นที่ 51 “วันนั้น” ครั้งแรกของลอตเต้

“อืมมม เราก็พอเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปแล้ว เพราะยังไงฟาร์มาก็มักจะมารายงานเรื่องต่างๆ ให้เรารู้อยู่แล้ว”

จักรพรรดินีให้พยักหน้าหลังฟังซาโลม่อนอธิบายถึงสถานการณ์ต่างๆ จนถึงปัจจุบัน

หากฟาร์มากับซาโลม่อนเดินทางมาโดยรถม้าคันเดียวกันอาจจะเป็นที่สังเกตของทางศาสนจักรได้ดังนั้นพวกเขาจึงต้องแยกรถม้ากันเพื่อเดินทางมาอีกที

ฟาร์มาที่มาถึงก่อนก็ได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และซาโลม่อนที่ตามมาทีหลังก็ได้เสริมรายละเอียดของเหตุการณ์นั้นให้

แล้วตัวฟาร์มาก็กลับไปที่ร้านขายยา

“นครศักดิ์สิทธิ์กำลังวางแผนจะผนึกพลังของฟาร์มาไปใช้เอง… เจ้าแน่ใจแล้วงั้นหรือ?”

“เกรงจะต้องตอบว่านั่นเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ”

ซาโลม่อนถูกจองจำไว้ในคุกก็เพราะไม่ยอมบอกที่อยู่ของฟาร์มาและพยายามปกปิดตัวตนของเขา ส่วนผู้ติดตามของเขานั้นถึงจะไม่โดนหนักเท่าแต่ก็ถูกส่งตัวออกไปยังประเทศอื่นพร้อมถูกจับตามอง

“งั้นเจ้าหมายความว่าฟาร์มาเป็นเทพโอสถจริงงั้นหรือ?”

เอลิซาเบทถามอีกครั้ง

เธอต้องการได้ยินจากปากของอดีตหัวหน้านักบวชเอง

“กระหม่อมไม่แน่ใจนักว่าตัวเขานั้นเป็นร่างอวตารของเทพโอสถเลยหรือเป็นเพียงร่างที่ถูกเทพโอสถยืมมาใช้ แต่เรื่องที่เขามีพลังของเทพโอสถนั้นเป็นเรื่องจริงแท้อย่างไม่ต้องสงสัยพ่ะย่ะค่ะ แม้เขาจะพยายามปฏิเสธมันก็ตาม”

“หื้ม แต่บรรยากาศจากตัวเขา เราว่ามันดูแตกต่างออกไปนิดหน่อยนะ”

จักรพรรดินีจิกปากของเธอเล็กน้อย

“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพราะตัวเขานั้นเป็นเทพผู้ซึ่งพยายามจะใกล้ชิดและปรับตัวให้เข้ากับสังคมมนุษย์ของเราให้ได้มากที่สุด แม้ตนจะมีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่เขาก็ไม่เคยจะนำมันออกมาใช้เลยสักครั้ง นั่นจึงทำให้บุคลิกของเขาดูแตกต่างจาก เหล่าเทพผู้พิทักษ์ที่เคยลงมาจุติก่อนหน้านี้”

คำพูดของซาโลม่อนนั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรง เพราะตัวเขาที่ถูกช่วยมาจากสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงขนาดนั้น คงไม่มีใครนอกจากฟาร์มาที่จะทำแบบนั้นได้อีก

“แล้วทางศาสนจักรยังไล่ตามหาฟาร์มาอยู่อีกไหม?”

“กระหม่อมคงไม่แปลกใจเลยหากพวกนั้นจะทำการลักพาตัวเขาหรือจับตัวประกันอีก เพราะทางศาสนจักรต้องการนำตัวท่านฟาร์มาไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ แถมผู้ติดตามของเขาอาจจะถูกจับตามองอยู่ด้วยก็เป็นได้ ดังนั้นจะเป็นร้านขายยาหรือคฤหาสน์ของพวกเขาก็คงไม่อาจจะบอกได้ว่าปลอดภัยอีกต่อไป”

สิ่งที่ซาโลม่อนกังวลนั้นคือมาตรการหลังจากนี้ของศาสนจักร ทั้งเรื่องการดูแลนักโทษและความรัดกุมภายในอีก

“เลวร้ายที่สุด แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากทางศาสนจักรได้ตัวฟาร์มาไป?”

“เทพผู้พิทักษ์จะถูกนำไปจองจำที่นครศักดิ์สิทธิ์และรับการสักการบูชาที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วพวกนั้นจะหยุดฟาร์มาได้เช่นไรกัน?”

