บทที่ 159 แขกพิเศษ

บทที่ 159 แขกพิเศษ

หลังได้ยินคำของหวังจื่อหมิง อู๋ฝานถึงรู้สึกวางใจลงได้บ้าง เพียงแต่ราคาสุดท้ายยังไม่ได้ถูกกำหนด ดังนั้นทุกสิ่งอย่างจึงไม่แน่นอน ชายหนุ่มยังคงกังวลอยู่ ทำให้ตลอดทั้งวันจึงเอาแต่คิดเรื่องนี้วนเวียน กระทั่งว่าเร่งรีบไปยังโรงประมูลดอกไม้งามตั้งแต่ช่วงเย็นยังไม่มืดเลยด้วยซ้ำ

ตอนที่อู๋ฝานมาถึง เขากลับได้ทราบว่าหวังจื่อหมิงมาถึงก่อนตนเองเสียอีก

“อู๋ฝาน ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะรีบมาก่อนเพราะอดใจรอไม่ไหว” หวังจื่อหมิงเผยรอยยิ้มเอ่ยคำทักทาย

“พี่หวังมาก่อนผมเสียด้วยซ้ำ” อู๋ฝานหัวเราะตอบรับ

“บอกตามตรงเลยแล้วกัน พี่หวังคนนี้เอาแต่คิดเรื่องนี้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงรีบมาตั้งแต่เย็นยังไม่ทันมืดอย่างที่เห็น” หวังจื่อหมิงยอมรับตามตรง “ฉันเคยแต่มาซื้อของที่นี่ ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ส่งของเข้าประมูลขาย แค่คิดก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว”

หวังจื่อหมิงไม่ได้ตื่นเต้นเพราะเรื่องเงิน แต่เพราะการประมูลครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับตัวเขา ราวกับพบเจอสิ่งน่าสนใจกระตุ้นความตื่นเต้นให้แก่ตนเอง

“นายน้อยหวัง นายน้อยอู๋ พวกคุณมาถึงกันแล้วเหรอครับ” ตอนนี้เองที่เฉาอวิ๋น ผู้จัดการของโรงประมูลออกมาต้อนรับ ท่าทีและสีหน้าดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าครั้งก่อนที่พบเจอเสียอีก

“ใช่ครับ” หวังจื่อหมิงพยักหน้าตอบรับ “ภาพคัดลายมือที่ผมส่งเข้าไปคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?”

“ไม่มีครับ นายน้อยหวังวางใจได้ ไม่มีปัญหาใดทั้งสิ้น” เฉาอวิ๋นเร่งรีบคลี่คลาย “ในช่วงสองวันที่ผ่านมาพวกเราได้โปรโมตภาพส่งแขกกลับ โดยเฉพาะกับบรรดานักสะสมภาพคัดลายมือ ผมได้แนะนำพวกเขาเป็นพิเศษ และผลตอบรับค่อนข้างดีเลยล่ะครับ ข้อมูลที่ได้รับกลับมาค่อนไปทางบวก ผมเชื่อว่าค่ำคืนนี้ ภาพของนายน้อยหวังจะได้รับการประมูลด้วยราคาที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน”

“ดีแล้วครับ” หวังจื่อหมิงพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะชี้ไปยังอู๋ฝานที่อยู่ข้างกายพลางบอก “ภาพนั้นที่จริงแล้วผมกับเขาเป็นหุ้นส่วนกัน บอกตามตรง เขาเป็นคนแรกที่เจอผลงานนี่ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ผม”

เฉาอวิ๋นมองอู๋ฝานด้วยความประหลาดใจ แม้ไม่เข้าใจคำกล่าวของหวังจื่อหมิง แต่การที่อีกฝ่ายพบเจอเป็นคนแรก ย่อมหมายความถึงภาพดังกล่าวที่นำเข้าประมูล กระนั้นตนก็ยังต้องประหลาดใจที่ชายหนุ่มเป็นเจ้าของภาพดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพราะเขามักจะคอยอยู่ข้างหวังจื่อหมิงโดยพูดจาน้อยคำ นอกจากนี้เฉาอวิ๋นยังไม่เคยได้ยินชื่อคนหนุ่มแซ่อู๋ในเจียงโจวมาก่อน ดังนั้นจึงคิดว่าเป็นเพียงทายาทคนมีเงินรุ่นที่สองทั่วไป ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับหวังจื่อหมิง

