ตอนที่ 158 ของขวัญจากเซี่ยไห่สำหรับหลินเซี่ย

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 158 ของขวัญจากเซี่ยไห่สำหรับหลินเซี่ย

ตอนที่ 158 ของขวัญจากเซี่ยไห่สำหรับหลินเซี่ย

หลินเซี่ยยังคงลังเล ดังนั้นถังจวิ้นเฟิงจึงพูดว่า “พี่สะใภ้ ไปเถอะ วันนี้เราไปผลาญเงินเหล่าเซี่ยกันดีกว่า

“แม่ รีบล็อกประตูร้านเร็วเข้า พวกเราจะไปกินอะไรอร่อย ๆ กัน”

หู่จือวิ่งไปดึงแขนเธอ ดังนั้นหลินเซี่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล็อกประตูและไปกับพวกเขา

เซี่ยไห่เปิดประตูรถ จากนั้นก็โบกมือให้ถังจวิ้นเฟิง “พาหู่จือไปนั่งด้านหลังหน่อย”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขามองไปที่หลินเซี่ยและคลี่ยิ้มทันที “หลินเซี่ย นั่งข้างหน้าด้วยกันเถอะ”

ถังจวิ้นเฟิงมองไปที่เซี่ยไห่ด้วยสีหน้าแปลก ๆ มองเห็นเจตนาที่โจ่งแจ้งผ่านทางสีหน้าของเซี่ยไห่

ใบหน้าของหลินเซี่ยแข็งทื่อด้วยความกระดาก ถึงอย่างนั้นก็ยังยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “ให้ฉันนั่งข้างหน้าคงไม่เหมาะสมมั้งคะ?”

“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมกัน วิวข้างหน้ากว้างกว่า แถมเราสองคนยังหันมาคุยกันได้สะดวกกว่าด้วย มาเร็ว ขึ้นรถ” เซี่ยไห่เปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารด้วยตัวเอง ทำท่าทางผายมือเชิญอย่างเป็นสุภาพบุรุษ

ถังจวิ้นเฟิง “???”

“หู่จือกับฉันจะไปนั่งเบาะหลังเองค่ะ ให้สหายตำรวจถังนั่งข้างหน้า”

หลังจากที่หลินเซี่ยพูดจบ เธอก็ก้มหน้าลงแล้วเปิดประตูรถ ดึงหู่จือตามเข้าไปในรถฝั่งเบาะหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงปิดประตู

หลินเซี่ยขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้ว เซี่ยไห่จึงมองไปที่ถังจวิ้นเฟิงด้วยสีหน้าผิดหวัง พูดด้วยความรังเกียจ “ขึ้นรถ ปิดประตูด้วย”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินอ้อมไปยังที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถ

ถังจวิ้นเฟิงก้าวขึ้นรถ รู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ดูกระตือรือร้นกับหลินเซี่ยมากเป็นพิเศษ?

โชคดีที่เหล่าเฉินไม่อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายต้องทุบตีเขาแน่ถ้าเห็นว่าเขาแสดงท่าทางไม่ให้เกียรติภรรยาตัวเอง

ถังจวิ้นเฟิงคิดว่าเขาต้องหาทางคุยกับเซี่ยไห่ดี ๆ ในภายหลัง เฉินเจียเหอออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นหลินเซี่ย ก็เห็นว่าเธอพูดคุยกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่เขาไม่รู้จักตามลำพัง ตอนนี้แม้แต่สหายพี่ชายของเขาเองก็แสดงท่าทางชอบพอหญิงสาวอย่างเปิดเผย เดี๋ยวไฟจะลามติดภรรยายังสาวของเขาเข้าสักวัน

แม้ว่าเขาจะเคยอยากให้ลูกพี่ลูกน้องตัวเองแต่งงานกับเฉินเจียเหอ แต่ตอนนี้เฉินเจียเหอแต่งงานแล้ว ในฐานะที่เป็นเพื่อน เขาไม่ต้องการให้เฉินเจียเหอถูกภรรยาสวมเขาบราวนี่ออนไลน์

