ตอนที่ 112 ชายาเอก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 112 ชายาเอก
ไป๋ชิงเหยีนนยื่นมือไปรับชุดคลุมสีดำมาจากถงหมัวมัวพล่างกล่าว

“ไปเยี่ยมจงหย่งโหวฉินเจ๋อเจาที่คุกต้าหลี่สักหน่อย พวกเจ้าดูแลพิธีศพให้ดีนะ”

เห็นว่าไป๋ชิงเหยียนจับมือถงหมัวมัวเดินจากไป ไป๋จิ่นจื้อไม่สบายใจ เดินตามไป

“ข้าไปเป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่นะเจ้าคะ!”

เห็นท่าทางตื่นตระหนกของไป๋จิ่นจื้อ ไป๋ชิงเหยียนใจอ่อนยวบ

“พี่ไปเยี่ยมคนที่ถูกขังอยู่ในคุกจะมีอันตรายอันใดกัน อีกอย่างหรู่ซยงทั้งสองคนของพี่ก็ตามไปด้วย พวกเขาล้วนมีฝีมือเก่งกาจทั้งคู่”

“เช่นนั้นข้าไปส่งพี่หญิงใหญ่ที่หน้าประตูนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อควงแขนไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ห้าม ปล่อยให้น้องสาวเดินควงแขนไปตลอดทาง เมื่อใกล้ถึงหน้าประตูจึงเอ่ยขึ้น

“เพิ่งมีราชโองการประกาศแต่งตั้งท่านปู่เป็นเจิ้นกั๋วอ๋อง เดี๋ยวคงมีคนตระกูลศักดิ์ในเมืองหลวงมาเคารพศพมากมาย หากเราไม่อยู่ทั้งคู่คงเป็นที่สะดุดตาได้ง่าย หากท่านป้าสะใภ้ใหญ่ของเจ้าถามถึง พี่หญิงรองและพี่หญิงสามของเจ้าคงมิรู้จะปกปิดเช่นไร”

ไป๋จิ่นจื้ออ้าปากทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา

มองส่งไป๋ชิงเหยียนจับมือถงหมัวมัวก้าวขึ้นไปบนรถม้า ไป๋จิ่นจื้อจึงหันไปกำหมัดคาราวะสองพี่น้องตระกูลเซียว “รบกวนท่านทั้งสองดูแลพี่หญิงใหญ่ด้วย”

เซียวรั่วเจียง เซียวรั่วไห่กำหมัดโค้งกายคำนับไป๋จิ่นจื้อ “คุณหนูสี่วางใจได้ขอรับ”

มองดูรถม้าแล่นไกลออกไป ไป๋จิ่นจื้อก้มหน้าครุ่นคิด ตระกูลไป๋เผชิญกับปัญหาใหญ่ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ พี่หญิงใหญ่ประคับประคองตระกูลไป๋ด้วยความยากลำบาก

บัดนี้พี่หญิงใหญ่ทำข้อตกลงกับฮ่องเต้เพื่อเดินทางไปยังหนานเจียง นางก็ควรจะติดตามพี่หญิงใหญ่ไปด้วย อย่างน้อยจะได้คุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้พี่หญิงใหญ่

ไป๋จิ่นจื้อเอื้อมมือไปแตะเอวด้านหลังโดยสัญชาตญาณ จากนั้นจึงนึกได้ว่าแส้ของตนถูกพี่หญิงใหญ่ริบไปแล้ว

หญิงสาวเม้มปากแน่น นางใช้แส้เป็นอาวุธเพราะกลัวว่าจะเผลอทำร้ายชาวบ้านในเมืองหลวง ทว่า หากเดินทางไปที่หนานเจียงใช้หอกหงอิงน่าจะเหมาะสมกว่า

ภายในห้องหนังสือขนาดใหญ่ ฮ่องเต้เอนกายพิงหมอนลายมังกรบินฉวัดเฉวียนซึ่งปักด้วยด้ายสีทอง ไล่บริวารออกไปหมดเหลือเพียงฉีอ๋องผู้เดียว

ฮ่องเต้ยกถ้วยน้ำชาขึ้น ก้มหน้าใช้ฝาถ้วยกดใบชาที่ลอยขึ้นให้จมลงไป ตรัสขึ้นอย่างเนิบนาบ

“ครั้งนี้เจ้าจงรอบคอบให้มาก อย่าทำตัวอวดฉลาดดั่งเช่นซิ่นอ๋อง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่านางจะเสนอยุทธวิธีการรบใดๆ เจ้าต้องปรึกษากับแม่ทัพทุกคนก่อน หากแม่ทัพทุกคนเห็นด้วย เจ้าค่อยออกคำสั่ง!”

