บทที่ 131 รับผลกรรม

“หัวหน้าหมู่บ้านข้าผิดไปแล้ว อย่าส่งข้าให้ทางการเลย! ข้าหน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ! ข้าไม่กล้าแล้ว! อย่างไรก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ยกโทษให้ข้าเถอะนะ!”

ตู้เสี่ยวเหอรักตัวกลัวตาย นางพยายามดิ้นรน ทั้ง ๆ ที่ถูกมัดอยู่ก็ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้หลี่โหยวไฉ่กับถังหลี่ นางรู้สึกเสียใจมาก เหตุใดนางจึงเลือกหันหน้าไปพึ่งญาติที่เป็นโจร?!

ส่วนหลี่เที่ยมู่หวาดกลัวมาก เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นปล่อยปัสสาวะไหลออกมาตามขากางเกง

“ใช่แล้ว…พวกโจรมันบังคับข้า! หากข้าไม่ทำพวกมันจะฆ่าข้า!”

“ไม่สิ! หลี่เที่ยมู่ ทั้งหมดเป็นความคิดของหลี่เที่ยมู่!”

“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! อย่าส่งตัวข้าให้เจ้าหน้าที่เลย! ได้โปรด!” ตู้เสี่ยวเหอจ้องไปที่ถังหลี่

แต่ไม่ว่านางจะอ้อนวอนเพียงใด ถังหลี่ก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจนางเลยแม้แต่น้อย ตู้เสี่ยวเหอชักนำโจรภูเขาพวกนี้มา หากไม่ใช่เพราะถังหลี่ฝันล่ะก็ ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์จำนวนมากจะต้องถูกฆ่า ผู้หญิงอีกกี่คนจะต้องถูกพวกโจรข่มเหง คนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาสมควรจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างนั้นหรือ? ตู้เสี่ยวเหอจะต้องชดใช้ให้สาสม!

ทันใดนั้นหลี่เที่ยมู่ที่นั่งอยู่กับพื้นก็พุ่งตัวเข้ากัดหูของตู้เสี่ยวเหอแน่นราวกับตั้งใจจะกัดให้ขาด จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่สองคนต้องมาแยกพวกเขาออกจากกัน

“นังตัวเหม็น! ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของเจ้า! ข้าต้องตายเพราะเจ้า! ข้าไปทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาแต่งงานกับคนอย่างเจ้ากัน!”

“โฮ!!” ตู้เสี่ยวเหอทำได้เพียงร้องไห้ออกมาเท่านั้น

เจ้าหน้าที่เอาผ้ามาปิดปากคนทั้งคู่และพาตัวพวกเขาไป การจับโจรภูเขาสิบหกคนถือเป็นเรื่องใหญ่มาก แม้จะไม่ใช่ผลงานที่ยิ่งใหญ่มากนัก หากแต่การจับผู้สมรู้ร่วมคิดได้ด้วย นับได้ว่าเป็นความดีความชอบที่เพิ่มขึ้น

พวกเจ้าหน้าที่จากไปอย่างมีความสุข

หลังจากจัดการเรื่องของโจรภูเขาแล้ว ถังหลี่และเว่ยฉิงเดินไปยังโรงงานถุงหอมด้วยกัน ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกพาตัวไปนอนพักที่ลานโรงงานถุงหอม แม้จะเป็นลานดินหากแต่ปูด้วยฟางและหญ้าแฝก ทุกครอบครัวนำผ้าห่มที่หนาที่สุดมาให้ แม้จะเป็นที่โปร่งโล่ง ทว่าเมื่อจุดกองไฟไว้ยามค่ำคืนจึงไม่หนาวมากนัก ยามกลางวันแสงแดดสาดส่องลงมาทำให้อากาศร้อนอบอ้าวมาก

คนที่ได้รับบาดเจ็บมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ บางคนได้รับบาดเจ็บที่มือ และเท้า หรืออวัยวะภายใน พวกเขามีผ้าพันแผลพันอยู่ตามร่างกาย เมื่อชาวบ้านเห็นเว่ยฉิงและถังหลี่ ต่างยิ้มแย้มทักทาย

สมาชิกครอบครัวอยู่เคียงข้างคนป่วย บางคนเป็นมารดา บางคนเป็นภรรยา

ในขณะนั้นเองสตรีที่กำลังซุบซิบกันอยู่สองสามคน ผลักคนหนึ่งในวงออกมาด้านหน้า

“ฮูหยินเว่ย” สตรีอายุประมาณยี่สิบเรียกถังหลี่อย่างเกรงใจ

“พี่สาวมีอะไรหรือ?” ถังหลี่ถามนาง

“ฮูหยินเว่ย หมอซูบอกว่ายาพวกนี้ท่านเป็นคนซื้อมา พวกมันราคาเท่าไหร่หรือ? ท่านบอกราคามาเถอะ พวกเราจะจ่ายเงินให้”

