ตอนที่ 113 ฆ่าปิดปาก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 113 ฆ่าปิดปาก
เกาเต๋อเม่าแสร้งทำเป็นหัวเราะออกมา “เช่นนั้นก็เท่ากับฝ่าบาททรงเมตตาตระกูลไป๋มากเลยพ่ะย่ะค่ะ เหลียงอ๋องเป็นถึงพระโอรสของฝ่าบาท ผู้ใดได้แต่งงานกับโอรสของฝ่าบาทล้วนเป็นวาสนาของพวกนางทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อเห็นฮ่องเต้หรี่ตาลง เกาเต๋อเม่ารีบเปลี่ยนเรื่องในทันที “เพียงแต่ว่า คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ร่างกายอ่อนแอจนยากจะรักษา ได้ยินว่ามีบุตรยากอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ให้คุณหนูใหญ่ไป๋แต่งงานมาเป็นชายารองของ

เหลียงอ๋องก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลไป๋มากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงเป็นจักรพรรดิที่มีเมตตา เห็นว่าตระกูลไป๋สูญเสียบุรุษทั้งตระกูลจึงทรงอยากยกย่องตระกูลไป๋โดยการรับคุณหนูใหญ่ไป๋มาเป็นชายาเอกของเหลียงอ๋อง ทว่า กระหม่อมเป็นคนใจแคบ เห็นแก่ตัว กระหม่อมรู้สึกว่าทำเช่นนี้เป็นการดูถูกโอรสของฝ่าบาทเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”

สายพระเนตรของฮ่องเต้ทอดมองไปยังเกาเต๋อเม่า สรวลออกมาอย่างอดไม่ได้ “เจ้านี่ประจบประแจงเก่งขึ้นทุกวัน!”

“กระหม่อมกล่าวออกมาจากใจพ่ะย่ะค่ะ!” เกาเต๋อเม่ายิ้มระรื่นให้ฮ่องเต้ราวกับดอกไม้ผลิบาน

ภายในคุกต้าหลี่เต็มไปด้วยความมืด ความชื้นและกลิ่นเหม็นอับที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน แม้เป็นช่วงเวลากลางวัน หากไม่จุดไฟก็มืดมิดจนมองไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

จงหย่งโหวฉินเต๋อเจานั่งขัดสมาธิอยู่ในคุกท่ามกลางแสงไฟสลัว เขายังคงดูสงบนิ่ง

แต่ไหนแต่ไรมา ความดีความชอบของขุนนางที่มีส่วนช่วยให้จักรพรรดิได้ครอบครองบัลลังก์เป็นสิ่งที่ไม่ได้ได้มาง่ายๆ ก่อนที่เขาจะวางแผนร่วมมือกับเหลียงอ๋องและลงเรือลำเดียวกับซิ่นอ๋อง เขารู้อยู่แล้วว่าหากซิ่นอ๋องชนะ เขาจะพลอยได้เกียรติยศไปด้วย ทว่า หากซิ่นอ๋องพ่ายแพ้ เขาก็จะล้มเหลวเช่นเดียวกัน

ยามปกติเวลาฉินเต๋อเจาทำการสิ่งใด เขามักจะเหลือทางรอดให้ตัวเองเสมอ ที่ครั้งนี้เขากล้าเสี่ยงโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้ก็เพราะว่าจวนจงหย่งโหวมีป้ายเหล็กอักษรชาด เป็นเกราะป้องกันอยู่

อย่างน้อย ก่อนที่เสบียงอาหารจะถูกส่งออกจากเมืองหลวงโดยผ่านมือของเขา ดูเผินๆ แล้วเสบียงเหล่านั้นล้วนเป็นเสบียงใหม่ เขาจัดการปิดปากและเก็บกวาดเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว

บัดนี้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับเสบียงอาหาร ต่อให้ตรวจสอบอย่างละเอียด เขาก็จะโดนเพียงข้อหาบกพร่องต่อหน้าที่เท่านั้น ไม่มีทางเดือดร้อนถึงตระกูลของเขาอย่างแน่นอน

“คุณหนูใหญ่ไป๋ จงหย่งโหวอยู่ทางนี้ขอรับ แต่เราให้เยี่ยมได้เพียงไม่นาน คุณหนูใหญ่ไป๋โปรดเข้าใจด้วยนะขอรับ” ผู้คุมคุกโค้งกายคำนับแล้วเอ่ยเสียงเบา

เซียวรั่วเจียงผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายดื่มนมร่วมเต้าเดียวกันกับไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้า ยื่นเงินให้แก่ผู้คุมยิ้มๆ “เอาไปเลี้ยงน้ำชาพรรคพวกขอรับ”

“ข้ารับมิได้ขอรับ!” ผู้คุมรีบปฏิเสธ กล่าวอย่างจริงใจ “พวกข้ามีชีวิตสุขสบายอยู่ในเมืองหลวงที่รุ่งเรืองเช่นนี้เพราะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากจวนเจิ้นกั๋วกง พวกข้าเสียใจที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ จะรับเงินจากคุณหนูใหญ่ไป๋ได้อย่างไรขอรับ! มิได้เด็ดขาดขอรับ!”

