บทที่ 126 ควมสุขของการแก้แค้นหรือความโศกเศร้าที่บิดเบือนความจริง

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ท้ายที่สุดในตอนท้ายของการร้องเพลง เสียงของเฉียวโยวโยวก็แหบแห้งจนแทบจะพูดไม่ออก เธอจึงพูดใส่ไมโครโฟน : “เจียนปอ ราตรีสวัสดิ์นะ”

ฟู้เจียนปอฟังออกว่าเธออารมณ์ไม่ดี เขาจึงรีบเรียกเธอไว้ : “โยวโยว อย่าเพิ่งวางสายนะ! คุณอยู่ที่ไหน? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ฉันจะให้เพื่อนไปรับคุณ!”

“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ด้วยกันกับเสี่ยวถาง แค่นี้นะ……” เธอพูดจบก็วางสายไป บีบมือถือแน่นแล้วทุบไปที่พุ่มไม้ข้างๆ

“ไอ้บ้าเอ๊ย!” เสียงด่าดังมาจากพุ่มไม้ข้างๆ ฟู่สีเกอเดินออกมาจากพุ่มดอกไม้ ถือมือถือไว้ในมือ : “ใครทุบกูวะ?”

“ฉันทุบเอง คุณจะทำไม?” เฉียวโยวโยวไม่อ่อนข้อให้เลยแม้แต่น้อย

“ยายบ้า!” ฟู่สีเกอต่อว่า : “นี่คุณยังไม่เมาตายไปอีกเหรอ!”

“กูดื่มเก่ง แล้วมึงเสือกอะไรด้วย?” เฉียวโยวโยวตอบกลับอย่างดุดัน

“หึ พูดจาหยาบคายแบบนี้ มิน่าล่ะถึงได้ถูกนอกใจ!” วันนี้ฟู่สีเกอดื่มมากไปหน่อย เลยพูดจาไม่มีกาลเทศะ

เฉียวโยวโยวได้ยินคำพูดนี้ของเขาหน้าก็เปลี่ยนสี หันกลับแล้วเดินออกไปเลย

เพียงแต่เธอเดินเร็วเกินไป บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เดิมทีไม่เห็นรองเท้าแตะที่ระเบียง จึงสะดุดล้มลงไปที่พื้น

การหกล้มนี้ทำให้เธอมึนงงไปหมด เป็นเวลานานที่ไม่สามารถลุกขึ้นได้

ฟู่สีเกอที่อยู่ข้างๆระเบียงกำลังยินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น แต่จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงรู้สึกไม่สบายใจ เห็นราวระเบียงไม่ได้สูงมาก เขาขมวดคิ้วแล้วค้ำยันตัวขึ้นไป จากนั้นก็ข้ามไปยังระเบียงที่เฉียวโยวโยวนอนอยู่

เธอยังคงนอนอยู่ไม่ขยับเขยื้อน

ฟู่สีเกอรีบวิ่งเข้าไป เอื้อมมือไปตบๆแผ่นหลังของเธอ : “เฮ้ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ไหล่ของเธอสั่นเทาเล็กน้อย ไม่ส่งเสียงใดๆออกมา

ฟู่สีเกอตกใจจนสีหน้าซีดเผือด รีบเอื้อมมือไปจับเฉียวโยวโยวพลิกหันกลับมาอย่างระมัดระวัง

เพียงแค่เห็นใบหน้าเธอเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ดูเหมือนว่าที่เข่าของเธอมีแผลถลอกเล็กน้อยไม่มีเลือดออก แต่เวลานี้เธอใช้สองมือปิดหน้าของตนเอง เขาเห็นได้ชัดว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากซอกนิ้วมือเธออย่างไม่ขาดสาย

เธอร้องไห้อย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าจะเศร้าเสียใจยิ่งกว่าตอนที่เขาเห็นที่สนามบินเสียอีก

ฟู่สีเกออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : “นี่ ร้องไห้มาตั้งหลายรอบแล้ว น่าจะพอได้แล้วนะ!”

เฉียวโยวโยวไม่สนใจ

“ในนิยายที่บอกว่าผู้หญิงร้องไห้ก็ยังสวยอยู่นะมันโกหกทั้งนั้น อันที่จริงผู้หญิงอย่างพวกคุณร้องไห้ดูน่าเกลียดจะตาย” ฟู่สีเกอพูดขึ้นอีกครั้ง แต่เฉียวโยวโยวยังคงไม่ตอบกลับอะไร

“ถ้าร้องไห้อีกฉันจะไปแล้วนะ!” ฟู่สีเกอพูดจบก็แกล้งทำเป็นปล่อยเธอ

แต่เฉียวโยวโยวเหมือนไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเลย

เขาจึงใช้ไม้ตาย : “ถ้าคุณร้องไห้อีก ฉันจะจูบคุณแล้วนะ!”