“ใช่แล้ว ฮูหยินเว่ย บอกมาได้เลยพวกเรายินดีจ่ายให้”

ตอนนี้ทุกครอบครัวยากจนมาก แต่ไม่ว่าสภาพความเป็นอยู่จะลำบากขนาดไหน พวกเขาก็ไม่อยากติดหนี้ใคร ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะสามีภรรยาคู่นี้แล้ว หมู่บ้านลี่เจียคงไม่มีผู้คนเหลืออยู่อีกแล้ว

หากจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เมินเฉยไปพวกเขาจะไม่ละอายแก่ใจหรือ? ต่อให้มีหนังหน้าหนาแค่ไหน แต่บุญคุณในครั้งนี้ก็ออกจะมากเกินไปแล้ว หากค่ายามันแพงมากก็จะไม่ใช้ให้เปลือง กัดฟันทนเอาเสียหน่อยไม่ช้าก็ดีขึ้นเอง

“ข้าจะจ่ายค่ายาให้พวกเจ้าทุกคนเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้” ถังหลี่กล่าว

“นี่…มันไม่มากเกินไปหรือ?”

“ใช่แล้ว พวกเรามีคนป่วยหลายคนมากนัก เจ้าจ่ายไปเท่าไหร่แล้ว”

“หมอซูก็ไม่รับเงินค่ารักษา เจ้าเองก็ไม่ต้องการเงินค่ายา พวกเราเป็นหนี้บุญคุณขนาดนี่ไม่ไหวหรอก”

“แต่ผลผลิตของพวกเราปีนี้ไม่ดีนัก ทุกคนล้วนลำบาก ข้ากับเว่ยฉิงหาเงินได้ในปีนี้ ดังนั้นให้ข้าได้ช่วยเถอะ หากปีหน้ากิจการของข้าไม่ดี ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว อย่างไรเสียก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจไป!” ถังหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม

“ตกลง ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของพี่สะใภ้เว่ยเลย!”

“ขอบคุณฮูหยินเว่ย”

“พี่เว่ยและหมอซูคือผู้มีพระคุณของพวกข้า”

ทุกคนผลัดกันกล่าวขอบคุณนาง

“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง อย่างไรทุกคนต้องหายแน่นอน เมื่อหายแล้วพวกเจ้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น”

ทุกคนพยักหน้ามองถังหลี่และเว่ยฉิงอย่างซาบซึ้ง ในขณะนั้นเองฮูหยินซูและหลันฮวาออกมาจากห้องครัว คนหนึ่งถือถังไม้ไว้ อีกคนถือหม้อที่มีชามใส่ไว้ข้างใน

ถังหลี่ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น

“น้ำแกงกระดูกหรือ?”

“ใช่แล้ว ข้าต้มน้ำแกงกระดูกไว้ ให้ทุกคนดื่มจะได้หายเร็วขึ้น”

ถังหลี่รีบเข้าไปช่วยฮูหยินซูตักน้ำแกงใส่ชาม ก่อนจะนำมันไปแจกพร้อมกับหลันฮวา

“ขอบคุณฮูหยินเว่ย!”

“น้ำแกงอร่อยมาก ข้าไม่อยากหายเลย” เด็กชายผิวคล้ำอายุประมาณสิบสามหรือสิบสี่ปีพูดขึ้น

“เด็กโง่ ไม่เจ็บหรือ?” ถังหลี่เคาะหัวเขา

เด็กชายคนนั้นยิ้มอย่างเขินอาย เพราะถึงแม้จะเจ็บ แต่การดื่มน้ำแกงนี้ทำให้เขามีความสุข เขาไม่ได้ลิ้มรสเนื้อมานานหลายเดือนแล้ว หลังจากชาวบ้านดื่มน้ำแกงเสร็จ หมอซูเข้ามาดูอาหารและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ทุกคน

“อาการบาดเจ็บของทุกคนไม่เป็นอันตรายมากนัก ยกเว้นลุงหวู่ฝู เอ้อร์โกว และเสี่ยวหลิวซี สามคนนี้บาดเจ็บภายใน ที่เหลือกลับไปบ้านได้ แต่อย่าลืมมาหาข้าทุกวันเพื่อทำแผลใหม่ และหากพวกเจ้าคนใดมีไข้ขึ้นหรือรู้สึกไม่ดีก็รีบมาหาข้าโดยเร็วล่ะ” หมอซูเอ่ย

“ขอบคุณขอรับหมอซู เช่นนั้นพวกเรากลับบ้านกันเถิด”

“ขอบคุณหมอซู..”

