธอสั่นถี่ๆ
เธอหยิบมันขึ้นมาดูและเห็นว่าข้อความนั้นถูกส่งมาโดยเจียนปอ: “โยวโยว คุณบอกว่าคุณต้องการที่จะเซอร์ไพรส์ผม มันคือเรื่องอะไรกันเหรอ?”
มือของเธอสั่นอย่างรุนแรง: “คุณอยู่ที่ไหนคะ?”
“ผมเพิ่งสอบเสร็จก็ส่งข้อความหาคุณทันที” ฟู้เจียนปอกล่าว :“ผมใกล้ถึงบ้านแล้วล่ะ”
“การสอบของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉียวโยวโยวถาม
“ดีมาก!” ฟู้เจียนปอกล่าวว่า: “โยวโยว หลังจากที่ครั้งนี้ผมสอบเสร็จแล้ว และในเดือนหน้าการเรียนก็จะสิ้นสุดลง หลังจากที่สอบวิทยานิพนธ์เสร็จแล้ว ผมก็สามารถกลับไปหาคุณได้แล้วล่ะ!”
ในตอนนี้ เฉียวโยวโยวอยากจะถามมากว่า แล้วผู้หญิงที่อยู่ในบ้านคนนั้นล่ะเธอเป็นใคร ? เห็นได้ชัดว่าพวกคุณใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานแล้วใช่ไหม?
เธอพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์แล้วลบซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้ง จนกระทั่งฟู้เจียนปอส่งข้อความกลับมาหาเธออีกครั้ง
“โยวโยว ผมเพิ่งกลับมาถึงบ้าน และเห็นว่ามีคนส่งของมากมายมาให้ผม เป็นของที่ผมชอบทุกอย่างเลย!” ฟู้เจียนปอกล่าว“ผมได้ยินจากภรรยาเจ้าของบ้านพูดว่าเพื่อนบ้านของคุณยายผม ฝากเธอเอามาให้ผม! คาดไม่ถึงเลยว่า เธอจะเอาของมากมายขนาดนี้มาให้ เธอไม่ยอมทิ้งข้อมูลให้ผมติดต่อเธอได้เลย ผมไม่สามารถขอบคุณเธอได้ และเชิญเธอไปทานอาหารเย็นด้วยกัน!”
เมื่ออ่านข้อความถึงนี่ อารมณ์ที่เฉียวโยวโยวกลั้นไว้อยู่นั้น มันก็ไม่สามารถควบคุมไว้ได้อีกต่อไป เธอถือโทรศัพท์ไว้ และน้ำตาไหลอย่างไม่หยุด
ข้างๆ เธอนั้นมีชายชาวอังกฤษคนหนึ่งเดินเข้ามาและพูดกับเธอว่า: “คุณผู้หญิงครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ไม่สบายหรือเปล่าครับ?”
เธอส่ายหัว: “ฉันสบายดีค่ะ ฉันแค่คิดถึงบ้านนิดหน่อย”
บางทีอาจเป็นเพราะว่ารอเฉียวโยวโยวตอบกลับเป็นเวลานาน ฟู้เจียนปอส่งรูปมาให้เธออีกหนึ่งใบ ซึ่งเป็นสิ่งของเหล่านั้นที่เธอวางไว้ก่อนหน้านี้
ฟู้เจียนปอกล่าวว่า :“โยวโยวดูสิ มันเยอะมากเลยใช่ไหม ?คุณแม่ของผมก็จริงๆเลย ฝากให้ผู้หญิงถือของมามากมายขนาดนี้ ทำให้ลำบากจริงๆเลย! ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีจริงๆ แต่เสียดายที่ผมไม่สามารถขอบคุณเธอต่อหน้าได้!”
เฉียวโยวโยวปาดน้ำตาของเธอ และหัวเราะเยาะตัวเอง: “บางที หลังจากที่เธอมอบของให้เขาแล้ว เธออาจรู้สึกดีขึ้นก็เป็นได้?”
