“อาเฉิน นี่ภรรยาของคุณทำอะไรอยู่?” เวลานี้ฟู่สีเกอเดินเยื้องย่างเข้ามา แล้วพูดจาหยอกล้อ : “ฉันยังคิดว่าใคร? เฉียวโยวโยว? เพื่อนสนิทสองคนนี้กลับมาเจอกันที่สนามบินหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเลยใช่ไหม?”
“อ้าว รู้จักกันด้วยเหรอ?” หยานชิงเจ๋อเลิกคิ้ว : “สีเกอ ผู้หญิงสวยๆไม่สามารถเล็ดลอดตาทิพย์ของคุณไปได้เลยใช่ไหม?”
ฟู่สีเกอหัวเราะ : “น่าเสียดายที่เธอมีเจ้าของแล้ว เฮ้อ……”
หลังจากที่ทุกคนพูดหยอกล้อกันแบบนี้ เฉียวโยวโยวก็หยุดร้องไห้ เธอเช็ดน้ำตาและน้ำมูกอย่างเข้มแข็ง วิ่งไปที่หลานเสี่ยวถางแล้วพูดว่า : “เสี่ยวถาง วันนี้เราต้องมาสนุกกันให้สุดๆเลยนะ!”
“โอเค!” หลานเสี่ยวถางจับมือเฉียวโยวโยว : “วันนี้จะเป็นวันดีๆของเรา!”
“เอาละสาวๆ ออกทะเลกันเลย!” ฟู่สีเกอผิวปากและหันไปมองสือมูเฉิน : “อาเฉิน ไปเถอะ ไปอาณาบริเวณของคุณกัน!”
Times Group มีโครงการใหม่บนเกาะที่ไม่มีชื่อใกล้กับเกาะหลักอย่างเกาะซาบาห์ ทำเป็นโรงแรมรีสอร์ตสำหรับการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ยังไม่เปิดให้คนภายนอกมาใช้บริการ
เพียงแต่ตอนนี้คฤหาสน์ริมทะเลถูกสร้างขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้แต่พนักงานบนเกาะก็ได้รับการฝึกอบรมไว้แล้ว คาดว่าจะเปิดตัวให้คนภายนอกมาใช้บริการอย่างเป็นทางการในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน และเกาะเกาะนั้นเมื่อถึงเวลาก็จะมีการตั้งชื่ออีกด้วย
ระยะห่างระหว่างเกาะเล็กๆกับเกาะหลักนั้นไม่ไกลกันมาก เรือเร็วใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ไม่นานทั้งห้าคนที่นั่งเรือเร็วโดยการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็มาถึงบริเวณชายฝั่งของคฤหาสน์
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้บริการบนเกาะมีอย่างครบครัน ดังนั้นหลังจากที่ทุกๆคนมาถึง ก็ต่างไปเปิดห้องของตนเองกันก่อน จากนั้นก็ไปดื่มเหล้าที่บาร์กลางแจ้งด้วยกัน
คุณ Alax เป็นบาร์เทนเดอร์ที่ยอดเยี่ยม การเคลื่อนไหวที่สวยงามไหลลื่นเป็นธรรมชาติ จนได้คอกเทลสูตรพิเศษเรียงอยู่ตรงทั้งห้าคนอย่างคนละแก้ว
หลานเสี่ยวถางเห็นคอกเทลสีแดงตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะถาม : “คุณ Alax นี่เรียกว่าอะไรเหรอคะ?”
“นิพพาน” Alexมองเธอ : “ชีวิตหลังความตาย ยิ่งสามารถเพิ่มความโชติช่วงสว่างไสวมากขึ้น”
“น่าสนใจดี!” ฟู่สีเกอมองไปทางแก้วนั้นของตนเอง : “แล้วของฉันล่ะ?”