หลินเซี่ยนั่งอยู่ในรถอย่างเงียบสงบ แต่ภายในใจนึกคิดอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าถังจวิ้นเฟิง

พูดตามตรง ถ้าถังจวิ้นเฟิงไม่ไปกินข้าวด้วย เธอคงไม่กล้านั่งรถของชายคนนี้ไปกินข้าวกันตามลำพังแน่ ๆ

ผู้ชายคนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากภาพที่เธอจินตนาการไว้

หู่จือเคยนั่งรถจี๊ปคุณปู่ทวดของเขาบ่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่กับการนั่งรถยนต์มากนัก

เขานั่งอยู่ในรถและมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถามว่า “ลุงเซี่ย ลุงจะพาพวกเราไปไหนกันเหรอฮะ?”

“กินของอร่อยยังไงล่ะ”

ไม่นานนักรถก็ขับมาจอดอยู่หน้าภัตตาคารที่หรูที่สุดในไห่เฉิง

เซี่ยไห่วางตัวเป็นเศรษฐีโดยแท้ ขอเปิดห้องอาหารส่วนตัวในภัตตาคาร จากนั้นพวกเขาก็ตรงขึ้นไปที่ชั้นสาม

หลังจากนั่งลงแล้ว ก็กวักมือขอให้พนักงานเสิร์ฟนำเมนูมาให้

ขณะที่ถังจวิ้นเฟิงกำลังจะเอื้อมมือไปรับ เซี่ยไห่กลับคว้ามันไว้ซะก่อน แล้วยื่นให้หลินเซี่ยด้วยรอยยิ้ม

“เอาล่ะ หลินเซี่ย สั่งได้ตามสบายเลยนะ”

หลินเซี่ยไม่ยื่นมือไปรับ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เถ้าแก่เซี่ย คุณกับสหายตำรวจถังสั่งกันเองเถอะค่ะ ฉันไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร”

“งั้นก็สั่งอะไรก็ได้ที่เธอชอบมาสักอย่างก่อนสิ เสร็จแล้วเดี๋ยวพวกเราค่อยสั่งตาม”

เซี่ยไห่กระตือรือร้นมาก แทบจะยัดเล่มเมนูให้เข้าไปอยู่ในมือของหลินเซี่ย

“ขอบคุณค่ะ”

หลินเซี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบเมนูมาเปิดดูราคา และแล้วก็ต้องถอนหายใจ ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนสมัยไหน ภัตตาคารระดับห้าดาวก็ไม่เคยขายอาหารถูก ๆ เลย

ตัวอย่างเช่น ปลิงทะเลตุ๋น เมนูนี้มีราคาถึงจานละห้าหยวนห้าเหมา ส่วนเป็ดย่างก็มีราคาตั้งจานละสิบหยวน ซึ่งราคาแพงเอาเรื่องสำหรับคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป

หลินเซี่ยตัดสินใจสั่งเห็ดหูหนูผัดไข่ที่หู่จือชอบกิน

จากนั้นเธอก็ยื่นเล่มเมนูให้เซี่ยไห่ “เถ้าแก่เซี่ย เชิญสั่งเลยค่ะ”

“ขอเป็นเป็ดย่าง ปลิงทะเลตุ๋น กุ้งผัดซอส…”

เซี่ยไห่สั่งอาหารทั้งหมดแปดจาน แต่ละจานล้วนเป็นอาหารราคาแพงทั้งสิ้น

จากนั้นก็ยื่นเมนูคืนให้บริกร

ระหว่างรออาหาร ความสนใจของเซี่ยไห่ก็กลับมาอยู่ที่หลินเซี่ยอีกครั้ง

เขามองหน้าหลินเซี่ย จากนั้นก็เริ่มเข้าหาเธอและสอบถามเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา “หลินเซี่ย เธอเป็นคนที่ไหน?”