ฉีอ๋องใจเต้นรัว เขารู้ว่าเสด็จพ่อกำลังปูทางให้เขาจึงรู้สึกดีใจมาก “เสด็จพ่อโปรดวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้ดีว่าข้าไม่มีประสบการณ์ด้านการออกรบมาก่อน ลูกจะฟังคำแนะนำของคุณหนูใหญ่ไป๋ และท่านแม่ทัพทุกคนให้มาก จะไม่วู่วามเพราะความโลภเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”

สายพระเนตรที่เคร่งขรึมของฮ่องเต้เลิกขึ้น มองไปยังโอรสองค์โตที่ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจอันใดออกมา มือที่ใช้ฝาถ้วยชาเขี่ยใบชาอยู่ชะงัก ตรัสขึ้น

“ไม่ว่าสงครามที่หนานเจียงจะชนะหรือพ่ายแพ้ ไป๋ชิงเหยียนก็ไม่ต้องกลับมาเมืองหลวงแล้ว…”

เดิมทีฮ่องเต้เห็นว่าไป๋ชิงเหยียนมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับไป๋ซู่ชิวอยู่หลายส่วน เขาจึงตัดสินใจไว้ชีวิตไป๋ชิงเหยียน ทว่า เมื่อคืนเขาฝันร้าย ฝันเห็นเสือสีขาวสามตาท่าทางน่าหวาดกลัวเขมือบเขาลงท้อง จากนั้นขึ้นไปนอนอยู่บนบัลลังก์ของเขา

เขาสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ นึกถึงแววตาของเสือสามตาซึ่งจ้องมายังเขาเหมือนกับแววตาของไป๋ชิงเหยียนไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งนึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนแซ่ไป๋ เกิดปีขาล เขายิ่งรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง

ฉีอ๋องตะลึงงันเล็กน้อย มองไปทางเสด็จพ่อของตนเอง “เสด็จพ่อ!”

“สิ่งที่เรากล่าวหมายความอย่างที่เจ้าคิดนั่นแหล่ะ” ฮ่องเต้ใช้ฝาปิดถ้วยน้ำชา ฉีอ๋องรับถ้วยน้ำชามาจากมือของฮ่องเต้อย่างรู้งาน วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ จากนั้นกล่าวออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างเห็นใจ

“เสด็จพ่อ หากคุณหนูใหญ่ไป๋ชนะ ถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ อีกอย่างคุณหนูใหญ่ไป๋มิได้ต้องการความดีความชอบ ลูกคิดว่าควรไว้ชีวิตนางเถิดพ่ะย่ะค่ะ…”

“การที่เจ้ามีจิตเมตตาถือเป็นสิ่งที่ดี” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองโอรสองค์โตที่ยืนอยู่ข้างกายของเขา ตรัสเสียงเบา

“ทว่าคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ปล่อยไว้มิได้ นางไม่มีความเคารพยำเกรงต่อราชวงศ์ หากนางพ่ายแพ้ให้นางชดใช้ด้วยชีวิตก็ถือว่าเราเมตตานางมากแล้ว หากนางชนะแล้วภายภาคหน้าคนเช่นนางคิดกบฏจะเป็นปัญหาใหญ่ของราชวงศ์ เราต้องป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในภายภาคหน้า”

ฉีอ๋องนึกถึงสตรีผู้เด็ดเดี่ยวที่กอดบันทึกสถานการณ์รบไว้แนบอกพลางกล่าวสาบานต่อหน้าดวงวิญญาณของท่านกั๋วกง เขากัดฟันแน่น คุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้พลางกล่าวขึ้น

“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลไป๋จงรักภักดีมาโดยตลอด ครั้งนี้นางยอมไปออกรบทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของนาง ลูกขอร้องแทนคุณหนูใหญ่ไป๋ เสด็จพ่อได้โปรดไว้ชีวิตนางเถิดพ่ะย่ะค่ะ…”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองฉีอ๋องที่ก้มศีรษะแนบพื้นขอร้องแทนไป๋ชิงเหยียน นอกจากความโกรธแล้วเขากลับรู้สึกดีใจ ดีใจที่เด็กคนนี้ไม่เหมือนซิ่นอ๋อง เขามีความเมตตาหลงเหลืออยู่ในใจ ขอร้องแทนไป๋ชิงเหยียน ภายภาคหน้าคงไว้ชีวิตซิ่นอ๋องและเหลียงอ๋องเช่นเดียวกัน

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้ตวาดเสียงดัง “มิต้องกล่าวถึงเรื่องนี้อีก!”