ฉินเต๋อเจาลืมตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยขึ้น ท่ามกลางแสงเทียนที่ริบหรี่ เขาเห็นสตรีนางหนึ่งเลิกเสื้อคลุมที่คลุมปิดใบหน้าของตัวเองออกเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามของไป๋ชิงเหยียน

เขาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง

ฉินเต๋อเจาถูกขังอยู่ในคุกมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว แม้เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มของเขาจะยังดูสะอาดสะอ้าน ทว่า ใบหน้าของเขาส่อแววอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด

มองดูแผ่นหลังของผู้คุมคุกเดินจากไป เฉินเต๋อเจาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผู้คุมคนนั้น…โดนคุณหนูใหญ่ไป๋ซื้อใจไว้แล้วสินะ!”

“ใจคนเป็นสิ่งที่ตระกูลไป๋แลกมาด้วยชีวิต หากจงหย่งโหวกล้าสละชีวิต ใจของคนก็จะตกเป็นของจงหย่งโหวเช่นเดียวกัน ทว่าน่าเสียดาย…” ไป๋ชิงเหยียนถอดชุดคลุมส่งให้ถงหมัวมัว ถือเตาอุ่นมือสีเงินแกะสลักด้วยลวดลายดอกไม้เอาไว้ในมือ ยืนนิ่งอยู่หน้ากรงขัง “จวนจงหย่งโหวรักและหวงแหนชีวิตมาก เกรงว่าคงมิกล้าทำเช่นนั้น”

สีหน้าของฉินเต๋อเจาเคร่งขรึมลง “คุณหนูใหญ่ไป๋ยอมลดตัวมาที่คุกเช่นนี้ คงไม่ได้มาเพื่อประชดประชันข้าหรอกกระมัง”

หญิงสาวจ้องไปยังฉินเต๋อเจานิ่งๆ ยื่นมือไปทางด้านหลัง

เซียวรั่วเจียงยื่นสมุดรายชื่อที่อยู่ในอ้อมกอดส่งให้ไป๋ชิงเหยียน ถงหมัวมัวลากเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งออกมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดจนสะอาด จากนั้นประคองให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งลง

เซียวรั่วเจียงเปิดกล่องอาหารที่พกติดตัวอยู่เป็นประจำออก หยิบหมึก พู่กันและแผ่นผ้าออกมา เขาถือพู่กันพลางคุกเข่าลงบนพื้น

แต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเป็นระเบียบ ทว่า ฉินเต๋อเจากลับไม่เข้าใจ หรือว่า คุณหนูใหญ่ไป๋จะมาสอบปากคำเขา!

“เสิ่นซีเย่า ขุนนางระดับเก้าผู้รับผิดชอบดูแลเสบียงข้าว เสียชีวิตเนื่องจากเมาสุราจนพลัดตกน้ำในวันที่หนึ่ง เดือนสิบสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้า อายุสี่สิบหก…”

ขณะที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวชื่อนี้ออกมา ฉินเต๋อเจากำเสื้อแน่นอย่างไม่รู้ตัว เขาจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนเขม็ง พยายามควบคุมสติของตัวเองให้สงบนิ่ง

เซียวรั่วเจียงลงมือเขียนอย่างรวดเร็ว แทบจะเขียนลงบนแผ่นผ้าเสร็จในเวลาเดียวกันกับที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ

“หลี่ซานไห่ ขุนนางผู้คุมคลังเสบียงของเมืองเจียวโจว เสียชีวิตที่หอนางโลมเนื่องจากดื่มสุรามากเกินไปในวันที่หก เดือนสิบสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้า อายุสามสิบแปด…”

ทุกครั้งที่ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยชื่อออกมา ฉินเต๋อเจาก็ร้อนใจมากขึ้นเป็นลำดับ

โดยเฉพาะแต่ละชื่อที่ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยออกมา ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องในการกักเสบียงอาหารที่ส่งไปยังหนานเจียงเมื่อปีที่แล้วเอาไว้เองเพราะความโลภทั้งนั้น ที่สำคัญคนเหล่านั้นถูกเขาฆ่าปิดปากไปหมดแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน!

ไป๋ชิงเหยียนเลือกอ่านเพียงชื่อของคนที่เสียชีวิตไปแล้วจากในสมุดรายชื่อเล่มนี้เท่านั้น สีหน้าของฉินเต๋อเจาเปลี่ยนไปในทันที

เมื่ออ่านรายชื่อคนที่เสียชีวิตไปแล้วจนครบ ไป๋ชิงเหยียนปิดสมุดลงพลางเอ่ยถามเซียวรั่วเจียง “เขียนไว้หมดแล้วหรือไม่”