ทุกคนเข้ามาขอบคุณพวกเขาทีละคน คนที่ได้รับบาดเจ็บที่ขาก็ได้คนในครอบครัวช่วยพยุงกลับบ้าน เสื่อฟางกับผ้าห่มบนพื้นถูกทยอยเก็บกลับไป

เด็กชายผิวคล้ำคนเดิมนั้นมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่แขนจนเห็นกระดูกด้านใน แต่ตัวเขานั้นไม่ได้อยู่ในรายชื่อของคนที่ต้องนอนพักที่นี่ต่อ เด็กชายจึงเดินจากไปอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

“พรุ่งนี้ยังมีน้ำแกงกระดูกอยู่นะ หากเปลี่ยนผ้าพันแผลแล้วเจ้ามาดื่มมันได้ รีบกลับบ้านไปเร็ว” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฮูหยินเว่ย ข้าชอบท่านที่สุดเลย!” เด็กชายรู้สึกดีใจมากทันที

เว่ยฉิงเดินเข้ามาเอาแขนโอบไหล่ของภรรรยาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

“แต่ข้าไม่ชอบเจ้า!” โหดมาก!

เด็กชายแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เว่ยฉิงก่อนจะวิ่งหนีไป

ฮูหยินซูทำความสะอาดห้องพักเตรียมไว้ ส่วนเว่ยฉิงกับหมอซูกำลังช่วยเคลื่อนย้ายลุงหวู่ฝู เอ้อร์โกวซี เข้าไปนอนพักในห้อง เตียงในห้องที่เตรียมไว้นั้นนอนสบายกว่าที่พื้นดินมากนัก ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ควรจะได้นอนที่นอนดี ๆ

ร่างกายจะได้ฟื้นตัวได้เร็ว

ถังหลี่เข้าไปช่วยหมอซูจัดเตรียมสมุนไพรต่าง ๆ ที่ห้องข้าง ๆ เอ้อร์เป่าและซานเป่าก็อยู่ในห้องด้วยเช่นกัน เด็ก ๆ นั่งเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ สองตัว ช่วยหมอซูเลือกสมุนไพรอย่างตั้งใจ ทันทีที่มารดาเข้ามาเด็กทั้งคู่ก็ย้ายตัวเองไปนั่งอยู่ข้างนางทันที

เจ้าก้อนแป้งทั้งสองยังเด็กและทำอะไรได้ช้ามาก แต่ทั้งคู่ล้วนมีความตั้งใจจริง

“เสี่ยวถัง ที่หมู่บ้านสถานการณ์สงบแล้ว ถ้าเจ้ากับเว่ยฉิงมีงานยุ่งก็กลับเข้าเมืองไปเถิด ข้ากับไท่หยวนจะดูแลที่นี่ต่อเอง” ฮูหยินซูกล่าว

ฮูหยินซูมองใบหน้าหญิงสาวซึ่งเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทำให้นางรู้สึกเป็นห่วง ยิ่งถังหลี่อยู่ที่นี่ ก็ยิ่งมีเรื่องให้ทำทั้งวัน นางจะไม่มีเวลาพักผ่อน

“พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปพร้อมเว่ยฉิง แต่วันนี้ข้าจะอยู่ดูก่อนว่ามีอะไรให้ช่วยอีกหรือไม่” ถังหลี่ยืนกราน

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวได้ตัดสินใจแล้ว ฮูหยินซูจึงไม่พูดอะไรให้มากความไปกว่านี้

ถังหลี่ทำงานในช่วงเช้า หลี่โหย่วไฉ่ก็เข้ามาหานางในช่วงบ่าย เมื่อหญิงสาวออกไป นางเห็นเขายืนอยู่ในลานบ้าน มีแต่บาดแผลอยู่เต็มตัว แต่ไม่รุนแรง

“ฮูหยินเว่ย ข้าไปดูชาวบ้านว่าได้กลับถึงบ้านทุกคนแล้ว ข้าเพิ่งเสร็จธุระ ข้านำของสิ่งนี้มาให้ท่าน”

หลี่โหยวไฉ่ยื่นตะกร้าที่เต็มไปด้วยไข่มาให้นาง

“นี่คือ…” หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“นี่เป็นที่ของชาวบ้านรวบรวมกันมาให้ เป็นการตอบแทนน้ำใจที่ทุกคนตั้งใจมอบให้ ท่านช่วยรับไปเถอะ”

……………………..