“ฮ่าฮ่า คุณหมายความว่าการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องสนุกอย่างนั้นหรือ?” ฟู้เจียนปอกล่าวว่า:“โยวโยว ผมชอบคุณที่คุณเป็นคนที่เรียบง่ายและอารมณ์ดีแบบนี้แหละ! ในวันชาติ เราเจอกันนะ ผมคิดถึงคุณมาก คุณคิดถึงผมหรือเปล่า ? ”
เฉียวโยวโยวบีบโทรศัพท์แน่น ลองคิดดูแล้วกันว่าถ้าเป็นเทปกาว คงถูกเธอขย้ำจนเสียรูปทรงแล้วล่ะ
เธอตอบกลับเขาว่า: “อืม ฉันก็คิดถึงเหมือนกัน”
“เมื่อผมเรียนจบแล้ว เราจะแต่งงานกันนะ ” ฟู้เจียนปอกล่าวว่า: “ผมอยากแต่งงานกับคุณตั้งนานแล้ว นี่เป็นความฝันของผมตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก!”
เมื่อเฉียวโยวโยวเห็นประโยคนี้ ก่อนหน้านี้นั้นมันเป็นคำที่ทำให้เธอไม่คิดจะสงสัยเลย แต่ในตอนนี้ มันเต็มไปด้วยการประชดประชันอย่างไม่มีข้อกังขา
ผ่านไปสักพัก เธอถามเขาว่า :“เจียนปอ คุณรักฉันไหมคะ?”
ฟู้เจียนปอรีบตอบกลับทันทีว่า: “แน่นอนสิว่าผมรักคุณที่สุดและจะรักคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เมื่อเฉียวโยวโยวเห็นประโยคเหล่านี้ เธอจึงปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ
ในเวลานี้ ในห้องผู้โดยสารรอขึ้นเครื่องประกาศว่าได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว เธอจึงก้าวขึ้นเครื่องและนั่งที่เบาะริมหน้าต่าง
บังเอิญว่าชายชาวอังกฤษคนนั้นที่ถามเธอเมื่อกี้นี้ก็ได้นั่งข้างๆ เธออีกด้วย
เขาเห็นเธอและยิ้มให้เธอ: “คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ” เฉียวโยวโยวยิ้มอย่างไม่เต็มใจ: “คุณก็ถือซะว่าสุนัขที่ฉันเลี้ยงมานานกว่า 20 ปี และได้ตายจากไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นเมื่อกี้นี้ฉันร้องไห้ได้อย่างเศร้าโศกเสียใจอย่างมากสินะ!”
ชายคนนั้นรู้สึกขบขันกับเรื่องตลกของเธอ: “ถ้าอย่างนั้นชีวิตของสุนัขของคุณนั้นอายุยืนยาวมากจริงๆเลยนะครับ!”
“ใช่ อายุมันค่อนข้างยาว แต่ว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอีกต่อไปแล้วล่ะ” เฉียวโยวโยวพูดด้วยตาที่แดงก่ำ: “ถ้าเลี้ยงแล้วมันยังตาย เมื่อตายแล้วก็ต้องมาโศกเศร้าเสียใจอีก ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอีก?”
ชายคนนั้นพูดว่า: “ผมชื่อ Luis คุณผู้หญิงครับ ผมสามารถทำความรู้จักกับคุณได้ไหมครับ ?”
โดยปกติเฉียวโยวโยวจะไม่ชอบคนที่เข้ามาทำความรู้จักแบบนี้ แต่ว่า ในขณะนี้สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดมันก็ได้ดังก้องขึ้นในหูของเธออีกครั้ง โดยบอกว่าฟู้เจียนปอใช้เสื้อกันลมตัวนั้น คลุมให้กับเธอเพื่อกันลมและกันฝนให้กับเธอ
ดังนั้นเธอจึงหันไปหาคุณ Luis และพูดว่า “ฉันชื่อโยวโยว ฉันดีใจที่ได้รู้จักคุณ!”