“ลืมเลือน” Alexมองเขา : “จำได้ว่ามีคำกล่าวในเรื่อง《เถ้าถ่านของกาลเวลา》ว่า สาเหตุที่ทุกๆคนมีความทุกข์ เป็นเพราะว่ามีความจำที่ดีเกินไป ฉะนั้นถ้าเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง จึงจะได้พบทะเลอันกว้างใหญ่และท้องนภาอันไพศาล”
แววตาของฟู่สีเกอลึกซึ้งขึ้นมา ในขณะเดียวกันดวงตาก็เหมือนกับมีอารมณ์เงียบเหงาพาดผ่าน เพียงแต่ไม่นานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบหนึ่งอึก : “ฉันจะลองดู ว่าอะไรที่เรียกว่าลืม……”
ของหยานชิงเจ๋อเป็น “หลงระเริง” Alexแค่พูดมาประโยคหนึ่งว่า คนเราไม่สามารถมีเหตุผลมากเกินไป แล้วก็ไม่สามารถทำตัวสบายๆเกินไปได้ แต่บังเอิญว่าหยานชิงเจ๋อเป็นคนที่มีเหตุผล และใช้ชีวิตอย่างสบายๆได้
“อย่างนั้นของเขาคืออะไรเหรอคะ?” หลานเสี่ยวถางมองไปที่แก้วของสือมูเฉิน
ตรงหน้าเขาดูเหมือนกับน้ำเปล่า ใสสะอาดไม่มีสี
“เหล้าแก้วนี้มีชื่อว่ากระจกใส” Alexกล่าวว่า : “เหล้าชนิดนี้เหมาะสมกับเวลาที่สุดแล้ว”
เพียงแต่เขาไม่ได้อธิบายเหตุผลที่เป็นรูปธรรม
ขณะที่หลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆกำลังลิ้มลองรสชาติอยู่ เฉียวโยวโยวก็ดื่มเหล้าจนหมดแก้วแล้ว นำแก้วเหล้าผลักไปตรงหน้า Alex : “เอามาอีกแก้วหนึ่ง!”
“โยวโยว คุณดื่มช้าๆหน่อยสิ……” หลานเสี่ยวถางกังวลว่าเธอจะดื่มจนเมามาย จึงต้องการจะห้ามปรามเธอ แต่สือมูเฉินกลับพูดว่า : “ให้เธอดื่มเถอะ ทุกๆคนล้วนผ่านประสบการณ์มาในชีวิต บางทีหลังจากที่ตื่นขึ้นมาทุกๆอย่างอาจจะชัดเจนขึ้นก็ได้”
ฉะนั้นไม่มีหลานเสี่ยวถางมาขัดขวางแล้ว บวกกับการยุยงของฟู่สีเกอที่อยู่ข้างๆ เฉียวโยวโยวดื่มไปหลายแก้วจนมีอาการสะลึมสะลือ
เพียงแค่ดื่มดูเหมือนจะน่าเบื่อเกินไป คนทั้งห้าเลยหยิบลูกเต๋าจากเคาน์เตอร์บาร์ แล้วเริ่มเล่นเกมกัน
เพราะหลานเสี่ยวถางกับเฉียวโยวโยวเล่นไม่เป็น ฉะนั้นทุกๆคนจึงเล่นให้ง่ายที่สุด : มากกว่าหรือน้อยกว่า
คนที่แพ้ ถ้าไม่ดื่ม ก็ต้องร้องเพลง
หลานเสี่ยวถางคาดไม่ถึงว่าตนเองจะแพ้เป็นคนแรก
เธอมองแก้วเหล้าเล็กน้อย แล้วตัดสินใจเลือกที่จะดื่มมันเข้าไปโดยไม่ลังเล
ผ่านไปสองสามรอบทุกๆคนต่างมีแพ้มีชนะ และความเมาของเฉียวโยวโยวก็ยิ่งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าตนเองได้น้อยที่สุดเธอก็ยืนขึ้น ฟังเสียงลมทะเล มองแสงไฟโบกสะบัดตรงหน้า แล้วพูดว่า : “ฉันขอร้องเพลงนะคะ!”
