ตอนที่ 159 หล่อนเป็นลูกน้องสาวเราหรือเปล่า

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 159 หล่อนเป็นลูกน้องสาวเราหรือเปล่า?

ตอนที่ 159 หล่อนเป็นลูกน้องสาวเราหรือเปล่า?

หลินเซี่ยรู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เธอมองดูกล่องโทรศัพท์มือถือที่เซี่ยไห่ยื่นให้เหมือนมันเป็นเผือกร้อน จากนั้นก็เบี่ยงตัวหลับไปด้านข้างและรีบปฏิเสธ “หัวหน้าเซี่ย ฉันรับไว้ไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน ฉันจะกล้ารับของขวัญราคาแพงจากคุณได้ยังไงคะ? เก็บกลับไปเถอะค่ะ”

“รับไว้เถอะ” เซี่ยไห่ไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ เขามองหลินเซี่ยด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ดูสิ ฉันแซ่เซี่ย ส่วนชื่อของเธอก็มีคำว่า ‘เซี่ย’ อยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่ให้เรียกว่าโชคชะตาแล้วจะให้เรียกว่าอะไร? เธอเป็นภรรยาของสหายน้องชายฉัน ก็เหมือนเป็นน้องสาวของฉันด้วยเหมือนกัน…”

เซี่ยไห่มองไปที่ใบหน้าของหลินเซี่ยอีกครั้ง คำว่า ‘น้องสาว’ นั้นฟังดูพิลึกอย่างไรชอบกล

ทันใดนั้นเขาก็สาปแช่ง “เฉินเจียเหอคนนี้ร้ายเงียบไม่เบาเลย เขาอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว คิดยังไงถึงตัดสินใจแต่งงานกับภรรยายังสาวแบบนี้?”

ถังจวิ้นเฟิงที่อยู่ด้านข้างมองเซี่ยไห่ด้วยสายตาหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม!

ผู้ชายคนนี้มีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ ด้วย

เฉินเจียเหอแต่งงานกับภรรยายังสาว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ?

ที่ผ่านมาเขาไม่ได้กระตุ้นให้เหล่าเฉินหาคู่ครองอยู่บ่อย ๆ หรอกเหรอ?

ความจริงแล้ว ในบรรดาพวกเขาสหายพี่น้องต่างผลัดกันกดดันเขาด้วยซ้ำ

ใครจะไปคิดว่าเจ้ามะระน่าเบื่อซึ่งมีโอกาสแต่งงานน้อยที่สุดในกลุ่ม จู่ ๆ กลับแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ

เหล่าเซี่ยอิจฉาเขาหรือเปล่า?

หลังจากที่เซี่ยไห่พ่นคำสาปแช่งเสร็จ เมื่อเขามองไปที่หลินเซี่ยอีกครั้ง เขาก็เปลี่ยนสีหน้ากลับเป็นรอยยิ้มที่สดใส ก่อนจะผลักโทรศัพท์มือถือเข้าไปในมือของหลินเซี่ยอย่างแรง “รีบรับไปเร็วเข้า”

หู่จือช่วยเกลี้ยกล่อมให้หลินเซี่ยรับของขวัญ “แม่ รับไว้เถอะ ลุงเซี่ยรวยมาก เขามักจะซื้อของขวัญมาฝากพวกเราแบบนี้ทุกครั้งเมื่อเขากลับมา นี่ถือเป็นความตั้งใจของเขา”

แต่หลินเซี่ยกลับรู้สึกหวาดกลัวความตั้งใจของเซี่ยไห่จริง ๆ

เซี่ยไห่ขับรถไปส่งหลินเซี่ยถึงหน้าประตูอาคารพักอาศัย ถังจวิ้นเฟิงก็ลงจากรถเช่นกันเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ต่อในสถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกล

ตอนแรกถังจวิ้นเฟิงต้องการพูดคุยกับเซี่ยไห่สักสองสามคำ แต่ตอนนี้เกือบจะถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้ว เขาทำได้เพียงวิ่งไปทำงานเท่านั้น