เพราะเป็นเรื่องลับภายในศาสนจักรที่มีแต่เหล่านักบวชเท่านั้นที่รู้กัน จึงไม่แปลกหากจักรพรรดินีจะไม่ทราบถึงเรื่องนี้

แน่นอนว่าที่เขาเล่าเช่นนี้ย่อมเป็นการทรยศต่อศาสนจักรแต่เขาก็ไม่เสียใจแม้แต่น้อย

“เขาจะถูกนำตัวไปไว้ในสถานที่ที่เรียกว่าอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งพลังของเทพผู้พิทักษ์ก็จะถูกดูดกลืนและผนึกไว้ในนั้นจนไม่สามารถออกไปไหนได้อีก เนื่องจากโดนอาณาเขตนั้นช่วงชิงพลังไป ท่านฟาร์มาจะโดนดูดพลังออกจากตัวไปอย่างต่อเนื่อง ว่ากันว่าความรู้สึกเมื่ออยู่ภายในนั้นเป็นอะไรที่สะดวกสบายราวกับอยู่ในราชวังหรูหรามีเหล่านักบวชคอยรับใช้บูชา แต่นั่นก็แลกมากับอิสรภาพที่ถูกช่วงชิงไป”

แต่นั่นคือในกรณีที่มันได้ผลกับฟาร์มา ซาโลม่อนตั้งข้อสงสัย

เพราะในอดีตนั้นก็เคยมีเหตุการณ์ที่การผนึกพลังนั้นใช้ไม่ได้ผลกับเทพที่แข็งแกร่งมากจนเกินไป ซาโลม่อนจึงแอบคิดว่าหากเป็นฟาร์มาแล้วคงจะหนีออกมาได้ไม่ยากแม้จะถูกนำตัวไปที่นั่นแล้วก็ตาม

(เพราะทางศาสนจักรยังคิดว่า เทพโอสถที่จุติครั้งนี้มีดีแค่ปริมาณพลังศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มีความแข็งแกร่งพอจะทำลายอาณาเขตลงได้)

จักรพรรดินีแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ฟังแผนการของทางศาสนจักร

“ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่งนักเมื่อรู้ว่าทางศาสนจักรพยายามกักขังเทพไว้เช่นนี้ เหล่าพวกนักบวชไม่หลงเหลือคำว่าความศรัทธาอยู่เลยหรือไงกัน?”

“คงเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

ซาโลม่อนก้มหน้าลงด้วยความสั่นกลัว

“เราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหรอกนะเมื่อตัวฟาร์มา หมกมุ่นอยู่กับยาและคนไข้เพียงเท่านั้นหากเขาไปติดกับทางนั้นเขาจนไม่สามารถออกมารักษาคนไข้ได้จะเป็นเช่นไรกัน”

เอลิซาเบทแสดงความรู้สึกรำคาญใจจนแทบบ้าออกมา

เธอต้องการให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการ แม้ตนจะเป็นถึงจักรพรรดินีแต่การแทรกแทรงเรื่องที่ฟาร์มาทำนั้นน้อยมาก ถึงใจจะอยากมอบกระทั่งที่ดินศักดินารวมไปถึงเงินสนับสนุนเพิ่มเติมต่างๆ มากมาย

ร้านขายยานั้นถือเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ที่ไม่ควรถูกทำให้แปดเปื้อนโดยมนุษย์และปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรนั่นคือสิ่งที่เธอคิด

“แล้วหากทางศาสนจักรได้พลังของฟาร์มาไปพวกเขาต้องการจะนำมันไปใช้อะไรให้กับโลกใบนี้กัน?”

“ตัวกระหม่อมนั้นเป็นเพียงแค่นักบวช ผู้ที่รู้ถึงจุดหมายนั้นมีเพียงเหล่าพระคาร์ดินัลเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“หืมมมม…เอาเถอะเราจะเชื่อใจเจ้าก็แล้วกัน”

ครั้งต่อไปหากเขาถูกจับไปอีกคงไม่พ้นโทษตาย แต่เขาก็ไม่ได้เสียใจกับคำพูดที่ได้กล่าวออกไปเลย

“กระหม่อมคือผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่ใช่ศาสนจักรพ่ะย่ะค่ะ”

นั่นหมายความว่าซาโลม่อนมอบความศรัทธาทั้งหมดให้กับฟาร์มาที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด

ซาโลม่อนยังคิดอีกว่าคงมีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้นที่สามารถปกป้องฟาร์มาได้ไม่ว่าจะด้านของพลังและอำนาจ

“แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อจากนี้กัน? เพราะสถานการณ์ตอนนี้เหมือนจะยังวางใจอะไรไม่ได้”

“กระหม่อมคงจะอยู่ภายในคฤหาสน์ของตระกูลเมดิซิสในฐานะแขกสักพัก ก่อนจะออกเดินทางเมื่อถึงเวลา เพราะกระหม่อมต้องการค้นหาบางสิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปซาโลม่อนต้องการออกเดินทาง

ตัวเขานั้นกำลังคิดจะค้นหาสถานศักดิ์สิทธิ์ของฟาร์มา ที่ได้เบาะแสมาในครั้งก่อน (ห้องปฏิบัติการ)

“เช่นนั้นหรือ เราจะปล่อยให้เจ้าได้ทำเช่นนั้นก็แล้วกัน ว่าแต่เจ้าไม่อยากจะมารับใช้เราหน่อยงั้นหรือ?”