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่มหาวิทยาลัย เฉียวโยวโยวเป็นพวกบ้าไมค์
นับได้ว่าหลานเสี่ยวถางไม่ได้ฟังเธอร้องเพลงมานานแล้ว เห็นว่าเฉียวโยวโยวเลือกที่จะร้องเพลง เธอจึงตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ อิงที่ไหล่ของสือมูเฉินแล้วพูดว่า : “มูเฉิน โยวโยวร้องเพลงเพราะมากเลยนะ มาฟังกันเถอะ!”
สือมูเฉินเห็นแก้มของหลานเสี่ยวถางที่แดงก่ำ ในแววตามีความตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดว่า : “อย่างนั้นครั้งต่อไปถ้าคุณแพ้ ห้ามดื่มเหล้าต้องร้องเพลงให้ฉันฟังนะ”
“โอเค!” หลานเสี่ยวถางตอบรับเขา อันที่จริงสายตาก็เริ่มเบลอๆนิดหน่อยแล้ว
เวลานี้เฉียวโยวโยวเลือกเพลงได้แล้ว เดินไปตรงกลางแล้วหยิบไมค์ขึ้นมา
เธอร้องเพลง《คำถาม》ซึ่งเป็นเพลงค่อนข้างเก่าแล้ว
เดิมทีน้ำเสียงของเธอใสมาก แต่เพราะดื่มเข้าไปเยอะจึงมีความแหบพร่าอย่างมีเสน่ห์ ในแสงสียามค่ำคืนยังย้อมไปด้วยสีเหลืองอำพันเล็กน้อย : “ใครทำให้ใจคุณสั่น ใครทำให้ใจคุณเจ็บ ใครทำให้คุณอยากโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน แต่มีใครไหมที่สนใจความฝันของคุณ มีใครไหมที่เข้าใจความรู้สึกของคุณ มีใครไหมที่ซึ้งในน้ำใจของคุณ……”
ด้วยเสียงร้องเพลงของเธอ เดิมทีสายตาที่เลือนรางของหลานเสี่ยวถางก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมา ฟู่สีเกอวางหลอดดูดน้ำที่เดิมทีคาบอยู่ในปากลง แล้วนั่งตัวตรง
“หากผู้หญิง เฝ้ารอคอยจนมืดค่ำอยู่เสมอ มอบความสาวให้โดยไม่เสียดาย เขาก็จะรักเธอ จริงไหมที่ผู้หญิง ไม่ควรมีคำถามมากความ ทำตัวไร้เดียงสาอยู่เสมอ เพื่อเขาคนที่เธอรัก”
เฉียวโยวโยวร้องเพลงไปพลาง ก็นึกถึงแสงไฟที่แวววับจับตาเมื่อหลายปีก่อนไปพลาง เธอร้องเพลงนี้ขึ้นมา ฟู้เจียนปอเดินมายังข้างๆเธอ จู่ๆก็ดึงมือของเธอ
เธอหันหน้ากลับไปด้วยความตระหนกตกใจ ระหว่างเสียงเพลง เขาเข้าใกล้หูของเธอแล้วพูดว่า เขาจะไม่ให้เธอรอจนดึกดื่น เขาหวังว่าเขาจะสามารถทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาได้ตลอดไป
เขาถามเธอว่า เต็มใจที่จะอยู่ด้วยกันกับเขาไหม
เวลานั้น พวกเขารู้จักกันมากว่าสิบปีแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่ได้จับมือกัน
“ทว่าผู้หญิงคนนั้น มักจะรักอย่างปักใจ ติดกับดักความรู้สึก สุดท้ายก็ยิ่งจมดิ่งลงไปลึกขึ้น และผู้หญิงคนนั้น ความรักคือจิตวิญญาณของพวกเธอ เธอยอมสละแม้ชีวิต เพื่อเขาคนที่เธอรัก…..”