เฉียวโยวโยวยังคงร้องไห้ต่อ เหมือนกับว่าเธอไม่ได้สนใจคำพูดของฟู่สีเกอ

เขาง้างมือเธอออก จับคอของเธอแล้วโน้มเข้าไปใกล้ๆเธอ

ท้ายที่สุดเธอก็เปิดเผยใบหน้าออกมา ลืมตาขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

พร้อมกับการลืมตาของเธอ ก็มีหยดน้ำตาไหลออกมา ส่องแสงแวววับเล็กน้อยภายใต้แสงไฟ

มันไหลลงมาอาบแก้มของเฉียวโยวโยว ตกลงมาที่ลำคอของเธอ แล้วไหลลงไปตามทาง

สายตาของฟู่สีเกอมองตามลงไป และเมื่อเขาเห็นจี้สีแดงที่คอของเฉียวโยวโยว ดวงตาเขาราวกับถูกน้ำร้อนลวกก็ไม่ปาน

ไม่รู้ว่าเป็นการหักเหแสงของหยดน้ำตาหรือเปล่า เดิมทีจี้สีแดงที่ไม่รู้มีวัสดุอะไรก็คล้ายกับเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ในฉับพลันก็เห็นเหมือนว่าจี้ที่อีกฝ่ายสวมอยู่พุ่งมาที่ตัวเขา

เขาตกตะลึงจนพบว่าตัวเองหายใจลำบาก หัวใจก็เต้นเร็วเหมือนกับว่าจะกระโดดออกมาจากลำคอ

เหมือนกับถูกผีอำ สายตาของเขาถูกดึงดูดอยู่ที่กลุ่มสีแดงนั้น ฟู่สีเกอค่อยๆเข้าไปใกล้ๆทีละนิดๆ ท้ายที่สุดริมฝีปากก็จูบอยู่ที่ลำคอของเฉียวโยวโยว

เธอถูกทำให้ตกใจจนสร่างเมาไปชั่วขณะ แต่ฟู่สีเกอก็เหมือนกับถูกมนตร์สะกด หลังจากที่ตกตะลึงอยู่สักพัก จู่ๆลมหายใจก็เปลี่ยนไป

เขาจับเธอไว้แน่นนำเธอกดลงบนพื้น จากนั้นก็จูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างดุดัน

ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย เดิมทีเขาไม่ได้ให้เวลาเธอได้ปรับตัวเลย ง้างปากเธอให้เปิดออกแล้วรุกล้ำเข้าสู่โลกของเธอโดยตรง

เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าไฟเตือนของร่างกายสว่างขึ้นมาในชั่วพริบตา ลมหายใจของคนแปลกหน้าทำให้เธอขนลุกชูชัน และฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็กระจายไปทั่ว

ฉับพลันเธอก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้หลานเสี่ยวถางเคยบอกว่า ถึงแม้ฟู่สีเกอจะมีแฟน แต่ก็ไม่เคยจูบกับแฟนเลย ดูเหมือนจะเป็นเพราะคนก่อนหน้านี้

แต่ว่าตอนนี้……

เธอยื่นมือออกไปผลักเขา แต่ว่าเขาจับเธอไว้แน่นมาก จนถึงกับว่าในการพัวพันนี้ เฉียวโยวโยวรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายฟู่สีเกออย่างชัดเจน

เธอตื่นตกใจอย่างมาก นึกถึงฟู้เจียนปอขึ้นมาทันที

แต่แล้วเธอก็นึกถึงชุดชั้นในของผู้หญิงที่อยู่บนเตียงฟู้เจียนปอ ยังมีเสื้อผ้าเหล่านั้นที่วางทับถมอยู่ในตู้เสื้อผ้าอีก

เวลานี้ฟู้เจียนปอ อาจจะกำลังทำเรื่องที่สนิทสนมที่สุดระหว่างชายหญิงกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ก็ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มี ในสองสามเดือนที่เขาอยู่ที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าเคยทำเรื่องแบบนี้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

อย่างนั้นเพราะอะไร เธอถึงยังจะปกป้องเขาราวกับหยกอีกล่ะ?