หลินเซี่ยตอบกลับสั้น ๆ “บ้านเกิดของฉันอยู่นอกเมืองนี้ค่ะ”

“ไม่ได้อยู่ในเมืองนี้หรอกเหรอ? งั้นเธอกับเจียเหอรู้จักกันได้ยังไง?” เซี่ยไห่อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเฉินเจียเหอถึงได้ตัดสินใจแต่งงานกับภรรยาที่มีภูมิลำเนาอยู่คนละที่?

ถังจวิ้นเฟิงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขารู้สึกถึงความลำบากใจและปฏิกิริยาต่อต้านของหลินเซี่ยได้อย่างชัดเจนในเวลานี้ จึงชิงพูดแทน

“ฉันขอตอบคำถามนี้เอง พี่สะใภ้เติบโตในเมืองไห่เฉิงนี่แหละ เดิมทีหล่อนเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการเสิ่น แต่ต่อมาย้ายไปอยู่ชนบท”

“ผู้อำนวยการเสิ่นไหน?” เซี่ยไห่ถามอย่างกระตือรือร้น

ถังจวิ้นเฟิงตอบว่า “เสิ่นเถี่ยจวินแห่งโรงงานเครื่องจักร”

“เสิ่นเถี่ยจวิน?”

เมื่อเซี่ยไห่ได้ยินสิ่งที่ถังจวิ้นเฟิงพูด ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมาด้วยความตกตะลึงระคนตกใจ มองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าไม่เชื่อ “อย่าบอกนะว่าเธอเป็นลูกสาวของเซี่ยหลาน?”

หลินเซี่ยส่ายหน้าและปฏิเสธ “เปล่าค่ะ หล่อนเป็นแค่แม่บุญธรรมของฉันเท่านั้น”

“เธออายุเท่าไหร่แล้ว?”

“เพิ่งจะยี่สิบได้ไม่นาน”

“งั้นบ้านเกิดที่แท้จริงของเธออยู่ที่ไหนกันล่ะ?”

เซี่ยไห่สรรหาคำถามมาถามเป็นหมื่นเป็นแสนจนหลินเซี่ยเกือบจะหมดความอดทนอยู่แล้ว โชคดีที่ถังจวิ้นเฟิงแอบเตะเซี่ยไห่ใต้โต๊ะเสียก่อน

“เหล่าเซี่ย นายทำอะไรของนาย?”

เขาขยับเข้าไปหาเซี่ยไห่และกัดฟันเตือน “เธอคือภรรยาของเหล่าเฉินนะ สถานะคือน้องสะใภ้ของน้องชาย ฉะนั้นระวังเรื่องมารยาทด้วย”

เซี่ยไห่ตระหนักว่าตัวเองกระตือรือร้นเกินไป จึงหันกลับไปมองหลินเซี่ยและอธิบายด้วยรอยยิ้ม “อย่าเข้าใจฉันผิดไป ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดี หล่อนแค่สวยเกินไป”

หลินเซี่ย “…”

คำอธิบายดังกล่าวยิ่งทำให้คนเข้าใจผิดกันเข้าไปใหญ่

“มีใครเคยบอกว่าเธอหน้าเหมือนดาราบ้างไหม?” เซี่ยไห่มองเธออย่างคาดหวัง รอยยิ้มฉายชัดไปถึงดวงตา อดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง

หลินเซี่ยกระดากปากเกินกว่าจะตอบ “ดาราเหรอคะ?”

“เหมือนดาราสักคนในฮ่องกงไงล่ะ เคยมีใครทักแบบนั้นหรือเปล่า?” เซี่ยไห่ถามต่อ

หลินเซี่ยปฏิเสธ “ไม่นี่คะ”

หลังจากเสิร์ฟอาหาร เซี่ยไห่ก็ไม่ได้หาเรื่องพูดคุยกับหลินเซี่ยอีก เพราะเกรงใจคำเตือนในสายตาของถังจวิ้นเฟิง หลินเซี่ยจดจ่ออยู่กับการดูแลหู่จือ คอยคีบอาหารให้เขา จงใจรักษาระยะห่าง และไม่พูดคุยกับเซี่ยไห่เกินความจำเป็น