เมื่อนึกถึงอดีต น้ำตาของเฉียวโยวโยวก็หลั่งไหลเป็นสาย ร้องเพลงจนถึงสุดท้าย เธอก็แทบจะไม่สามารถส่งเสียงได้อีก
แต่ดนตรี ยังคงเล่นต่อไป เธอยืนอยู่ตรงกลาง ยิ้มให้หลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆ จากนั้น ก็เช็ดน้ำตาแบบลวกๆ แล้วกล่าวด้วยเสียงที่แหบพร่าว่า: “ลมทะเลค่อนข้างแรง ดวงตาโดนลมพัดจนแสบไปหมดแล้ว…..”
ต่อมา ในที่สุดฟู่สีเกอก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เขาดึงเฉียวโยวโยวลงมา แล้วกล่าวกับเธอว่า: “เอาล่ะ ไวน์ครึ่งแก้วด้านหลัง พี่ช่วยทำให้คุณแล้ว! ไม่ต้องขอบคุณพี่ พี่กลัวเห็นผู้หญิงร้องไห้เป็นที่สุด!”
สุดท้าย หลานเสี่ยวถางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะกลับไปอย่างไรดี ในโรงแรมเธอเห็นแสงไฟสว่างจ้าที่อยู่บนศีรษะ ด้วยเหตุนี้ จึงยิ้มแหยๆให้กับสือมูเฉิน: “มูเฉิน เมื่อกี้ที่ฉันร้องเพลงให้คุณ คุณคิดว่าร้องได้ดีไหม?”
สือมูเฉินกระตุกมุมปากเล็กน้อย เวลานั้นหลานเสี่ยวถางดื่มจนเมา ดังนั้นเพลง《ได้พบเธอ》ที่ร้องไปนั้นจึงไม่อยู่ในท่วงทำนองโดยสิ้นเชิง แต่ตอนที่เธอร้องเพลงให้เขา สายตาเป็นประกาย มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา เหมือนกับว่า เป็นการร้องเพลงที่กินใจที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
หลานเสี่ยวถางเอนตัวลงบนเตียง ยังคงฮัมเพลงที่ขาดท่วงทำนองอยู่: “ฉันจะบินไปข้างหน้า บินข้ามผ่านทะเลแห่งกาลเวลา พวกเราต่างก็เคยเจอความรักทำร้าย ฉันมองดูถนน ถนนทางเข้าของความฝันมันช่างแคบเหลือเกิน การที่ฉันได้พบคุณ มันคือเรื่องคาดไม่ถึงที่สวยงามที่สุด…..”
สือมูเฉินโน้มตัวลง ช่วยถอดรองเท้าให้เธอ: “เชื่อฟังนะ อาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอนนะ”
“อื้อ” หลานเสี่ยวถางยื่นมือออกมา ให้สือมูเฉินอุ้ม
เขายื่นมือไปอุ้มเธอขึ้นมาราวกับเจ้าหญิง เธอก็ยื่นมือไปโอบคอของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วนำใบหน้าแนบชิดกับหน้าอกของเขา
เขาก้มไปมองเธอ: “ดื่มเหล้ามา ไม่อาย เลยจะเป็นฝ่ายกระทำเองเหรอ?”
หลานเสี่ยวถางแสยะยิ้ม แล้วกล่าวอย่างดุดันกับเขาว่า: “ดูฉันจัดการคุณแล้วกัน!”
สายตาของสือมูเฉินลึกลับ เลิกคิ้วขึ้น: “ดีมาก ฉันจะดูว่าคุณจะจัดการฉันอย่างไร!”
หลานเสี่ยวถางหรี่ตาเล็กน้อย แสดงท่าทีที่เจ้าเล่ห์: “คุณหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่กลัวฉันเหรอ?”
สือมูเฉินรู้สึกน่าขำขัน เขาอุ้มเธอไปถึงหน้าห้องน้ำ เขาถอดก่อน แล้วปล่อยให้เธอเปลื้องผ้า: “เสี่ยวถาง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะทำอะไรฉันได้!” เขาพูดด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัว
หลานเสี่ยวถางถูกยั่วยุ เธอโผเข้าไป: “คนงาม วันนี้คุณต้องตกเป็นเมียหัวหน้าโจรอย่างฉันอย่างเชื่อฟัง! อย่าได้คิดหนีไปไหนเลย!”
