ตอนที่ 114 รักษาชีวิต

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 114 รักษาชีวิต
ฉินเต๋อเจากัดฟันกรอด จ้องไปทางไปชิงเหยียนเขม็งด้วยดวงตาที่แดงฉาน

“คุณหนูใหญ่ไป๋หมายความว่าอย่างไรกัน ข้าฟังมิค่อยเข้าใจนัก”

“จงหย่งโหวไม่เข้าใจมิเป็นไรเจ้าค่ะ อีกไม่นาน…เหลียงอ๋องจะทำให้ท่านเข้าใจเอง”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ต้องการเสียเวลากล่าววาจาไร้สาระกับฉินเต๋อเจาอีก ลุกขึ้นยืนส่งแผ่นผ้าไปให้เซียวรั่วเจียง สั่งให้ชายหนุ่มพับแผ่นผ้าเก็บลงกล่อง

“ขอให้จงหย่งโหวโชคดีนะเจ้าคะ!”

เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนเตรียมจากไป ใจของฉินเต๋อเจากระตุกวูบ รีบตะโกนเรียก “คุณหนูใหญ่ไป๋!”

ทว่า เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ชะงักฝีเท้าแม้แต่น้อย ฉินเต๋อเจาร้อนรนในทันที ไม่ได้มีท่าทีสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

เขาผุดลุกขึ้นยืน พุ่งตัวเข้าไปจับกรงขัง ทว่าเห็นเพียงแค่แผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวของไป๋ชิงเหยียน ท่าทีเช่นนั้นราวกับไม่ได้ต้องการอยากรู้สิ่งใดจากปากเขาทั้งสิ้น

ฉินเต๋อเจาร้อนใจจนควบคุมสติไม่อยู่ สองมือจับกรงขังไม้แน่นพลางตะโกนออกมา

“ไป๋ชิงเหยียน! ข้าเป็นบิดาของฉินหล่าง เป็นพ่อสามีของไป๋จิ่นซิ่ว หากข้าเป็นอันใดขึ้นมาเจ้าคิดว่าสองคนนั่นจะหนีพ้นหรืออย่างไร!”

ถ้อยคำนี้ทำให้ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าลงได้จริงๆ หญิงสาวหันกลับมา ท่ามกลางแสงไฟที่ริบหรี่ ดวงตาล้ำลึกคู่นั้นของหญิงสาวลึกล้ำจนคนมองไม่เห็นก้นบึ้ง

“ดังนั้นจึงต้องขอบคุณฮูหยินของจวนจงหย่งโหวที่ก่อเรื่องไว้ก่อนหน้านี้นะเจ้าคะ ตระกูลไป๋จึงทำทุกวิถีทางจนทำให้พวกเขาทั้งสองคนย้ายออกมาจากจวนจงหย่งโหวได้! ฉินหล่างได้รับคำตรัสชมจากฮ่องเต้ และฮองเฮา อีกทั้งเขาเห็นแก่ความยุติธรรมยอมสละความสัมพันธ์ส่วนตัวมอบรายชื่อเหล่านี้ให้ฮ่องเต้ มีท่านย่าของข้า องค์หญิงใหญ่คอยปกป้อง ฉินหล่างไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อจวนจงหย่งโหว ภายภาคหน้าข้าจะให้น้องหญิงรองของข้าขอบคุณฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวให้ดีเจ้าค่ะ…”

แววตาของฉินเต๋อเกรี้ยวกราด “ไป๋ชิงเหยียน! เจ้า…เจ้ามันคนจิตใจโหดเหี้ยม เจ้าจะให้ฉินหล่างร้องเรียนพ่อของตัวเองอย่างนั้นหรือ นั่นมันคือคนอกตัญญูชัดๆ!”

“โหดเหี้ยมอย่างนั้นหรือ!” สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมาในทันที

“พวกท่านวางแผนชั่วร้ายอยู่ในเมืองหลวงเพื่อตอบสนองความโลภของตัวเองจนทำให้บุรุษแห่งแคว้นต้าจิ้นของข้าเสียชีวิตอยู่ที่หนานเจียงไม่รู้ตั้งเท่าใด พวกเขามีจิตใจที่รัก และต้องการปกป้องบ้านเมือง พวกเขาไม่ได้เสียชีวิตลงภายใต้คมดาบของแคว้นศัตรู ทว่ากลับเสียชีวิตเพราะแผนการชั่วร้ายที่ท่านอ๋องและท่านโหวอย่างพวกท่านวางแผนเอาไว้ บุรุษนับแสน…ผู้ใดจะมากตัญญูต่อพวกเขาบ้าง! ท่านโหวอย่างท่านจะเป็นคนทำหรืออย่างไรกัน!”

