บทที่ 132 เข้าหอ

ถังหลี่ได้ยินเช่นนั้น นางจึงรับตะกร้ามาอย่างเต็มใจ

“ขอบคุณทุกคน”

“ตะกร้านี้สำหรับหมอซู ข้าจะเอาไปไว้ในครัว” หลี่โหยวไฉ่นำตะกร้าใส่ไข่เข้าไปในครัว ก่อนจะวิ่งจากไป

เมื่อมีเหตุการณ์ใหญ่เช่นที่ผ่านมา หลี่โหยวไฉ่ที่เป็นหัวหน้าจึงมีงานยุ่งมาก ถังหลี่มองตามแผ่นหลังของเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นเขาลับตาไป นับเป็นโชคดีของหมู่บ้านลี่เจียที่หลี่โหยวไฉ่เป็นคนอุทิศตนเพื่อส่วนรวมและมีความกล้าหาญ หากเป็นหลี่ฟู่กุ้ยล่ะก็ คาดว่าคงได้นอนรอโจรมาเคาะประตูตายกันทั้งหมู่บ้านแล้ว ดังนั้นความสำเร็จของหมู่บ้านนั้นมีจึงมีหลายปัจจัยรวมกัน

สุดท้ายแล้วถังหลี่ไม่ได้มีร่างกายเป็นเหล็กกล้า หลังจากทำงานทุกอย่างเสร็จนางขอตัวไปพักผ่อนทันที ป้าเกาทำอาหารมาในมื้อเย็น จูเฉิงกับหลันฮวามาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน

หลันฮวาเกล้ามวยผมขึ้นทำให้นางดูเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว ไม่เหลือวี่แววของเด็กสาวคนเดิม ตัวสามีของนางเองก็รักและทนุถนอมหลันฮวามาก เขาทำทุกอย่างให้นาง คีบอาหารอร่อย ๆ ไปวางบนชามข้าวนาง หลันฮวารู้สึกขัดเขิน นางผลักจูเฉิงออกไปเบา ๆ

เว่ยฉิงไม่ใช่คนที่จะยอมกินอาหารสุนัข เขาคือผู้ผลิตอาหารสุนัขต่างหาก เขาเลือกคีบไก่ขึ้นมาเอาไปจ่อไว้ที่ริมฝีปากของถังหลี่ หญิงสาวถลึงตาใส่เขาทำให้เว่ยฉิงโน้มตัวลงไปกระซิบเบา ๆ

“ฮูหยิน เห็นแก่หน้าข้าเถอะ”

นางอ้าปากกินไก่ชิ้นนั้นเข้าไปทันที

เมื่อหลันฮวาเห็นความใกล้ชิดของถังหลี่และเว่ยฉิงนางจึงไม่รู้สึกขัดเขิน ปล่อยให้จูเฉิงเอาอกเอาใจนางต่อไปแทน

หลังจากกินอาหารเสร็จแล้วถังหลี่และหลันฮวาจึงเข้ามาคุยกัน

“หลันฮวา ชีวิตการแต่งงานนั้น หากจูเฉิงดีต่อเจ้า เจ้าก็รับมันไว้ หากเขาซื้ออะไรให้เจ้า เจ้าก็อย่าลืมยกย่องชมเชยเขา เขาจะได้รู้สึกภูมิใจและคิดว่าต่อไปจะทำดีกับเจ้าเช่นไร หากเจ้ายังคงผลักไสเขาหรือปฏิเสธที่จะไม่รับ ไม่นานเขาจะเบื่อหน่าย ความรู้สึกนั้นจะค่อย ๆ จางหายไป หากเขาดีต่อเจ้า เจ้าก็ต้องดีต่อเขาเช่นกัน หากทำได้เช่นนี้ ชีวิตแต่งงานของเจ้าจะหวานชื่นเข้าใจหรือไม่” ถังหลี่กล่าว

ถึงแม้ในความเป็นจริงนั้นชีวิตการแต่งงานของนางนับว่ายังครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่

ถังหลี่สามารถบอกหลันฮวาได้เพียงแค่ในสิ่งที่นางรู้เท่านั้น โดยหวังว่านางกับจูเฉิงจะครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป แม้ทางเดินข้างหน้าจะมีอวี่ชุนอิงอยู่ด้านหน้า มีโจรภูเขาซุ่มอยู่ด้านหลัง ทั้งสองจะสามารถฝ่าฟันมันไปได้ ชีวิตคู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หลันฮวาตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง นางจดจำทุกคำพูดของถังหลี่ เด็กสาวพยักหน้ารับเป็นครั้งคราว นางมีความชื่นชมในตัวถังหลี่มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าถังหลี่จะพูดอะไรหลันฮวาย่อมเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้สักนิด!