พูดพลาง จับไหล่ของสือมูเฉินเอาไว้ แล้วก้มลงไปมองเขา
“คนงามช่างบึกบึนจริงๆ…..” หลานเสี่ยวถางลงไปจูบพลาง ทอดถอนใจไปพลาง: “ดูท่าทางจะร้ายกาจกว่าฉันอีกนะ…..”
วันนี้เธอดื่มมากเกินไปจริงๆ ที่จริงแล้วมองรูปร่างหน้าตาคนที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่ชัดเจนหรอก รู้สึกแค่ว่าคิ้วเป็นคิ้ว ตาเป็นตา เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าดูดี!
เริ่มแรกสือมูเฉิน ก็ยังรู้สึกพึงพอใจ ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ถูกหลานเสี่ยวถาง’ให้บริการ’
แต่ถึงสุดท้าย เขาก็รับไม่ไหวแล้ว
เธอไปๆกลับๆทำให้เกิดอารมณ์ แล้วก็ทับลงมาบนตัวของเขาแล้วก็จูบเขา แต่ว่าขั้นต่อไปล่ะ?
น้ำถูกเธอจัดการจนนองเต็มพื้น เขาถูกเธอกระตุ้นจนไฟราคะแผดเผาไปทั้งร่าง แต่เธอไม่มีความตื่นตัวที่จะทำต่อไปโดยสิ้นเชิง!
เห็นหลานเสี่ยวถังยังคงวุ่นวายอยู่บนร่างกายของเขา ในที่สุดสือมูเฉินก็อดทนไม่ไหว จับเอวของเธอเอาไว้ เสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย: “กล้าให้สามีของคุณเป็นเมียหัวหน้าโจรอย่างนั้นเหรอ ได้เลย ตอนนี้จะทำให้เธอได้ซาบซึ้งสักหน่อยว่า อะไรคือหน้าที่ที่เมียหัวหน้าโจรควรจะรับผิดชอบ!”
พูดพลาง จับเธอเอาไว้แน่น และพลิกตัวอย่างรวดเร็ว นำหลานเสี่ยวถางกดเอาไว้ภายใต้ร่างกาย
และเวลานี้ ภายในห้องข้างๆ เฉียวโยวโยวก็ถูกหยานชิงเจ๋อพามาส่งในห้อง เธอเดินโซซัดโซเซไปที่ระเบียงด้านนอก จากนั้นก็เปิดมือถือ
เวลาที่แสดงบนหน้าจอ เขามองไม่ค่อยชัดเล็กน้อย ก็เลยไม่สนใจอะไร เธออาศัยความทรงจำ กดเบอร์โทรศัพท์ของฟู้เจียนปอ
ขณะที่รอสัญญาณดังอยู่เจ็ดแปดครั้ง เมื่อเธอกำลังจะวางสาย ในที่สุดเขาก็รับสาย
“โยวโยว?” ฟู้เจียนปอกล่าวว่า: “หลับแล้วเหรอ? ฉันส่งข้อความฝันดีไปให้คุณ แต่ไม่ได้รับของคุณเลย”
“เจียนปอ คุณอยากฟังเพลงไหม?” เฉียวโยวโยวกล่าว: “ฉันจะร้องเพลงให้คุณฟังนะ!”
“โยวโยว คุณอยู่ที่ไหนเหรอ?” ฟู้เจียนปอขมวดคิ้ว: “ฟังจากเสียงของคุณแล้ว…….คุณดื่มเหล้าใช่ไหม? คุณกลับบ้านแล้วหรือยัง? เด็กผู้หญิงอยู่ข้างนอกมันไม่ปลอดภัยนะ……”
“คุณแค่ฟังก็พอ” เฉียวโยวโยวบีบมือถือแน่น: “ใครทำให้คุณใจสั่น ใครทำให้คุณเจ็บปวดใจ……”
เธอร้องเพลงผ่านมือถือไม่หยุด ภายในใจก็คิดว่า บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะร้องเพลงนี้ให้เขาฟัง