พอจักรพรรดินีพูดไปแบบนั้น ซาโลม่อนก็รู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย

“หากทางศาสนจักรกำลังจับตามองอยู่ คงจะไม่ดีถ้าปล่อยให้เจ้าพักอยู่ที่บ้านชนชั้นสูงเช่นนั้นเนื่องจากมีคนธรรมดาเข้าออกได้ ในทางกลับกันพวกนักบวชนั้นไม่มีทางเข้าออกวังของเราได้หากไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการซ่อนตัว แถมความรู้ในฐานะอดีตหัวหน้านักบวชของเจ้าก็เป็นประโยชน์ด้วย เราอยากจะให้เจ้าเป็นที่ปรึกษาด้านงานศิลป์ด้วย อีกทั้งยังเรื่องของการเปิดปิดชีพจรแห่งเทพ ซึ่งเป็นความลับที่ทางนครศักดิ์สิทธิ์กุมไว้ แถมเจ้าอาจจะได้เจอกับฟาร์มาที่เข้าวังมาในฐานะแพทย์โอสถหลวงอีกด้วยนะ”

“น้อมรับบัญชา ไม่ว่าจะขอบคุณเท่าไรก็คงไม่พอต่อความกรุณาของท่าน”

นอกเหนือจากความปลอดภัยของเขาแล้ว ร่างกายของเขาตอนนี้ก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ

.. ━━ … ━━ … ━━ …

ในเวลานี้ฟาร์มาได้มุ่งตรงไปยังร้านขายยาเรียบร้อยแล้ว

” น่าแปลกจังเลยนะ”

(บัตรประจำตัวของเรามันทำอะไรได้กันนะ?)

แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม ฟาร์มาก็ยังหาเบาะแสไม่ได้เลยว่าบัตรประจำตัวของเขามันมีความสามารถอะไรซ่อนเอาไว้ถึงขนาดได้เป็นสมบัติลับที่ต้องถูกเก็บไว้ส่วนลึกของทางนครศักดิ์สิทธิ์

“แม้แต่ตัวนายก็ไม่รู้วิธีใช้งั้นเหรอ”

เอเลนได้มองไปที่บัตรประจำตัวซึ่งเป็นประกายราวกับอัญมณี

แน่นอนเพราะมันเป็นสมบัติของพระเจ้าเอเลนจึงไม่สามารถสัมผัสมันได้ด้วยมือเปล่า

สมบัติชิ้นนี้ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยสารอินทรีย์หรือเก็บไว้ในกระเป๋าตรงๆ ได้มันจำเป็นต้องถูกห่อด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์และถือไว้แทน

สำหรับตอนนี้เขาคงต้องเก็บไว้เป็นเรื่องรางนำโชคไปจนกว่าจะรู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง

ข้างๆ ฟาร์มาก็มีคนอื่นๆ อยู่ด้วย จึงได้ยินเสียงลอตเต้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

เพราะเป็นเสียงที่ดังพอสมควรฟาร์มาจึงไม่อาจมองข้ามไป

“เป็นอะไรหรือเปล่าลอตเต้?”

“หากเป็นเรื่องที่ฉันช่วยได้ก็บอกมาได้เลยนะ ฉันพร้อมให้คำปรึกษา”

เอเลนเข้ามาจับไหล่ของลอตเต้เบาๆ

“เลือดมันไม่หยุดไหลเลยค่ะ…”

ลอตเต้สารภาพด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“คุณโดนอะไรบาดงั้นเหรอ เป็นแผลตรงไหน เดี๋ยวผมดูให้เอง”

พอฟาร์มาถามลอตเต้ไปแบบนั้น แต่เธอก็ถอยหนีไป ถึงเขาจะใช้ดวงตาวินิจฉัยก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

“อย่าบอกนะว่า!”

ฟาร์มารู้สึกเสียใจขึ้นมาทันทีที่ถามไปแบบนั้น

พอถึงช่วงวัยนั้นสำหรับลอตเต้แล้ว แถมดวงตาวินิจฉัยก็ไม่พบอะไรผิดปกติ และ อาการเลือดไหลไม่หยุด…

สิ่งเดียวที่ฟาร์มานึกออกก็มีเพียง…

“ฮ่าๆ แบบนั้นเองสินะ”

เอเลนกระแอมออกมาก่อนจะไปกระซิบที่หูของลอตเต้

“…ใช่หรือเปล่า?”

พอเอเลนถามไปแบบนั้น ลอตเต้ก็พยักหน้ากลับมาให้ เพราะเหมือนเธอจะประหลาดใจพอสมควร

“ ลอตเต้จัง นั่นน่ะมันหมายถึงเธอได้ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่แล้วยังไงล่ะ”

ประจำเดือนของลอตเต้ได้มาถึงแล้ว

“ผู้ใหญ่เหรอคะ?”

เอเลนได้ทำการอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภายในร่างกายของลอตเต้

“ฉันไม่รู้เลยนะคะว่า…จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้!”

“โถ่ลอตเต้จัง คุณแม่ของเธอไม่ได้บอกอะไรเลยงั้นเหรอ ทำไมถึงปล่อยเรื่องแบบนี้ไปได้กันนะ?”

“อาการมันมีขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ค่ะ แถมมันยิ่งจะหนักขึ้น หนักขึ้นเขาไปทุกที จนฉันคิดว่าจะเลือดหมดตัวตายไปทั้งแบบนี้เลยหรือเปล่า….”

“วันนี้ก็เป็นวันที่สองใช่หรือเปล่า สำหรับวันนี้อาจจะถือว่ามากที่สุดเลยก็ได้นะ”

ไม่ใช่ว่าการศึกษาเกี่ยวกับร่างกายของผู้หญิงในโลกนี้จะล้าหลังแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าการพูดเกี่ยวกับเรื่องเพศในยุคนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าอาย ด้วยเหตุนี้

แคทเธอรีนผู้เป็นแม่ของลอตเต้จึงไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับการมีประจำเดือนครั้งแรกของเธอเลย

ลอตเต้พยายามขยับไปมาให้น้อยและกังวลเกี่ยวกับบริเวณช่วงเอวของเธอเพราะไม่รู้ว่าเลือดมันจะไหลออกมาอีกเมื่อไหร่

โดยเฉพาะเครื่องแบบของทางร้านขายยาซึ่งโดนเด่นในชุดกันเปื้อนที่เป็นสีขาวล้วน

“ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าต้องทำยังไงดี”

“ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีออกนะ”

ฟาร์มากล่าวแสดงความยินดี

“เป็นฉันก็ไม่รู้สึกดีใจกับมันเท่าไหร่หรอกนะ”

เอเลนหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา บางทีอาจจะเป็นเพราะความแตกต่างของวัฒนธรรม ซึ่งญี่ปุ่นมีการฉลองด้วยการหุงข้าวแดง แต่เหมือนที่นี่จะดูไม่ค่อยเป็นเรื่องน่ายินดีใจนัก

“ถ้าหากเป็นกังวลนัก เราไปหาผ้าสีแดงมาใส่ไหม อย่างฉันเองก็พยายามจะหาชุดสีดำมาใส่ในช่วงวันนั้นของเดือนเหมือนกันนะเพราะทำให้เห็นได้ยากดี”

เอเลนพยายามพูดติดตลกไป

(มันต้องขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?)

แล้วฟาร์มาก็ได้ข้อมูลที่ไม่ค่อยจำเป็นมาแทน

“แล้วลอตเต้จังกังวลเรื่องไหนมากที่สุดงั้นเหรอ?”

เอเลนที่รู้สึกได้ถึงสายตาอันเยือกเย็นของฟาร์มาก็ได้กลับมาสู่หัวข้อหลักที่ควรจะเป็น

“ตอนนี้ฉันรู้สึกปวดหลังมากเลยค่ะ แถมยังต้องมากังวลเกี่ยวกับชุดที่จะเปื้อนด้วย”

“บางที่คงเป็นฮอร์โมนรีแล็กซินที่ปล่อยออกมาทำให้ปวดหลังนะครับ”

ฟาร์มากล่าว รีแล็กซินนั้นเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากรังไข่เพื่อช่วยคลายข้อต่อของร่างกายทั้งหมด โดยจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดโดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนล่างเมื่อเกิดการคลายตัวของกระดูกหัวหน่าว

ฟาร์มานึกไม่ออกว่าความเจ็บปวดนั้นมากขนาดนั้น เขาจึงได้ถามออกไป

“ต้องการยาแก้ปวดหรือเปล่าเดี๋ยวผมจะจ่ายยาให้”

“ไม่ได้ปวดขนาดเกินจะทนไหวค่ะ”

ลอตเต้ส่ายหัว

“งั้นผมจะเริ่มลงคำถามที่ลึกกว่านั้นหน่อยนะ อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ด้วย”

แม้จะรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยแต่ฟาร์มาต้องถาม

“เชิญนั่นตรงนี้ก่อนได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปฝากเงินที่ธนาคารเสียหน่อย”

พอเซดริกสังเกตได้ว่ากำลังจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศของผู้หญิงแล้ว เขาก็ดีดตัวออกไปทันที

“ผมไม่ได้จะถามด้วยจุดประสงค์แปลกๆ หรอกนะ”

ฟาร์มาพูดดักไว้ก่อน

“ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องตั้งท่าขนาดนั้นก็ได้”

เอเลนได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะหยิบแว่นขึ้นมาใส่โดยมีลอตเต้หลบอยู่ข้างหลังเธอ

“เป็นเรื่องของเพศศึกษาฝั่งของผู้หญิงเท่านั้นเอง เนื่องจากตัวผมเป็นผู้ชายก็เลยอยากรู้ด้วยว่าฝั่งของผู้หญิงนั้นเป็นยังไงบ้าง”

เนื่องจากที่บ้านเมดิซิสนั้นไม่ได้มีการสอนในเรื่องนี้เสียด้วยตัวฟาร์มาเองจึงยังไม่รู้ถึงระดับของโลกนี้