ไป๋ชิงเหยียนควบคุมสติของตัวเองจนสงบลง หมุนตัวกลับแล้วมองตรงไปยังเบื้องหน้า กล่าวขึ้น

“หากเทียบความโหดเหี้ยมแล้ว ข้าสู้ท่านโหวอย่างท่านมิได้หรอกเจ้าค่ะ”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนเดินนำถงหมัวมัว เซียวรั่วไห่ เซียวรั่วเจียง ออกไปจากคุก

บัดนี้ฉินเต๋อเจาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก อยากพบคนของเหลียงอ๋องเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าก็กลัวว่าคนของเหลียงอ๋องจะมาฆ่าปิดปากตน

เขาต้องพบคนของเหลียงอ๋องก่อนที่ฉินหล่างจะนำรายชื่อพวกนั้นไปมอบให้ฮ่องเต้ มีเพียงวิธีนี้ถึงจะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้

ทว่า เหลียงอ๋องผู้นี้…ทุกคนต่างรับรู้กันว่าเขาเป็นโอรสที่อ่อนแอที่สุดของฮ่องเต้ แต่แท้ที่จริงแล้ว…เขาเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่ง

ตอนนั้นผู้ที่เสนอความคิดให้ฉินเต๋อจัดการกับพวกหลี่ซานไห่ก็คือเหลียงอ๋องผู้นี้นี่เหล่ะ

เหลียงอ๋องกล่าวว่า มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะรักษาความลับได้ดีที่สุด

ฝ่ามือของฉินเต๋อเจาเต็มไปด้วยเหงื่อ สันหลังเย็นวาบ

ป้ายเหล็กอักษรชาดช่วยชีวิตเขาจากเงื้อมือเหลียงอ๋องไม่ได้

อีกอย่าง หากเขาตายอยู่ในคุกแห่งนี้ คงไม่มีผู้ใดคิดว่าเป็นฝีมือของเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอคนนั้นแน่นอน

ที่ไป๋ชิงเหยียนมาเยี่ยมเขาในวันนี้โดยไม่เอ่ยถามเรื่องเสบียงเลยสักนิด เพราะนางต้องการชีวิตของเขาอย่างนั้นหรือ!

ฉินเต๋อเจาหลับตาลงกำหมัดแน่น เขาจะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้อย่างไร จะรักษาชีวิตของตัวเองอย่างไรดี!

หน้าคุกต้าหลี่

ถงหมัวมัวถือกล่องอาหารไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างคอยประคองไป๋ชิงเหยียนที่สวมชุดคลุมสีดำให้เดินออกมาจากคุก เมื่อเดินไปได้สองก้าวถงหมัวมัวสะดุดเขาของตัวเอง กล่องที่อยู่ในมือร่วงลงบนพื้น หมึกพู่กัน และแผ่นผ้ากลิ้งกระเด็นออกมาจากกล่อง

เซียวรั่วไห่อุทานอย่างตกใจ รีบเก็บแผ่นผ้าที่น้ำหมึกหกรดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าแผ่นผ้าเปื้อนน้ำหมึกเล็กน้อย ชายหนุ่มจึงใช้แขนเสื้อเช็ดแต่เช็ดไม่ออก เขาขมวดคิ้วยื่นส่งให้ไป๋ชิงเหยียน

เกาเซิง ลูกน้องของเหลียงอ๋องที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดมองมาจากที่ไกลๆ เห็นว่าผ้าแผ่นนั้นเต็มไปด้วยตัวอักษรมากมาย เขาจึงเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“เปื้อนโดนชื่อของเสิ่นซีเย่า คุณหนูใหญ่กลับจวนไปก่อนดีหรือไม่ขอรับ ข้าจะคัดลอกใหม่แล้วให้ฉินเต่อเจาประทับตราอีกครั้ง” เซียวรั่งไห่กล่าว

“ช่างมันเถิด เปื้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากเข้าไปแล้วถูกจับได้จะวุ่นวายไปกันใหญ่ กลับจวนเถิด!”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนจึงเดินลงบันไดแล้วก้าวขึ้นไปบนรถม้า

เกาเซิงซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง จนเมื่อรถม้าแล่นออกไปไกล เขาจึงลอบตามไปห่างๆ

ชาวบ้านได้ยินว่าคนของศาลต้าหลี่เข้าล้อมจวนจงหย่งโหวแล้วจับกุมตัวจงหย่งโหวขังคุกต้าหลี่ ต่างก็รู้สึกดีใจที่คุณหนูรองของตระกูลไป๋ และฉินหล่างย้ายออกมาจากจวนจงหย่งโหวแล้ว ทั้งคู่จึงไม่พลอยเดือดร้อนไปด้วย

ชาวบ้านที่มีญาติทำงานอยู่ในศาลต้าหลี่สืบได้ว่าไท่โส่วของเมืองจั้งอ้างว่าเสบียงที่ส่งไปยังหนานเจียงท่วมน้ำฝนจนเสียหาย แต่เมื่อเปิดออกตรวจกลับพบว่าเต็มไปด้วยเปลือกของเมล็ดบัควีท ที่จริงเสบียงส่งไปถึงทัพด่านหน้าตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว แต่โดนซิ่นอ๋องขวางกักไว้เสียก่อน จวบจนตอนเย็นของเมื่อวานจึงถูกส่งกลับมายังวังหลวง ฮ่องเต้ทรงเดือดดาลเป็นอย่างมาก ทรงมีรับสั่งให้ตรวจสอบเรื่องเสบียงอย่าละเอียด