“เขียนไว้หมดแล้วขอรับ” เซียวรั่วเจียงกล่าวจบก็หยิบแผ่นผ้าส่งให้ไป๋ชิงเหยียนดู

ไป๋ชิงเหยียนอ่านจบก็ยื่นแผ่นผ้าส่งคืนให้เซียวรั่วเจียง จากนั้นหันไปมองฉินเต๋อเจาที่อยู่ในคุกพลางเอ่ยขึ้น “เช้าวันนี้ ฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการแต่งตั้งท่านปู่ของข้าเป็นเจิ้นกั๋วอ๋อง ท่านพ่อของข้าเป็นเจิ้นกั๋วกง หลิวฮ่วนจางกบฏ โดนโทษประหารทั้งตระกูล ซิ่นอ๋องและทายาทไม่เพียงถูกลดฐานะกลายเป็นเพียงสามัญชน ซิ่นอ๋องยังถูกเนรเทศไปยังหย่งโจว ห้ามกลับมาที่เมืองหลวงอีกเลยตลอดชีวิต…”

ฉินเต๋อเจาลำคอตีบตัน กัดฟันของตัวเองแน่น

“ท่านว่า หากข้ามอบรายชื่อพวกนี้ให้ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงจะจัดการกับท่านเช่นไร” ไป๋ชิงเหยียนสะบัดแผ่นผ้าในมือเล็กน้อย แววตาไม่มีรอยยิ้ม “หากเหลียงอ๋องทรงทราบว่าหลังจากที่ข้ามาเยี่ยมท่านในคุกต้าหลี่ในวันนี้ ข้าได้รายชื่อพวกนี้กลับออกไปด้วย เหลียงอ๋องจะทรงร้อนพระทัยจนสั่งคนมาฆ่าปิดปากท่านหรือไม่”

ฉินเต๋อเจาเบิกตาโพลง เขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะรู้กระทั่งว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเขาคือเหลียงอ๋อง!

เหลียงอ๋องเป็นคนของซิ่นอ๋อง บัดนี้ซิ่นอ๋องถูกถอดยศกลายเป็นสามัญชนธรรมดา เหลียงอ๋องต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดอย่างแน่นอน…

ฉินเต๋อเจานึกภาพตอนที่ตนเองสั่งฆ่าปิดปากพวกหลี่ซานไห่ เสิ่นซีเย่า หากเขาเป็นเหลียงอ๋อง ย่อมต้องฆ่าปิดปากผู้ที่รู้เรื่องราวมากที่สุดเพื่อเอาตัวรอดอยู่แล้ว

“หลิวฮ่วนจางอยู่ไกลถึงหนานเจียง จะรู้ได้อย่างไรว่าเสบียงมีปัญหาจนใช้เสบียงที่หายไปเป็นข้ออ้างทำให้กองทัพที่หนานเจียงวุ่นวายได้ จงหย่งโหวสมคบคิดกับหลิวฮ่วนจางนานแล้วใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น หลิวฮ่วนจางโดนข้อหากบฏ แล้วจงหย่งโหวจะโดนข้อหาใดเล่า หากจงหย่งโหวซักทอดไปถึงเหลียงอ๋อง เหลียงอ๋องจะโดนข้อหาใดกัน”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน แต่ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวค่อยๆ คืบคลานแทรกซึมเข้าไปทั่วทุกอณูในร่างกายของฉินเต๋อเจา

“แม้การตายของบุรุษตระกูลไป๋จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับฮ่องเต้ กระทั่งฮ่องเต้เองก็ทรงหวังให้บุรุษตระกูลไป๋ของข้าเสียชีวิตลงทั้งหมด ทว่า ทหารยอดฝีมือนับแสนของแคว้นต้าจิ้นต้องเสียชีวิตลงที่หนานเจียงเพราะความโลภของท่าน ทำให้แคว้นที่แข็งแกร่งอย่างต้าจิ้นต้องยอมก้มศีรษะขอเจรจาสงบศึกกับหนานเยี่ยนและซีเหลียง การแบ่งดินแดนถือเป็นเรื่องเล็ก ทว่า หากต้าจิ้นยอมจำนน ต้าเหลียง หรงตี๋จะกรูกันเข้ามาเมื่อใดก็ได้ ท่านว่าฮ่องเต้จะทรงพิโรธหรือไม่”

ฉินเต๋อเจารู้ดีว่าฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยในตระกูลไป๋ เพราะว่ารู้ดี เขาจึงกล้าแตะต้องเสบียงอาหารที่จะส่งไปยังหนานเจียง

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกล่าวไม่ผิด ฮ่องเต้ทรงอยากให้ตระกูลไป๋เสียชีวิต…แต่ไม่ได้อยากให้ทหารนับแสนของแคว้นต้าจิ้นเสียชีวิตไปพร้อมกับตระกูลไป๋ด้วย!

———————————————

[1] ป้ายเหล็กอักษรชาด เป็นสัญลักษณ์หรือรางวัลที่จักรพรรดิมอบให้แก่ขุนนางหรือบุคคลที่มีคุณความดีเป็นมรดกตกทอด ได้รับสิทธิ์อภัยโทษต่างๆ ใช้ผงชาดเขียนบนแผ่นเหล็ก เพื่อป้องกันการปลอมแปลงจึงผ่าครึ่งแผ่นเหล็ก ราชสำนักและผู้รับครอบครองไว้คนละครึ่ง อาจเรียกว่า ป้ายเหล็กอักษรทอง เนื่องจากภายหลังได้ใช้ทองเขียนแทนอักษรชาด