หลินเซี่ยกำชับกับหู่จือสองสามคำ ก่อนที่จะลงจากรถ

เธอก้มลงไปมองชายที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับ แล้วพูดอย่างสุภาพว่า “เถ้าแก่เซี่ย ฉันวางโทรศัพท์ของคุณไว้ในรถ อย่าลืมเก็บมันกลับขึ้นไปบนห้องด้วย”

หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็รีบหันหลังกลับและเข้าไปในอาคารทันที

เซี่ยไห่พาหู่จือเข้าไปพักในโรงแรม หู่จือรู้สึกตื่นเต้นมาก ตั้งแต่จำความได้ เด็กชายก็เปลี่ยนไปอาศัยอยู่กับลุงคนนี้สักสองสามวัน จากนั้นก็เปลี่ยนไปอยู่กับลุงคนนั้นอีกสองสามวัน ตราบใดที่เขาอยู่กับคนที่สนิทสนมคุ้นเคย เขาไม่เคยมีอาการนอนไม่หลับเพราะต่างที่เลย

ตอนนี้ หู่จือสวมแค่กางเกงในลายลูกแมว นอนกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียง และเอาแต่เล่าให้เซี่ยไห่ฟังว่าช่วงที่เขาไม่อยู่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เซี่ยไห่อยากถามหู่จือเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของหลินเซี่ย แต่หู่จือยังเป็นเด็ก เขาจึงเอาแต่ยกย่องหลินเซี่ยเพียงอย่างเดียว บอกว่าหลินเซี่ยดีกับเขาแค่ไหน และเธอมีความสามารถเพียงใด โดยที่ไม่รู้ข้อมูลสำคัญใด ๆ เกี่ยวกับเธอเลย

เซี่ยไห่เล่นกับหู่จืออยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งหู่จือเริ่มง่วงเหงาหาวนอนต่อหน้าต่อตา ไม่นานนักภายในสองนาทีเขาก็ผล็อยหลับไป

ทันใดนั้นห้องที่เต็มไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้วก็สงบลงกะทันหัน

เซี่ยไห่เอนกายลงบนเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นกดโทรออก

เมื่อเชื่อมต่อปลายสายสำเร็จ และได้ยินเสียงตอบรับดังขึ้นจากปลายสาย เซี่ยไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “ไงครับ แม่ นี่ผมเอง”

หญิงชราที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์พูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว “แกยังจำได้อยู่เหรอว่าตัวเองมีแม่น่ะ?”

“อย่าเพิ่งหัวเสียใส่กันสิ ที่ผมโทรมาเพราะมีเรื่องอยากถาม”

เซี่ยไห่กลัวว่าแม่สูงวัยของเขาจะบ่นจู้จี้ไม่รู้จบ ดังนั้นเขาจึงไม่เปิดโอกาสให้หญิงชราได้พูดอะไรเลย ตรงเข้าประเด็นหลักในการสนทนา

“แม่ ผมอยากถามคำถามบางอย่างที่ค่อนข้างจริงจังมาก เพราะฉะนั้นแม่ต้องบอกความจริงกับผมด้วย น้องสาวผม…หล่อนเคยมีลูกกับใครมาก่อนหรือเปล่า?”

สิ้นคำถาม แม่ของเขาก็โกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้ง “พูดบ้าอะไรของแกเนี่ย? ดื่มหนักจนเมามากเกินไปหรือไง? ทำไมถึงพูดจาปากไม่มีหูรูดแบบนี้? น้องสาวแกยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ หล่อนจะมีลูกได้ยังไง? ก่อนจะถามหัดคิดบ้างไหม?”

เซี่ยไห่กระแอมไอเบา ๆ พลางลูบจมูกตัวเอง “ผมแค่ถามเอง ทำไมต้องดุกันด้วยเล่า?”