เพียงแต่ตอนนี้ เหมือนว่าเขาจะประเมินอู๋ฝานต่ำเกินไป

เฉาอวิ๋นจึงเร่งเปลี่ยนท่าทีเป็นกระตือรือร้นยิ่งขึ้น และเริ่มพูดกับชายหนุ่ม “นายน้อยอู๋มีสายตาที่ดีเลยนะครับ ผลงานของหลี่ซูจือมีของปลอมอยู่มากมาย หากนายน้อยอู๋เป็นคนค้นพบผลงานของแท้ได้ด้วยตนเอง ก็ถือว่าสายตาดีเยี่ยมกว่าคนทั่วไปอย่างไม่เห็นฝุ่น!”

เดิมท่าทีที่เฉาอวิ๋นมีต่ออู๋ฝานคือการปฏิบัติทั่วไป แต่เพราะเห็นแก่หน้าหวังจื่อหมิง เขาจึงแสดงท่าทีมีมารยาทกับอีกฝ่าย

เพียงแต่ตอนนี้ มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ทราบกันดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดของโรงประมูล คือการประมูลวัตถุโบราณล้ำค่า เพราะไม่เพียงพวกเขาจะได้รับค่าธรรมเนียมมากมาย แต่ยังได้รับความนิยมชมชอบ ยิ่งได้รับความนิยม ก็จะยิ่งได้รับชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นชื่อเสียงคือสิ่งสำคัญสำหรับวงการนี้

ดังนั้นโบราณวัตถุที่ดี โดยเฉพาะกับของชั้นเลิศ มันจึงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโรงประมูล บรรดาผู้ที่สามารถหาของล้ำค่าเหล่านั้นมาป้อนให้โรงประมูลได้ ย่อมถือเป็นลูกค้าที่ไม่อาจมองข้าม

อู๋ฝานสามารถค้นพบและยืนยันภาพส่งแขกกลับได้ ทั้งยังฝากประมูลกับโรงประมูลของพวกเขา ไม่แปลกหากจะมองอีกฝ่ายเป็นลูกค้าชั้นดี

เฉาอวิ๋นนำเอานามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อ ถัดจากนั้นจึงส่งให้อู๋ฝานพลางเอ่ยคำ “หากนายน้อยอู๋มีของต้องการประมูลในวันหน้า ติดต่อผมได้ตามสะดวกเลยนะครับ ค่าธรรมเนียมจะลดลงเหลือสิบเปอร์เซ็นต์ และตราบเท่าที่ของชิ้นนั้นดีเยี่ยมมากพอ ผมรับปากว่าจะโปรโมตให้อย่างคุ้มค่า ราคาที่ได้รับจะทำให้นายน้อยอู๋พึงพอใจอย่างแน่นอนครับ”

ชายหนุ่มรับนามบัตรของเฉาอวิ๋นมา สุดท้ายจึงตอบรับ “ของดีอาจไม่ได้มีบ่อยนักนะครับ แต่วันหน้า ถ้ามีของอื่นที่น่าสนใจ ก็คงต้องรบกวนผู้จัดการเฉาแล้วครับ”

ในเมื่ออู๋ฝานมีวิชาตรวจสอบ เขาย่อมไม่คิดปล่อยให้มันเสียเปล่า แม้ว่าการหาของโบราณที่หลุดรอดสายตาคนอื่นมาได้นั้นเป็นเรื่องยาก แต่เขาจะคอยมองสำรวจพวกมันอยู่เสมอ และเวลานั้นเขาก็จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ จากสถานที่เช่นโรงประมูลดอกไม้งามช่วยจัดการต่อ

“ยินดีมากครับ ยินดีมาก” เฉาอวิ๋นยิ้มรับอย่างยินดี การมีลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเพิ่มขึ้น สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นเรื่องดี

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็สายนิดหน่อยแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ” หวังจื่อหมิงเอ่ยคำขึ้น

“เชิญท่านทั้งสองครับ ผมหวังว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่น่าพึงพอใจ” เฉาอวิ๋นตอบรับ