ด้วยความคิดนี้ เฉียวโยวโยวก็เลยไม่ต่อต้านอีกต่อไป

เธอประหม่าที่พบว่า เสื้อผ้าของตนเองถูกฟู่สีเกอฉีกออก เขากำลังดึงสิ่งกีดขวางชิ้นสุดท้ายของเธอออกอย่างกระตือรือร้น แล้วรอที่จะยิงให้เข้าเป้า

หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกผิดภายในใจ ความคับแค้นภายในใจที่ต้องการจะแก้แค้นนั้น ได้ต่อสู้กันอย่างไม่หยุดหย่อน

จู่ๆเฉียวโยวโยวก็นึกขึ้นได้ว่า วันนี้ตอนที่ดื่มเหล้า หลานเสี่ยวถางได้ถามเธอ

เธอถามเธอว่า โยวโยว เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมคุณถึงไม่บอกเลิกฟู้เจียนปอทันทีล่ะ?

เวลานั้นเธอยังหัวเราะเยาะแล้วบอกว่า เพราะว่าฉันไม่มีความกล้าหาญที่จะจากเขาไปน่ะสิ เขาก็ไปจากฉันไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะความรักความผูกพันในหลายปีมานี้ แล้วก็อาจเป็นเพราะความไม่เต็มใจ สุดท้าย ฉันจึงไม่รู้ว่าจะพูดคำว่าเลิกราสองคำนี้ออกไปได้อย่างไร

แต่ที่สุดแล้ว ในใจเธอก็ยังคงไม่สมดุล จนปัญญาที่จะเลือกการให้อภัย แต่ก็จนปัญญาที่จะลบออกไปจากจิตใจ

เหมือนกับว่า จะทำได้เพียง ตาต่อตาฟันต่อฟัน——

เฉียวโยวโยวยกเอวขึ้น ดังนั้น ฟู่สีเกอจึงถอดสิ่งกีดขวางชิ้นสุดท้ายของเธอออกได้อย่างง่ายดาย แล้วเข้าไปหาเธออย่างรีบร้อน

เวลานั้น ทันใดมุมปากของเฉียวโยวโยวก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็น น้ำตาที่เก็บซ่อนมานานได้ไหลรินลงมาอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่ามันเป็นความสุขที่มาจากการแก้แค้นหรือเป็นความเศร้าใจของการบิดเบือนความจริง มันสับสนจนยากที่จะอธิบาย

เพียงแต่เธอรู้ว่า ตั้งแต่เริ่มแรก ความสัมพันธ์ของเธอกับฟู้เจียนปอ จะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป

เขานอกใจ เธอทำเพื่อแก้แค้น ก็เลยนอกใจ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เป็นเพราะคนที่ร้องเพลง《คำถาม》ให้เขาในตอนนั้น ได้ถูกเขาทรยศหักหลังก่อน จึงได้กลายเป็นแบบนี้

วันรุ่งขึ้น เมื่อเฉียวโยวโยวตื่นขึ้นมา ฟู่สีเกอก็เพิ่งตื่น

เธอพบว่าตนเองยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา ช่วงเวลาหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะไม่กล้ามองสายตาของเขา เพียงแต่พูดประโยคหนึ่งอย่างรีบร้อนว่า: “เมื่อวานฉันดื่มมากไป พวกเราก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คุณไม่ต้องรับผิดชอบหรอก”

ฟู่สีเกอได้ฟัง ก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เป็นเวลานาน เขาจึงนำแขนของตนเองลงมาจากไหล่ของเฉียวโยวโยว: “ฉันไม่ได้ทำให้คุณเป็นทุกข์ใช่ไหม?”

เฉียวโยวโยวกำมือแน่น: “ไม่หรอก เรื่องเมื่อวาน พวกเราก็คิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นโอเคไหม?”

ฟู่สีเกอส่งสายตามองเธออยู่สองสามวินาที: “โอเค” คิดๆแล้ว เขาก็กล่าวเสริมว่า: “อย่างนั้นก็อย่าลืมซื้อยาคุมกำเนิดด้วยนะ”

เฉียวโยวโยวพยักหน้า อารมณ์ที่สับสนทั้งหมดถูกซ่อนไว้ภายใต้รูปลักษณ์ที่สงบ: “อืม”

ฟู่สีเกอเก็บเสื้อผ้าที่ตกกระจัดกระจายขึ้นมา: “อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ” เขาพูดพลาง สวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วกลับไปทางระเบียงที่เคยปรากฏตัวอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ เวลาต่อมา ระหว่างคนทั้งสองก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ เพื่อปกปิดรอยจูบทั่วร่างกาย เฉียวโยวโยวก็ยังต้องติดกระดุมคอเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดในฤดูร้อน