เขาหรี่ตาลงแล้วให้เหตุผลว่า “แม่ ผมไม่ได้แค่สงสัยอย่างเดียวนะ น้องสาวผมครองตัวเป็นโสดมาจนอายุเท่านี้ เป็นไปไม่ได้หรอกที่หล่อนจะไม่เคยมีผู้ชายที่เคยคบหาชอบพอกันมาก่อน เป็นไปได้ไหมว่าหล่อนเคยมีลูกแล้วแต่ปิดข่าว เพื่อผลประโยชน์ทางอาชีพการงานของหล่อน?”

หญิงชราที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายปฏิเสธการคาดเดาของเขาอย่างแข็งขัน “ไม่มีทาง ถ้าหล่อนเคยมีลูกจริง ๆ สู้เอามาฝากฉันเลี้ยงไม่ดีกว่าเหรอ ชีวิตของยายแก่อย่างฉันช่างน่าสังเวช อุตส่าห์ให้กำเนิดลูกตั้งสามคน ตัวเองอายุปูนนี้แล้ว ยังไม่มีแม้แต่ลูกสะใภ้หรือลูกเขย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลาน ฉันคงถูกสวรรค์กำหนดให้โดดเดี่ยวไปจนวันตาย”

เซี่ยไห่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อของผู้เป็นแม่ เขากระแอมเบา ๆ และตั้งใจว่าจะหาข้ออ้างในการวางสาย

“อย่าเพิ่งวางสายนะ” ในที่สุดหญิงชราก็ชิงโอกาสนี้ได้ก่อน จึงเริ่มสั่งสอนเชิงอุดมการณ์กับเซี่ยไห่ “พี่ชายแกมีร่างกายไม่สมบูรณ์แบบนี้ ฉันไม่เคยอยากให้เขาแต่งงานจนทำลายอนาคตผู้หญิงคนอื่นโดยใช่เหตุ น้องสาวแกก็มุ่งมั่นแต่อยากจะเป็นดาวค้างฟ้า ถึงวัยอันสมควรแล้วแท้ ๆ แต่กลับมีลูกไม่ได้ เสี่ยวไห่ แม่ขอร้องล่ะ ลูกช่วยแต่งงานเพื่อแม่ได้ไหม? แม่ขอหลานชายสักคนเถอะนะ?”

เซี่ยไห่ยิ้มอย่างเชื่องช้าพลางปลอบโยนเธอ “แม่ แต่แม่ก็มีหลานแล้วนะ หู่จือก็เป็นหลานชายของแม่ไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันก็อยากมีหลานชายเป็นของตัวเองนะ!” หญิงชราตะโกนด้วยความโกรธ น้ำเสียงสั่นเทา

“อะไรนะ? สัญญาณไม่ค่อยดีเลย ผมวางสายก่อนนะ”

เซี่ยไห่ถือโอกาสวางสาย จากนั้นเขาก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ไม่ลืมหันไปห่มผ้าห่มให้หู่จือที่กำลังหลับอยู่ข้าง ๆ เขาวางแขนหนุนไว้หลังศีรษะ ตกอยู่ในอารมณ์สับสน

หลินเซี่ยหน้าตาช่างละม้ายคล้ายคลึงน้องสาวของเขาสมัยสาว ๆ มาก

โดยเฉพาะตอนที่เขาเห็นเธอเป็นครั้งแรกในช่วงบ่าย ดูเหมือนเขาย้อนเวลากลับไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ตอนที่เขากลับมาจากโรงเรียนสมัยวัยรุ่น และเห็นน้องสาวยืนต่อแถวรอรายงานตัวกับคณะศิลปะการแสดง

ขณะนั้น น้องสาวของเขาก็ยืนอยู่ที่นั่นในท่วงท่าเดียวกันอย่างสง่าผ่าเผย

หน้าตาคล้ายกันมากจริง ๆ

ถ้าเธอไม่ใช่คนที่มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวพวกเขา ก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่าคนสองคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน มีหน้าตาและอุปนิสัยที่คล้ายคลึงกันขนาดนี้ได้อย่างไร