“อู๋ฝาน ตอนนี้ในใจของเฉาอวิ๋น สถานะของนายสูงกว่าฉันแล้วด้วยซ้ำนะ” ภายหลังบอกลาเฉาอวิ๋น หวังจื่อหมิงจึงหันไปยิ้มพูดกับอู๋ฝาน

หวังจื่อหมิงทราบเหตุผลที่เฉาอวิ๋นให้ค่ากับอู๋ฝานดี นั่นเป็นเพราะผลประโยชน์และชื่อเสียงที่สามารถมาเยือนโรงประมูลแห่งนี้ได้ จึงไม่แปลกใจหากฝ่ายนั้นจะให้ค่าอู๋ฝานถึงขนาดนั้น

“พี่หวังล้อกันเล่นแล้ว ผมจะเทียบได้ยังไงกันล่ะครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

หวังจื่อหมิงมีตัวตนเช่นไร อู๋ฝานทราบดีแก่ใจ ครอบครัวของหวังจื่อหมิงร่ำรวยในเจียงโจว สถานะของเขาย่อมไม่ใช่อะไรที่สั่นคลอนได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปหรอก” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ความสามารถประเมินของโบราณและของประมูล ถือเป็นสิ่งสำคัญของโรงประมูล ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ในจีนมีโรงประมูลใหญ่เข้ามาแข่งขันกันอย่างดุเดือด โรงประมูลดอกไม้งามจึงเผชิญแรงกดดันไม่ใช่น้อย ดังนั้นการที่นายสามารถหาสมบัติล้ำค่ามาได้ โดยเฉพาะของอย่างภาพส่งแขกกลับ ถือได้ว่าเป็นสมบัติสำหรับพวกเขาเลยทีเดียว ไม่แปลกหากพวกเขาจะอยากประจบเอาใจนาย”

หวังจื่อหมิงมีความเข้าใจในกิจการของโรงประมูลเป็นอย่างดี

“โชคร้าย สมบัติที่ว่าไม่ใช่อะไรที่จะพบได้ง่าย ๆ ต่อให้หาเจอ ก็อาจไม่มีโอกาสคว้ามันมาน่ะสิครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

สมบัติระดับหายาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลุดรอดสายตาของนักประเมินคนอื่นมา หากว่าราคาสูงจนเกินไป ต่อให้อู๋ฝานหาพบ เขาก็ไม่อาจซื้อได้ ดังนั้นจึงถือว่าไร้ความหมาย

ขณะคนทั้งสองเดินพลางพูดคุยกัน ก็มาจนถึงโถงสำหรับงานประมูลแล้ว

เพราะค่ำคืนนี้เป็นงานประมูลฤดูร้อนของโรงประมูลดอกไม้งาม ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือแขกที่มาเยือน ก็มีจำนวนมากมายกว่างานประมูลเล็กเมื่อสามวันก่อน ดังนั้นแทนที่จะใช้โถงเล็กเหมือนครั้งเก่า ครั้งนี้จึงถูกเปลี่ยนมาใช้โถงที่ขนาดใหญ่กว่าและหรูหรายิ่งกว่าแทน

ในโถงใหญ่มีหลายคนมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเหล่านี้กำลังพูดคุยกัน โดยแบ่งเป็นกลุ่มสองถึงสามคน เนื้อหาที่พูดคุยนั้นเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณ พวกเขาคือคนที่มางานประมูลในค่ำคืนนี้เพื่อซื้อหา เป็นนักสะสมของโบราณ

แน่นอนว่า ยกเว้นอู๋ฝานไว้คนหนึ่ง

หวังจื่อหมิงมีคนคุ้นเคยมากมาย ทันทีที่ปรากฏตัวก็มีหลายคนเข้ามาทักทายเขา ขณะที่อู๋ฝานเดินอยู่ตามลำพัง

“สหายน้อยอู๋ฝานมาที่นี่ด้วยหรือ?” ขณะอู๋ฝานกำลังเดินเตร่อยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น

อู๋ฝานสำรวจหาต้นเสียง พบว่าเป็นผู้เฒ่าฟางที่มาจากเมืองหลวงซึ่งเคยพบเจอกันเมื่อวันก่อน