….

วันรุ่งขึ้นถังหลี่และเว่ยฉิงกลับไปยังเมืองเหยาสุ่ยพร้อมลูกน้อยทั้งสองคน ป้าจ้าวรู้สึกตกตะลึงมากเมื่อเห็นพวกเขา แต่สีหน้าท่าทางที่เหนื่อยอ่อน ทำให้ป้าจ้าวรีบไปจุดเตาต้มน้ำร้อนให้ทันที

ถังหลี่อาบน้ำร้อนชำระกายก่อนจะไปอาบให้เด็กน้อยทั้งสอง เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว นางจึงกลับมาที่ห้องของตัวเองตั้งใจจะหลับพักผ่อนสักงีบหนึ่ง

ทางด้านเว่ยฉิงนั้นเป็นคนมีนิสัยชอบอาบน้ำเย็น แม้จะเป็นเดือนสิบสองที่อากาศหนาวเหน็บก็ตามที เขาก็ยังยืนยันที่จะอาบน้ำด้วยน้ำเย็นเช่นเดิม ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอน เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาอบอุ่นดี

เขาสวมกอดภรรยาที่สวมเพียงเสื้อตัวในจากด้านหลัง โอบเอวของนางด้วยแขนทั้งสองข้าง จูบเบา ๆ ที่หลังใบหูของถังหลี่

ฮึ! ถูกขโมยจูบอีกแล้ว

ถังหลี่หันกลับไปมองใบหน้าคมคายของสามีตน ไล่ลงไปที่แผ่นอกแข็งแกร่ง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่บึกบึน ถัดไปเป็นกล้ามหน้าท้องแปดส่วน เส้นของกล้ามเนื้อที่เลื้อยหายไปในกางเกงที่เขาสวม

เว่ยฉิงรูปร่างดูดีขึ้นมาก การได้จ้องมองเช่นนี้ถือเป็นอาหารตาชั้นเลิศ

“ภรรยาแค่ดูมันจะมีประโยชน์อะไร ลองสัมผัสมันดูดีหรือไม่?” เว่ยฉิงพูดอย่างขัดใจ

“เอาสิ” ถังหลี่พยักหน้า

ดวงตาพยัคฆ์ของชายหนุ่มเบิกกว้าง ทันใดนั้นเองท่าทีของบุรุษเจ้าเล่ห์ก็กลับกลายเป็นเพียงสุนัขที่โง่เขลาตัวหนึ่ง

เมียเขาพูดอะไรนะ!

นี่ตนเองได้ยินอะไรผิดไปหรือ?!

“ฮูหยิน เจ้าพูดใหม่ซิ!” เว่ยฉิงถามออกไปอย่างเสียงดัง แต่น้ำเสียงของเขายังเจือความเขินอายอยู่

ถังหลี่ขยับตัวเอียงไปด้านข้างของเว่ยฉิงก่อนจะเขย่งปลายเท้ากระซิบบางอย่างข้างหูอีกฝ่าย ก่อนที่ใบหน้าของสามีจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

“ฮูหยิน…ที่เจ้าพูด…อ่า จริงหรือ?” เว่ยฉิงพูดจาติดอ่าง ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะวางมือกับเท้าตัวเองไว้ตรงไหน

สิ่งที่หญิงสาวพูดนั้นเรียบง่ายมาก เป็นเพียงสองคำสั้นๆ – เข้า หอ –

เมื่อมองไปที่ทางท่าเขินอายราวกับคนโง่งมแล้ว คนป่าของนางก็เป็นแค่คนแข็งนอกอ่อนในเท่านั้น แม้จะดูเหมือนคนผ่านโลกมามาก แต่เมื่อเปิดปากพูดก็เป็นเพียงเด็กไร้เดียงสา ถังหลี่รู้สึกว่าเว่ยฉิงน่ารักมาก ทำให้นางยิ่งชอบเขามากขึ้น

หลังจากผ่านความเป็นความตายในเหตุการณ์โจรภูเขาแล้ว ถังหลี่ตระหนักได้ว่าวันพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หาก นางและเว่ยฉิงชอบพอกัน การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวถือเป็นเรื่องที่อย่างไรเสียก็ย่อมเกิดขึ้นในสักวัน เช่นนั้นแล้วนางจะมัวคิดเล็กคิดน้อยได้อย่างไร

เว่ยฉิงกลืนความเขินอายของตนลงไป เขาลูบเอวของนางและพูดอย่างอ้อยอิ่ง

“ฮูหยิน เจ้าอยากเข้าหอกับข้าเมื่อใดหรือ?”