วันนี้สือมูเฉินจะต้องกลับประเทศ ดังนั้น เฉียวโยวโยวกับหลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆ จึงต้องลงเครื่องในเที่ยวบินขากลับ

ในวันเดียวกัน สือมูเฉินกลับถึงบ้าน จึงพบว่าแม่ไม่ได้อยู่บ้าน โทรศัพท์ไปสอบถามจึงรู้ว่า เพราะเธอเบื่อที่จะอยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นจึงไปอยู่กับหลานเล่อซิน

วันรุ่งขึ้น หลานเสี่ยวถางยังคงทำงานจากทางไกล แต่ทางด้านสือมูเฉินไปที่บริษัท

เวลาใกล้เที่ยง สือมูเฉินเพิ่งจะจัดการเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น

เขาเงยหน้าขึ้น: “เชิญครับ”

วันนี้หลานเล่อซินสวมชุดทำงาน มองแล้วดูทะมัดทะแมง

ในมือของเธอถือของสิ่งหนึ่งเดินเข้ามา เดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานของสือมูเฉิน แล้วกล่าวว่า: “มูเฉิน สองวันนี้คุณป้าจะอยู่ที่บ้านฉัน เธอทำของที่คุณชอบทานมาให้คุณ วันนี้จึงให้ฉันเอามาให้ กลางวันคุณไม่ต้องสั่งอาหารเดลิเวอรี่นะ อาหารเดลิเวอรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ” สือมูเฉินกล่าวอย่างนิ่งๆ

“มูเฉิน อันที่จริงคุณป้า……” หลานเล่อซินกำลังเปิดกล่องอาหาร นำอาหารออกมา ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเลขาฯเข้ามาถามสือมูเฉินว่าต้องการสั่งอาหารกลางวันไหม

แต่เมื่อเลขาฯเห็นอาหารกลางวันที่วางเต็มโต๊ะ แล้วก็เห็นหลานเล่อซิน เธอก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ครั้นแล้วก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า: “ประธานสือ ที่แท้คุณก็มีอาหารกลางวันแล้ว อย่างนั้นคุณก็ค่อยๆรับประทานนะ ฉันจะไปรินน้ำมาให้คุณ”

พูดจบ ก็รีบเดินออกไปจากห้องทำงานของสือมูเฉิน

“มูเฉิน คุณลองชิมดูว่ารสชาติถูกปากไหม” หลานเล่อซินกล่าวอีก

สือมูเฉินเงยหน้ามอง: “ในเมื่อแม่ฉันเป็นคนทำ ก็ต้องถูกปากอยู่แล้ว เล่อซิน คุณถามฉันแบบนี้ หรือว่าเมื่อกี้คุณโกหก?”

หลานเล่อซินสีหน้าเปลี่ยนไป รีบกล่าวอธิบาย: “เปล่า มูเฉิน นี่คือคุณป้าเป็นคนทำ อย่างนั้นคุณทานเถอะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว……”

“โอเค” สือมูเฉินพูดแล้ว กล่าวเสริมอีกว่า: “เพียงแต่ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้านายของคุณ ขอเตือนคุณเอาไว้ว่า คุณมาที่บริษัทเพื่อทำงานให้กับTimes Group ไม่ใช่มาเพื่อส่งอาหาร ดังนั้น ฉันหวังว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เพื่อจะได้ไม่ทำให้คนอื่นคิดไปถึงความสัมพันธ์กับพี่สาวภรรยา และทำให้การพัฒนาของบริษัทเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น”

หลานเล่อซินอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะต่ำลง: “ฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษค่ะ” พูดพลาง รีบก้าวเท้าเดินออกจากห้องทำงานของสือมูเฉิน ฝีเท้าโซเซเล็กน้อย

เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้สือมูเฉินคาดไม่ถึงก็คือ ตอนบ่าย ในบริษัทก็เกิดข่าวซุบซิบกันขึ้นมา

เขาได้ยินตอนที่เขานั่งจิบชาตอนบ่าย

บ่ายสามโมงของทุกวัน สือมูเฉินมักจะไปออกกำลังกายที่ห้องฟิตเนสของบริษัทประมาณยี่สิบนาที แล้วก็มาดื่มชาตอนบ่ายอีกแก้วหนึ่ง

วันนี้ เมื่อเขาไปออกกำลังกายตามปกติ ก็มีเพื่อนร่วมงานที่ปกติเป็นคนชอบพูดเล่นได้พูดหยอกล้อว่า: “ประธานสือ ได้ยินมาว่าพี่สาวภรรยาทำอาหารเที่ยงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักมาให้คุณเหรอ?”