เซี่ยไห่ป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับทันที

ค่ำคืนนี้ เซี่ยไห่ไม่ใช่คนเดียวที่นอนไม่หลับ

หลินเซี่ยทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน จิตใจของเธอยุ่งเหยิงสับสน

ตอนแรกเธอเฝ้ารอคอยการมาถึงของเถ้าแก่เซี่ย เพราะหวังพึ่งพาตัวตนของเธอในฐานะภรรยาของเฉินเจียเหอ แล้วอาศัยความสัมพันธ์นี้ในการทำธุรกิจและสร้างรายได้ร่วมกับเซี่ยไห่ เพราะถึงอย่างไรเธอก็มีความทรงจำในชาติก่อนเป็นประสบการณ์ชั้นยอด นี่จึงอาจเป็นหนทางขุดทอง และเธอสามารถติดตามเซี่ยไห่ไปร่อนทองถึงถิ่นได้

แต่วันนี้การมองจ้องสบตาเธออย่างไม่สะทกสะท้านของเซี่ยไห่ กลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก

หลินเซี่ยครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยไห่ถึงได้กระตือรือร้นกับเธอขนาดนี้?

พอนึกขึ้นได้ว่าร้านที่เธอเช่าอยู่ในตอนนี้เป็นของเซี่ยไห่ เธอจึงตั้งใจว่าจะถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของเฉินเจียเหอในวันพรุ่งนี้ เพื่อเอาไปจ่ายค่าเช่าให้เขาจำนวนห้าร้อยหยวน และพยายามรักษาระยะห่างจากสหายพี่ชายของเฉินเจียเหอคนนี้ให้มากที่สุดก่อนที่เขาจะกลับมา

หลินเซี่ยกำลังดูทีวีและครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ อยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตู

เธอยืนขึ้นและเดินไปเปิดประตู แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าหวังซิ่วฟางยืนอยู่หน้าประตู “พี่สาวหวัง ทำไมมาหาฉันดึกขนาดนี้ล่ะคะ?”

หวังซิ่วฟางสางผมตัวเอง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาของเธอสั่นไหว จากนั้นเธอก็มองไปที่หลินเซี่ยแล้วพูดว่า “เสี่ยวหลิน ฉันมีอะไรจะถามเธอหน่อย ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งนอนไม่หลับ เลยอยากมาคุยกับเธอให้สบายใจขึ้น”

“พี่หวัง ถ้าอย่างนั้นเข้ามาคุยกันข้างในเถอะค่ะ”

หลินเซี่ยเชิญให้เธอนั่งลง “มีอะไรเหรอคะ?”

“เรื่องเป็นอย่างนี้ วันนี้ฉันบังเอิญไปเจอเพื่อนสาวคนสวยคนนั้นของเธอมา” ท่าทางของหวังซิ่วฟางเริ่มผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้า

หลินเซี่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คุณหมายถึงเจียงอวี่เฟยน่ะเหรอ? หล่อนพูดอะไรกับคุณบ้าง?”

หวังซิ่วฟางจับผมตัวเองอีกครั้งอย่างติดนิสัย รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อมองหลินเซี่ย ก่อนจะกระแอมไออย่างขัดเขินเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงอึดอัดใจ “ก็แค่… หล่อนบอกว่าหล่อนอยากแนะนำใครสักคนให้ฉันรู้จัก”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ปมเก่ายังไม่แก้ ปมใหม่มาอีกแล้วค่ะ แม่แท้ๆ ของหลินเซี่ยอาจไม่ใช่หลิวกุ้ยอิงงี้เหรอ?

โอกาสมีคู่มาแล้วค่ะพี่สาวหวัง จะคว้าไว้ไหมคะ

ไหหม่า(海馬)