บางทีอาจจะเป็นเพราะบรูโนลังเลที่จะให้ความรู้ด้านนี้แก่ฟาร์มา หรืออาจจะยังตัดสินใจที่จะไม่สอนเขาในตอนนี้เพราะมันยังเร็วเกินไปสำหรับตัวเขา

สำหรับทางด้านปาลเล่นั้นเป็นพวกช่ำชองทางด้านนี้อยู่แล้ว และมักจะบอกเสมอว่าเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาแล้ว แน่นอนว่าเขาใช้ยาคุมกำเนิดที่ได้มาจากมหาวิทยาลัยแล้วด้วย

“พวกคุณตอนนี้ใช้ชุดชั้นในกับพวกสุขภัณฑ์แบบไหนกันอยู่เหรอ?”

บังเอิญว่าทางชุดชั้นในของฟาร์มานั้นเป็นแบบเสื้อยืดกางเกงในรวมกับเป็นชิ้นเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่แม้แต่องค์ชายก็ยังต้องใส่แบบนี้

และพอพูดถึงผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์สำหรับผู้หญิงในญี่ปุ่นปัจจุบันนั้นก็จะมี

ผ้าอนามัยแบบซับ (Napkin)

ผ้าอนามัยแบบสอดซึ่งทำจากฝ้ายเป็นทรงกระบอกแล้วสอดเข้าไปในช่องคลอด

นอกเหนือจากนั้นยังมีถ้วยประจำเดือน (Menstrual cup) ที่ใส่ตรงช่องคลอดนิยมในต่างประเทศ แต่แบบสอดคงเป็นที่นิยมที่สุดแม้ในยุโรป

“ฉันไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน”

เอเลนไม่ได้สวมชุดชั้นใน ไม่ใช่แค่เอเลน แต่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่คนแก่ก็เช่นกัน

“แล้วผ้าอนามัยคืออะไรเหรอคะ?”

ลอตเต้ได้หลบไปที่หลังของเอเลนมากขึ้นเรื่องย โดยยืนออกมาเพียงส่วนคอขึ้นไปเท่านั้น

พอเขาอธิบายออกไป ก็ดูเหมือนจะมีของที่ใกล้เคียงกันอยู่กับผ้าอนามัย แต่ทำมาจากผ้าไหมไม่ก็ขนสัตว์ มีไว้สำหรับชนชั้นสูง ผู้คนปกติก็จะเป็นพวกผ้าฝ้ายหรือวัสดุอื่นแทน

“แล้วระยะเวลาที่ใช้งานได้ถึงแค่ไหน?”

ฟาร์มาพยายามบันทึกข้อมูลให้ได้มากที่สุดโดยเลี่ยงที่จะสบตากับทั้งสองเพราะให้ความรู้สึกที่อึดอัด

“กระทั่งเจ้าตัวคิดว่าไม่ไหวและควรจะเปลี่ยนนั่นแหละ คงจะขึ้นอยู่กับบุคคลก็ว่าได้”

ว่ากันว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหากบางคนจะใส่มันเกินหนึ่งวันขึ้นไป เพราะพวกเขาไม่คิดอะไรมากสนเพียงแค่ตราบใดที่เลือดไม่รั่วหรือล้นออกมาก็ไม่มีปัญหา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามจะไม่เปลี่ยนมันบ่อยๆ เนื่องจากราคาของมัน

“ตอนนี้ผมคิดว่าเอเลนน่าจะเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่หากพวกคุณใส่มันนานจนเกินไป มันจะกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อร้ายแรงได้ นอกจากนั้นหากสิ่งที่ใส่ไปไม่ได้มาตรฐานความสะอาดก็จะเกิดอันตรายขึ้นอีก”

“ไม่กลัวที่จะพูดออกมาเลยนะ แล้วฉันควรทำยังไงล่ะ ระดับความสะอาดของนายก็สูงเกิดระดับมนุษย์ซะด้วยสิ สำหรับคนทั่วไปแล้วควรทำยังไงกับมันดีล่ะ”

เอเลนไม่รู้จะต้องทำยังไงกระทั่งฟาร์มากล่าวออกมา

“งั้นก็มาเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ที่ราคาไม่แพง ใช้งานง่าย สะอาดกันเถอะ โดยจะถูกขายที่ร้านเมดีกกับทางกิลด์ร้านขายและจ่ายยา”

ฟาร์มายังคิดไปถึงเรื่องของชุดชั้นในกับผ้าอนามัยแบบซับที่มีความปลอดภัยในเรื่องการจัดการมากกว่า

กระบวนการจะต้องสะอาดถูกสุขอนามัย แม้หลังถอดไปแล้ว แบบสอดก็ควรมีสินะ

“ถ้าอย่างงั้น…หากเป็นไปได้ผมก็อยากให้คุณลองดูด้วยเหมือนกันนะ ผมก็จะลองนำมาใช้เองเหมือนกัน”

“เอาจริงเหรอ–!”