ฉินหล่างซึ่งอยู่ไว้ทุกข์ที่จวนเจิ้นกั๋วกงกับภรรยามองดูอู๋หมัวมัวที่คุกเข่าร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่ปลายเท้าของเขา ชายหนุ่มยืนเอามือไขว้หลัง สีหน้าเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก

วันที่ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวเจี่ยงเฝิงชุนโดนจงหย่งโหวฉินเต๋อเจาเนรเทศไปอยู่วัด ก่อนจากไปนางร้องไห้อ้อนวอนขอให้ฉินเต๋อเจายอมให้อู๋หมัวมัวซึ่งเป็นบ่าวคนสนิทของนางอยู่ที่จวนจงหย่งโหวต่อเพื่อดูแลบุตรสาวและบุตรชายของนาง

อย่างไรซะก็เป็นสามีภรรยากันมานาน ฉินเต๋อเจาเห็นเจี่ยงเฝิงชุนกอดบุตรชายของตัวเองพลางร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อนึกได้ว่าว่าอู๋หมัวมัวเป็นเพียงหมัวมัวที่ดูแลบุตรสาวและบุตรชายของตน เขาจึงยอมตกลง

จวนจงหย่งโหวกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ คนของศาลต้าหลี่ห้อมล้อมจวนจงหย่งโหวไว้ไม่ให้เข้าออก อู๋หมัวมัวประมวลผลอย่างรวดเร็วจากนั้นอาศัยบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกง อ้างว่าตนจะนำเสื้อผ้าที่ตัดเย็บใหม่มาส่งให้ฉินหล่างจึงสามารถออกมาได้

แม้ฉินหล่างจะย้ายออกจากจวนจงหย่งโหวและสละตำแหน่งซื่อจื่อไปแล้ว ทว่า ชายหนุ่มก็ยังเป็นคุณชายใหญ่แห่งจวนจงหย่งโหว องครักษ์ที่ล้อมจวนฉินเอาไว้นึกได้ว่าฉินหล่างเป็นเขยของจวนเจิ้นกั๋วกง อีกทั้งอู๋หมัวมัวก็เป็นเพียงบ่าวรับใช้ที่มาส่งเสื้อผ้าเฉยๆ จึงสั่งให้คนติดตามมาด้วย

“คนของศาลต้าหลี่ล้อมจวนจงหย่งโหวเอาไว้มิให้ผู้ใดเข้าออก คุณชายเล็กเสียขวัญจนร้องไห้ไม่หยุด คุณหนูทั้งสองคนก็จนปัญญามิรู้จะทำเช่นไร คุณชายใหญ่ได้โปรดเห็นแก่ที่ฮูหยินคอยดูแลคุณชายใหญ่เป็นอย่างดี ช่วยน้องสาวและน้องชายของคุณชายด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”

อู๋หมัวมัวคุกเข่าอยู่บริเวณรูปปั้นสิงโตตรงหน้าประตูหลักของจวนเจิ้นกั๋วกง โขกศีรษะลงกับพื้นจนหน้าผากเป็นรอยช้ำ

“อู๋หมัวมัว ตอนนี้ข้าไม่ใช่ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวแล้ว ข้าเป็นเพียงบัณฑิตคนหนึ่งเท่านั้น แม้อยากช่วยแต่ก็มิมีปัญญาจะช่วยได้ แทนที่หมัวมัวจะมาคุกเข่าขอร้องข้าเช่นนี้ มิสู้ไปขอร้องตระกูลฝ่ายมารดาของท่านแม่จะดีกว่า ไม่แน่อาจมีประโยชน์มากกว่านี้” ฉินหล่างเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน

“คุณชายใหญ่ช่วยได้เจ้าค่ะ! ช่วยได้! ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับตระกูลไป๋มาก ขอแค่คุณชายใหญ่ขอร้องให้องค์หญิงใหญ่ไปทูลขอฮ่องเต้ให้ มันมีประโยชน์กว่าสิ่งใดทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ!”

อู๋หมัวมัวมองฉินหล่างอย่างมีหวังทั้งน้ำตา

ไป๋จิ่นซิ่วได้ยินคำกล่าวนี้ก็โมโหขึ้นทันที เตรียมจะลุกขึ้นแต่โดนไป๋จิ่นถงรั้งไว้เสียก่อน

“น้องหญิงสาม!” ไป๋จิ่นซิ่วหันไปมองไป๋จิ่นถงอย่างไม่เข้าใจ

———————————————

[1] ไท่โส่ว หมายถึง ผู้ดูแลเมือง เทียบเท่ากับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด

[2] บัควีท คือ เมล็ดที่เต็มไปด้วยสารอาหาร มีโปรตีนและใยอาหารสูง คล้ายควินัวแต่วิตามินบีสูงกว่า