“เสด็จพ่อ หากคุณหนูใหญ่ไป๋รบชนะในครั้งนี้ นางจะกลายเป็นแม่ทัพยอดฝีมือของแคว้นเรานะพ่ะย่ะค่ะ เก็บนางไว้มีแต่จะส่งผลดีต่อแคว้นต้าจิ้น ลูกทราบดีว่าเสด็จพ่อทรงระแวงในตัวนาง ลูกมีแผนการที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวพ่ะย่ะค่ะ!” ฉีอ๋องเงยหน้าขึ้น ตรัสอย่างจริงจัง

“ให้คุณหนูใหญ่ไป๋แต่งงานกับคนในราชวงศ์ เมื่อแต่งงานแล้วต้องเชื่อฟังสามี เช่นนี้ คุณหนูใหญ่ไป๋ก็จะกลายเป็นคนของราชวงศ์ จะกล้าคิดกบฏได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

พระทัยของฮ่องเต้เต้นรัว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทอดพระเนตรมองไปยังโอรสองค์โต หรี่ตาลงพลางตรัสถาม

“เจ้าเห็นว่าคุณหนูใหญ่ไป๋งดงามจึง…”

ฉีอ๋องหน้าซีดเผือด ก้มศีรษะแนบพื้นอย่างร้อนรน

“ลูกมิได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ลูกมีชายาเอกและชายารองแล้ว จะให้คุณหนูใหญ่ไป๋แต่งเข้ามาเป็นอนุได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นถึงหลานสาวคนโตของเจิ้นกั๋วอ๋องที่เสด็จพ่อทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง มีเพียงตำแหน่งชายาเอกเท่านั้นที่เหมาะสมกับนางพ่ะย่ะค่ะ!”

“ชายาเอก…” ฮ่องเต้เอนกายพิงที่พำนักทางด้านหลัง “เช่นนั้นก็เหลือแต่เหลียงอ๋อง…”

“ลูกก็คิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ฉีอ๋องเงยหน้ารับคำ

เงียบไปครู่ใหญ่ ฮ่องเต้จึงทอดพระเนตรมองไปยังฉีอ๋องที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ตรัสขึ้น

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราให้เหลียงอ๋องไปหนานเจียงกับคุณหนูใหญ่ไป๋แทนดีหรือไม่”

พระเนตรของฮ่องเต้ล้ำลึก ราวกับถูกปกคลุมด้วยแสงจากดวงจันทร์ไว้อีกชั้นหนึ่ง

ฉีอ๋องไม่กล้าลังเล หยัดกายตรง กล่าวออกมาทีละคำ

“ในเมื่อครั้งนี้ลูกเป็นผู้นำทัพ แต่ลูกมิต้องรับผิดชอบออกรบ เช่นนั้นผู้นำทัพจะเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็ได้ทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ! ขอแค่เป็นผลดีต่อแคว้นต้าจิ้น ลูกยินดีเสมอ จะได้ถือโอกาสนี้ให้เหลียงอ๋อง และคุณหนูใหญ่ไป๋เรียนรู้กันให้มากขึ้น ภายภาคหน้าคุณหนูใหญ่ไป๋จะได้กลายเป็นอาวุธแหลมคมของแคว้นต้าจิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ผ่อนคลายลง มองฉีอ๋องอยู่นานจากนั้นจึงตรัสขึ้น

“เราขอคิดดูก่อน เจ้ากลับไปก่อนเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ ลูกทูลลา”

หลังจากที่ฉีอ๋องเสด็จออกไปจากตำหนัก เกาเต๋อเม่าขันทีข้างกายของฮ่องเต้เดินเข้ามาเปลี่ยนน้ำชาชุดใหม่ให้ฮ่องเต้ เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ฝ่าบาท พระสนมเฉินสั่งให้นางกำนัลนำขนมข้าวพองที่ทรงทำด้วยตัวเองมาให้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงชิมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“เกาเต๋อเม่า เจ้าว่าเราให้หลานสาวคนโตขององค์หญิงใหญ่แต่งงานเป็นชายาเอกของเหลียงอ๋องดีหรือไม่”

สายพระเนตรของฮ่องเต้เลื่อนลอย ตรัสถามเกาเต๋อเม่า แต่ดูเหมือนกำลังถามตัวเองอยู่

———————————————

[1] หอกหงอิง คือ อาวุธโบราณทีมีด้ามยาวและปลายที่แหลมคม มีพู่สีแดงผูกอยู่บริเวณด้านบนของปลายแหลม

[2] ไป๋ หมายถึง สีขาว