“ผมพูดอะไรแปลกๆ ไปเหรอ ….บางทีผมคงเผลอไปสินะ”

(เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องได้เลยนี่นะ)

แต่ก็ช่วยไม่ได้แล้วเมื่อเขาพาตัวเองมาถึงขนาดนี้

“ผมจะเริ่มสร้างต้นแบบของผ้าอนามัยแบบซับสำหรับลอตเต้ก่อนนะ คุณช่วยผมหน่อยได้หรือเปล่าเอเลน เพราะคงยากหากมีผมเพียงคนเดียว ผมอยากได้ความเห็นในการพัฒนาจากคนที่เป็นแพทย์โอสถฝั่งผู้หญิงด้วย”

เอเลนอาจจะรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ฟาร์มาไม่รู้จริงๆ มีแต่จำเป็นต้องทำ

“มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเลยนะรู้หรือเปล่า ดีนะว่านายยังเป็นแค่เด็กเลยปล่อยผ่านไปได้ แต่หากโตกว่านี้อีกสักหน่อย คงจะโดนใครต่อใครชกกระเด็นไปแล้วล่ะ”

“ฮ่าๆๆ …”

(พูดไม่ออกเลยแฮะว่าข้างในของเราเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว…)

ฟาร์มาได้ขึ้นไปยังห้องทดลองชั้นสี่พร้อมกับเอเลนที่รู้สึกกลัวอยู่บ้าง

โครงสร้างผ้าอนามัยถูกเคลือบชั้นเป็นลำดับตามนี้ : ส่วนที่สัมผัสกับชุดชั้นในจะเป็นฟิล์มกันน้ำซึ่งมีหน้าที่กันตัวดูดซับ ก่อนจะลงวัสดุพื้นผิว ฟาร์มาได้ช่วยเอเลนออกไอเดียในการร่างภาพขึ้นมา

“นี่เยี่ยมไปเลยนี่นา ทำเอาอยากจะลองใช้เองดูเลย”

แบบซับนั้นจะมีระยะเวลาที่ใช้ได้สูงกว่าเพราะมีพอลิเมอร์ดูดซับไฮโดรฟิลิก (SAP) ที่มีหน้าที่ในการซับน้ำเป็นอย่างดี

“ดังนั้นสิ่งที่คุณจึงสามารถสังเคราะห์มันได้จากพอลิเมอร์ที่มีความสามารถในการซับน้ำ”

โพลีเมอร์ดูดซับนั้นมีความสามารถในการซับน้ำมากกว่าน้ำหนักตัวมันถึง10เท่า และเมื่อดูดซับไปแล้วจะไม่มีการคายน้ำออกมาแม้ถูกบีบอัด มันจึงช่วยในการป้องกันการรั่วไหล่ของเลือดได้เป็นอย่างดี ลอตเต้คงจะโล่งใจได้

เนื่องจากพอลิเมอร์ดูดซับน้ำเป็นสารประกอบของโพลิเมอริก เขาจึงไม่สามารถนึกถึงองค์ประกอบและสร้างมันขึ้นมาได้ทันที ดังนั้น กรดอะครีลิก อะคริเลต และโมโนเมอร์ (พอลิเมอไรเซอร์) ที่มีความสามารถในการเชื่อมโยงกันได้นั้นจึงถูกสร้างขึ้นมาแยกเป็นส่วนๆ ออกจากกันก่อนจะนำมันมาเชื่อมต่อแล้วถูกเพิ่มเข้าไปใน พอลิเมอไรเซชันหรือไม่ก็โคพอลิเมอไรซ์ น่าจะแม่นยำกว่า

เมื่อพอลิเมอไรเซชันเสร็จสมบูรณ์จะกลายเป็นโซเดียมโพลีอะคริเลต ขณะที่ฟาร์มาทำงานไป เขาก็ได้อธิบายไปด้วย

“แล้วไอพอลิเมอไรเซชันคืออะไรเหรอ?”

ขณะที่เธอดูการทำงานของโพลีเมอไรเซชันเอเลนก็สงสัยกับคำศัพท์ที่ไม่คุ้นหูเหล่านี้

“มันเป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้สารที่มีโครงสร้างเดียวกันเชื่อมต่อกันได้ครับ”

“เหมือนพวกสร้อยไข่มุกน่ะเหรอ?”

“ถ้าหากเป็นพอลิเมอไรเซชันเชิงเส้นก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละครับ แต่สิ่งนี้จะเป็นพอลิเมอร์รูปแบบตาข่ายครับ”

แล้วความพยายามของฟาร์มาที่จะอธิบายให้เอเลนเข้าใจถึง เงื่อนไขสภาวะของ Jungle Gym ว่าเป็นเช่นไรก็ได้ถูกพูดออกมา แม้เอเลนจะไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า Jungle Gym คืออะไรแต่เขาก็ไม่หยุดแต่อย่างไร

“เสร็จแล้ว นี่คือโพลีเมอร์ดูดซับน้ำ”

“ที่ฉันเห็นมันก็แค่ผงสีขาวๆ เองนะ”

“โถ่อย่าพูดแบบนั้นสิ”

แล้วทั้งสองก็ออกมาจากห้องปฏิบัติการ ฟาร์มาก็ได้ทำให้น้ำหกเต็มโต๊ะไปเสียหมด

“นี่ฟาร์มาคุงทำอะไรกันน่ะ?”