“มีเฟสบุ๊คไหมครับ”คุณ Luis ถาม
“มีค่ะ ” เฉียวโยวโยวก็เคยเรียนที่ต่างประเทศด้วย ดังนั้นการมีเพื่อนเป็นคนต่างชาตินั้นมันก็ไม่แปลก หลังจากที่สนทนากันอยู่ครู่หนึ่งทั้งคู่ก็เพิ่มเพื่อนอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ เครื่องบินกำลังจะขึ้นแล้ว เฉียวโยวโยวคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
เมื่อเครื่องบินแล่นและความเร็วก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบินขึ้นไปบนอากาศ
แสงจ้าด้านล่างค่อยๆ มีขนาดเท่ากับมด
เมื่อเฉียวโยวโยวนึกถึงคำพูดที่ฟู้เจียนปอพิมพ์มานั้น เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รักเธอ เพียงแต่ความรักระยะไกลเช่นนี้ สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงหลงใหลในความปรารถนา บางทีอาจเป็นเพราะสรีรวิทยา บางทีแค่รู้สึกเบื่อและอยากจะหาคู่คุย สรุปสั้นๆ เขาได้ทำทุกวิถีทางแล้ว แม้ว่าเขาจะกลับมาสู่เส้นทางเดิมเมื่อเรียนจบ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงพลาดทิวทัศน์ระหว่างทางอยู่ดี
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่ครับ” คุณ Luisพูดอยู่ข้างๆ
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่จู่ๆ ก็พบว่าฉันอยากเกลียดใครสักคนจริงๆ” เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าการเปิดใจคุยกับคนแปลกหน้าที่เธอเพิ่งพบนั้นเป็นเรื่องง่าย
“โยวโยว ผมพบว่าคุณเป็นสาวเอเชียที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง” คุณ Luis กล่าว:“ผมสามารถจีบคุณได้ไหม?”
“แล้วคุณโสดไหมคะ?” เฉียวโยวโยวถามกลับ
คุณ Luis ตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ: “ถ้าจีบคุณติด ก็ไม่โสดแล้วล่ะ ”
“แต่ฉันไม่โสดนะ ฉันควรทำอย่างไรดีล่ะ?” เฉียวโยวโยวพูดทีเล่นทีจริง
คุณ Luis ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:“ คุณเพิ่งเลิกกับแฟนเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เหรอครับ?”
“คุณไม่ได้เรียนเกี่ยวกับจิตวิทยามาใช่ไหม?” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า: “แม้แต่ตัวฉันเอง ฉันยังไม่รู้เลยว่าเราเลิกกันแล้วหรือยัง!”
คุณ Luis กล่าวว่า:“ไม่สำคัญหรอก แม้แต่คบเป็นเพื่อนธรรมดาก็เล่นด้วยกันได้ ผมชอบรู้จักเพื่อนเยอะๆ เมื่อไปถึงที่มาเลเซีย คุณสามารถมาร่วมงานปาร์ตี้ของเราได้นะ!”
“ไม่แล้วค่ะ ฉันมีเพื่อนรออยู่ที่นั่นแล้ว รอโอกาสหน้าแล้วกันนะคะ!” เฉียวโยวโยวพบว่าแม้ว่าเธอจะโกรธและเกลียดชังมากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วตัวเองก็ไม่สามารถก้าวผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้เลย
“โอเค ถ้าเช่นนั้นโอกาสหน้าแล้วกันครับ!”