เว่ยฉิงกุมมือทั้งสองของตัวเองแน่น ดวงตาพยัคฆ์ของเขามีประกายระยิบระยับพาดผ่านอย่างคาดหวัง

ตอนนี้ถังหลี่กำลังโดนความน่ารักของสามีเข้าจู่โจม หัวใจของนางแทบจะละลายเป็นน้ำ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ดุดันจะน่ารักได้ถึงขนาดนี้ หญิงสาวแสร้งมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด อย่างไรรอให้ถึงเวลากลางคืนก่อน”

กลางคืน….

ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

แต่แล้วก็มีความคิดบางอย่างผ่านเข้ามาในสมอง เหมือนเป็นสัญญานเล็ก ๆ เขาแทบทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ทว่าภรรยาของเขาพูดถูก ช่วงเวลากลางวันนั้นไม่เหมาะจริง ๆ ลูก ๆ ของเขาอาจจะได้ยินเสียงที่ไม่เหมาะสมบางอย่าง

กลางคืนดีที่สุด!

เมื่อนึกถึงว่าจะได้เข้าหอกับนางในตอนกลางคืน ใจของเว่ยฉิงก็อัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้น ร่างกายของเขาสูบฉีดไปด้วยพลังงานที่ล้นเหลือ ชายหนุ่มวิดพื้นไปหลายร้อยครั้งเพื่อระงับอารมณ์ที่คุกรุ่น แต่มันยังไม่พอ เขาใส่เสื้อผ้าออกไปวิ่งรอบสนามนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อเสร็จแล้วสภาพของเขาราวกับปลาที่เพิ่งตกขึ้นจากน้ำ

ชายหนุ่มเหมือนสุนัขตัวใหญ่ที่มีความสุขมากในตอนนี้ ทั้งป้าจ้าวและเด็ก ๆ พากันมองอย่างงงงัน

เว่ยฉิงหวังว่าพระอาทิตย์จะตกจากท้องฟ้าได้เร็วกว่านี้สักหน่อย หากเขาจ้องพร้อมส่งเสียงคำรามพระอาทิตย์จะรีบมุดเข้าไปด้านหลังของภูเขาหรือไม่

ยามค่ำ

เว่ยฉิงล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด เขาทนรอแทบจะไม่ไหวมาทั้งวัน แต่ตอนนี้ความเขินอายวิ่งกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้ง ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักที่หน้าประตูห้องนอนก่อนจะตัดสินใจผลักมันออก

ภายในห้องนอนภรรยาที่ใบหน้างดงามราวกับดอกเหมยปลายตามองมาทางเขา ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เว่ยฉิงโน้มตัวเข้าไปหานาง

“ฮูหยินมืดแล้ว”

“อือ”

“เราควรทำเช่นไรก่อนหรือ?”

“เปลื้องผ้า”

ในตอนแรกเว่ยฉิงดูสับสน เขาเหมือนเด็กโง่ไม่ประสีประสา แต่ชายหนุ่มทำตามที่ถังกลี่บอก

ท้ายสุดแล้วหมาป่าย่อมเป็นหมาป่า แม้ว่าในบางครั้งบางคราวเขาจะทำตัวเหมือนไซบีเรียนฮัสกี้ไปบ้าง แต่เมื่อพวกมันเห็นเนื้อชิ้นโต ย่อมไม่พลาดที่จะกัดกินอย่างดุเดือด

ถังหลี่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

นางยังเป็นสาวพรหมจารี ทั้งหมดที่นางรู้ก็มาจากการอ่านนวนิยายบางประเภทเท่านั้นไม่เคยมีประสบการณ์จริงมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ถังหลี่ไม่รู้ว่าควรจะสอนอะไรเขาดี

แต่ผ่านไปไม่นานนางก็ไม่มีเวลาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป

นางกลายเป็นเหมือนจอกแหนที่ล่องลอยไปมาท่ามกลางกระแสคลื่นที่พริ้วไหวในทะเลสาบ

….

เช้าวันถัดไป

เมื่อถังหลี่ลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงอาทิตย์ก็โผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว ร่างของอ่อนนางปวกเปียกราวกับถูกรถชน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยอ่อนมาก ถังหลี่ยังคงสับสนเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานนักนางก็จำได้ว่าในค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เมื่อคืน….

บุรุษผู้นั้นกลืนกินนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับหมาป่าหิวโซ

ใบหน้าของถังหลี่แดงระเรื่อขึ้น เมื่อหันศีรษะไป ก็สบตาเข้ากับดวงตาพยัคฆ์คู่หนึ่ง

***********