“โถ หกหมดเลย เดี๋ยวฉันไปเอาผ้าขนหนูมาเช็ดให้นะคะ”

แต่ก่อนที่ลอตเต้จำได้หยิบผ้ามา ฟาร์มาก็ได้ใช้พอลิเมอร์ส่วนหนึ่งราดไปยังแอ่งน้ำเล็กๆ นั้น จากนั้นผงสีขาวดังกล่าวก็ได้ดูดซับน้ำเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“โห เจ้าผงเล็กๆ นี่ดูดน้ำเกือบทั้งแก้วเข้าไปแล้ว”

เอเลนกับลอตเต้ถึงกับเปิดตากว้างมองกันไปมา มันดูดซับพวกความชื้นได้ดีมากจนรู้สึกมองไปแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ลองกดมันดูสิ”

ฟาร์มาคะยั้นคะยอ ให้ลอตเต้บีบโพลีเมอร์ซึ่งกลายเป็นวุ้นไปแล้วดู

“น้ำมันไม่ไหลออกมาเลยค่ะ!”

“แค่ใช้สิ่งนี้ปิดไปยังส่วนนั้นของคุณก็ไม่ต้องกังวลแล้วครับว่าผ้าจะสกปรก ตอนนี้เราก็ทำเสร็จแล้วและน่าจะพัฒนาไปในส่วนของผ้าอ้อมสำหรับเด็กและผู้สูงอายุได้อีกด้วย”

การพัฒนาต่อเนื่องได้ไม่จำกัดจริงๆ โดยเฉพาะผ้าแบบซับ

“ไว้เดี๋ยวผมจะลองทำผ้าอ้อมของเด็กให้ลูกของคุณเซเลสลองด้วยนะครับ”

แน่นอนว่าเธอตอบตกลงทันที

“ยังไงก็เถอะฟาร์มาคุง เรื่องผ้าอนามัยแบบซับก็เสร็จไปแล้ว แต่เรื่องชุดชั้นในที่นายบอกล่ะจะเป็นแบบไหน ฉันนึกไม่ออกหรอกนะถ้านายไม่วาดมันออกมา”

“เดี๋ยวผมจะออกแบบมันในวันพรุ่งนี้อีกที”

และในคืนนั้น หลังจากที่เขาได้ใช้เวลาทั้งคืนไปกับการออกแบบชุดชั้นในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงชุดชั้นในของลอตเต้ด้วยแล้ว ฟาร์มาได้รู้สึกว่าตนได้โหมงานไม่ต่างจากที่เคยทำมาก่อนหน้านี้เลย

ในวันรุ่งขึ้น กางเกงขาสั้นลายลูกไม้แสนน่ารักที่ถูกตัดเย็บโดยช่างระดับสูงอย่างเร่งด่วน พร้อมกับผ้าอนามัยแบบซับที่ฟาร์มาสร้างขึ้นก็เสร็จแล้วเช่นกัน พวกมันถูกจัดวางไว้ในกล่องของขวัญที่ฟาร์มาจะมอบให้กับลอตเต้ ในวันที่ 15 มีนา ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบ 11 ปีของเธอ แน่นอนว่าเขาได้เตรียมเค้กวันเกิดไว้ให้ด้วยเช่นกัน

“สุขสันต์วันเกิดนะลอตเต้ แล้วก็หวังว่าคุณจะชอบ มันคือชุดชั้นใน เอ่อ คือ ไม่ต้องเปิดตรงนี้ก็ได้นะ ไว้เสร็จจากนี้ก่อนก็ได้”

“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ!”

พอได้ยินฟาร์มาบอกแบบนั้น เธอก็รับชุดชั้นในมาแบบเขินๆ

“ฟาร์มาคุงไม่ใช่ว่า ให้ผิดเวลาไปหน่อยหรือเปล่า?”

หลังจากมอบอะไรแบบนั้นให้แล้ว จึงทำให้บรรยากาศโดยรวมรู้สึกอึดอัดจนเอเลนพูดออกมา

“ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นของขวัญวันเกิดแต่แรกหรอก แต่พอดีมันมาแบบนี้ไปแล้ว”

ยังไงก็ตามลอตเต้ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะประจำเดือนของเธอกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว ดังนั้นคงจะต้องได้เริ่มใช้ของใหม่ในเดือนหน้า

“น่าเสียดายที่ไม่ได้ลองใส่ชุดเดรสแดงซะแล้วสิ เพราะมันใส่สบายมากเลยนะ!”