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เซี่ยไห่ก็อุ้มหู่จือไว้โดยปฏิเสธที่จะปล่อย “หู่จือ คืนนี้มานอนกับฉันดีกว่า”

“ลุงเซี่ยพักอยู่ที่ไหนครับ” หู่จือถาม

“คืนนี้เราเปิดห้องพักในโรงแรมที่อยู่ติดกับภัตตาคารนี้นอนไปก่อน คราวหลังค่อยหาซื้อบ้านทำเลเหมาะ ๆ ในไห่เฉิง”

“ซื้อบ้านเชียวเหรอ?” ถังจวิ้นเฟิงถามด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าเขาคิดจะซื้อบ้านในไห่เฉิง

เซี่ยไห่อธิบาย “ทำไม ไหน ๆ ฉันก็กำลังจะเปิดธุรกิจใหม่ที่ไห่เฉิงไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็ควรซื้อบ้านไว้สักหลัง เผื่อมาทำงานจะได้มีที่ซุกหัวนอน”

“งั้นก็สมควรแล้ว ตอนนี้พี่เฉินแต่งงานมีครบครัวเป็นสัดส่วน นายไม่มีที่อยู่ในไห่เฉิงให้นอนค้างอ้างแรมอีกต่อไป”

ถังจวิ้นเฟิงอดแขวะเซี่ยไห่ไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินว่าเขาต้องการซื้อบ้านสักหลัง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนจะพูดว่า “ซื้อบ้านหลังใหญ่หน่อยสิ แล้วแบ่งห้องให้ฉันอยู่สักห้อง”

เซี่ยไห่แค่นเสียงเยาะ “นายกลับไปนอนในหอพักนั่นแหละดีแล้ว”

หลินเซี่ยคิดว่าในเมื่อคืนนี้หู่จือจะไปนอนกับเซี่ยไห่ เธอก็จะขอปลีกตัวกลับเอง แต่เซี่ยไห่ยืนกรานว่าจะขับรถกลับไปส่งพวกเขาถึงบ้านให้ได้

หลังจากขึ้นรถแล้ว เซี่ยไห่ก็หยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมาแล้วเปิดซิปออก

“จริงสิ ฉันเอาของขวัญมาฝากด้วย”

เขาหยิบกล่องเพจเจอร์สามกล่องออกมาจากกระเป๋าใบนั้น

ถังจวิ้นเฟิงมองดูแวบหนึ่งแล้วตอบว่า

“ฉันมีเพจเจอร์แล้ว ซื้ออย่างอื่นมาฝากแทนแล้วกัน”

“ไม่ใช่ของนายซะหน่อย” เซี่ยไห่เปิดกล่องแล้วพูดว่า “นี่สำหรับพวกเขาสามคนต่างหาก”

เซี่ยไห่หยิบกล่องบรรจุภัณฑ์โทรศัพท์มือถือที่ยังไม่ได้เปิดออกจากกระเป๋า และส่งให้หลินเซี่ยที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง

จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงกล้าหาญ “หลินเซี่ย โชคชะตาลิขิตให้พวกเรามาเจอกันจริง ๆ โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้คือสิ่งที่ฉันจะให้เป็นของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรก”

หลินเซี่ย “???”

โทรศัพท์มือถือ?

ของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรก?

ถังจวิ้นเฟิงซึ่งอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับตะลึงลาน เขาเบิกตากว้างแล้วอุทานว่า “อะไรนะ?”

ให้โทรศัพท์เครื่องหนึ่งกับหลินเซี่ยเนี่ยนะ?

เพื่อนเวรคนนี้บ้าไปแล้วหรือไง?

เขาซื้อเพจเจอร์มาฝากเฉินเจียเหอกับเสี่ยวอวี่และเหล่าฟาง แต่กลับมอบโทรศัพท์มือถือให้หลินเซี่ยเชียวเหรอ?

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โห้ เปย์หนักจริงๆ พ่อคุณ แต่ในเมื่อให้แล้วก็จะขอรับไว้แล้วกันนะคะ เผื่อเอาไว้ติดต่อธุรกิจ

ไหหม่า(海馬)