จากนั้นเฉียวโยวโยวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ทันใดนั้นเธอก็เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า
เป็นเพราะก่อนหน้านั้นเดินทางไปลอนดอน เธอไม่ได้นอนเพราะความตื่นเต้น ดังนั้น แม้ว่าเวลานี้หัวใจของเธอจะรู้สึกหดหู่แค่ไหน แต่เธอก็ยังผล็อยหลับไปและเธอก็ยังคงหลับสนิท
เวลาที่หลานเสี่ยวถางรอรับเฉียวโยวโยวคือเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในมาเลเซีย ทันทีที่เฉียวโยวโยวเห็นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปกอดหลานเสี่ยวถางแน่น และน้ำตาไหลก็ไหลลงมาไม่หยุด
ตั้งแต่รู้จักกันกันมาในสายตาของหลานเสี่ยวถางนั้น เฉียวโยวโยวจะเป็นคนที่อารมณ์ดีร่าเริงและมองโลกในแง่ดี สิ่งนี้ทำให้เธอตกใจมาก เธออดไม่ได้ที่จะตบหลังและปลอบโยน: “โยวโยว เกิดอะไรขึ้น? เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม ?เธอหยุดร้องไห้ก่อน เดี๋ยวเรามาช่วยกันหาทางออกกันนะ ……”
หลังจากนั้นไม่นาน อารมณ์ของเฉียวโยวโยวก็กลับมาเป็นปกติ และพูดกับหลานเสี่ยวถางประโยคหนึ่งว่า: “ฉันไปลอนดอน แต่ไม่เห็นฟู้เจียนปอ ฉันเห็นเพียงแค่มีผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ในห้องของเขา”
“เธอหมายความว่ายังไง?” หลานเสี่ยวถางไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน: “โยวโยว เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า บางทีอาจเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาหรือเพื่อนบ้านของเขาก็ได้นะ?เจียนปอดีกับเธอขนาดนั้น เขาไม่น่าจะ ……”
“ฉันไม่ได้เข้าใจผิดนะ เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของเขา ฉันเห็นนอนเตียงคู่ และบนเตียงนั้นยังมีชุดชั้นในของผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย แถมยังใช้ตู้เสื้อผ้าเดียวกันอีก” เฉียวโยวโยวสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า: “เสี่ยวถาง ฟู้เจียนปอเขานอกใจฉันแล้ว! เขาทำแบบนี้กับฉันได้อย่างไรกัน?!”
เมื่อเธอพูดประโยคสุดท้ายที่พึมพำกับตัวเองจบ เธอกอดศีรษะของตัวเองอย่างควบคุมไม่ได้ และนั่งยองๆ ลงกับพื้น และขยี้ผมของเธอจนยุ่งเหยิงหมดสภาพเลย
หลานเสี่ยวถางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และในเวลานี้เธอเหมือนคนที่กำลังหายใจไม่ออก
ความรู้สึกนี้เธอเข้าใจมันเป็นอย่างดี และสามารถพูดได้ว่า ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เธอก็อยู่ในอารมณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน
ในขณะนั้น เธอพุ่งเข้าไปในครัวและหยิบมีดทำครัว เธออยากจะฆ่าเขาทั้งคู่ที่ทำให้เธอเจ็บจนเกือบตายทั้งเป็นแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว เนื่องจากสือมูเฉินเข้ามาในชีวิตของเธอพอดี จึงทำให้เธอลืมความเจ็บปวดที่เธอได้รับและก้าวออกจากเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นออกมาได้โดยสิ้นเชิง
เธอย่อตัวลงและเอื้อมมือไปกอดเฉียวโยวโยว : “โยวโยว หยุดร้องไห้ได้แล้ว มันไม่คุ้มค่าที่จะเสียใจเพื่อเขา! ไม่ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนเธอก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ในตอนนั้นฉันก็สามารถก้าวผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นมาได้แล้ว ?วันนี้เราไปเที่ยวให้สนุกและลืมทุกอย่าง ดีไหม?”
“เสี่ยวถาง วันนี้ของที่ฉันเอาไปฝากเขาก็ยังอยู่ที่บ้านเขา เขาถ่ายรูปและส่งมาให้ฉันดู และพูดว่าคนที่ส่งของไปให้นั้นเป็นคนที่ดีจริงๆ!” เฉียวโยวโยวกอดหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง เธอลองคิดดู มันเป็นคำพูดที่ไม่ตลกไปหน่อยเหรอ?!”