“จริงๆ ฉันก็อยากลองเหมือนกันนะคะ”

หลังจากได้ยินลอตเต้บอกแบบนั้น เอเลนก็ยิ้มออกมา หลังจากนั้น เอเลน กับ เหล่าแพทย์โอสถพาทไทม์ อย่าง เซเลสและรีเบคก้า ก็ได้รับตัวอย่างทดลองของผ้าอนามัยที่ฟาร์มาทำขึ้น ท่าทางของรีเบคก้านั้นก็รับไปด้วยความเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก และ…

“ขะ ขะ คุณเจ้าของร้านนี่มัน…ว๊ายยยย!”

พอพูดแบบนั้นเสร็จเธอก็วิ่งหนีออกไปจนวันต่อมาก็มีอาการไข้แล้วไม่ได้มาทำงาน

“ฉันควรเป็นคนเอาให้เธอแทนนายสินะ”

เอเลนรู้สึกเสียใจกับฟาร์มา

“ผมก็ว่างั้นแหละ”

ฟาร์มาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาว่าคนจะคิดกับตนในทางแปลกๆ หรือเปล่า

จากนั้นเขาก็ให้ลูกของเซเลสลองมาสวมผ้าอ้อมผืนเล็กดู

บาซิล ทารกอายุ 6 เดือน ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดและดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นด้วย

“บาซิลดูจะสบายตัวมากเลยนะ แบบนี้คงเลี้ยงง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ! เพราะตอนเขาถ่ายทีไรกว่าฉันจะเปลี่ยนอะไรได้ก็วุ่นวายไปเสียหมด”

เซเลสผู้เป็นแม่ปลื้มใจเป็นอย่างมาก

“ผมทำมาค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเชิญใช้ได้ตามสะดวกเลยครับ”

“ขอบพระคุณมากค่ะ! ขอบพระคุณมากจริงๆ!”

ใบหน้าของเธอมีความสุขมากกว่าตอนได้รับเงินเดือนเสียอีก

นอกจากการผลิต ผ้าเช็ดปาก ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมสำหรับเด็ก-ผู้สูงอายุ

โรงงานมาร์เชลยังได้ทำการเริ่มผลิตชุดชั้นในสำหรับชายหญิงเป็นจำนวนมากเพื่อจำหน่าย สำหรับความต้องการของผ้าอนามัยที่ต้องส่งให้ร้านเมดีกและร้านของกิลด์ร้านขายและจ่ายยา ฟาร์มาก็เป็นผู้สังเคราะห์สำหรับโพลิเมอร์ทั้งหมดขึ้นมาเอง

นอกจากนั้นยังได้ทำการผลิตในส่วนของผู้มีผิวแพ้ง่ายอีกด้วย แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์จากโพลิเมอร์เป็นสิ่งที่กำจัดได้ยาก ดังนั้นจึงได้มีการแจกจ่ายถุงขยะแยกโดยเฉพาะ ที่ร้านขายยาและตามกิลด์ โดยมีการว่าจ้างให้เหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเปลวเพลิงจัดการเผาและกรองสารพิษไม่ให้ปล่อยไดออกซินออกมา เพื่อสิ่งแวดล้อม

“เฮ้อ ในที่สุดส่วนล่างของเราก็เข้าที่สักที”

ฟาร์มาสร้างกางเกงชั้นในสำหรับตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาความอึดอัดกับส่วนล่างได้สำเร็จ ก่อนจะมอบมันให้กับ บรูโน เซดริก โรเจอร์ซึ่งเป็นแพทย์โอสถชั้นหนึ่ง แน่นอนว่ายังไม่ได้ถามความเห็นการใส่ แต่ทางด้านปาลเล่กลับบอกว่า “แบบนั้นแหละยอดเยี่ยม”และอยากได้อีกหลายตัว ฟาร์มาจึงไม่ถามความเห็นคนที่เหลือต่อ ทางด้านเบียทริข แม่ของเขาก็ได้มุ่งตรงไปยังร้านเมดีกเพื่อสรรหาคอลเลกชั่นใหม่ของเธอ ส่วนบลานซ์ก็ได้รับกางเกงขาสั้นคู่โปรดมาโดยเธอทำการตัดเย็บเอง ก่อนจะพับกระโปรงขึ้นและโชวมันให้ฟาร์มาดูอย่างไร้เดียงสา ตัวฟาร์มาเองก็ถึงกับผงะ

แน่นอนว่าพอมีสิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้น การรายงานต่อองค์จักรพรรดินีย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรลืม แม้จะลังเลอยู่บ้าง เพราะนั่นมันหมายถึงการนำเสนอชุดชั้นในให้เธอโดยตรง

เพราะแบบนั้นเขาจึงเลือกเอเลนเป็นตัวแทนในครั้งนี้

“นี่น่ะหรือคือสิ่งที่เทพโอสถได้กระทำระหว่างชีวิตตนกำลังตกอยู่ในอันตราย?”

จักรพรรดินีรู้สึกประหลาดใจแต่เมื่อได้ลองก็ถูกใจมันอย่างมาก จนอยากจะใส่มันไปต่อจากนี้เลย

และเพราะองค์จักรพรรดินีชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นที่ชื่นชอบเหล่าหญิงสาวและคนทั่วไปที่สนใจในแฟชั่นอย่างลับๆ

—————

Note : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913