ในตอนแรกนั้น, หัวใจของเฮร่าได้แตกสลายไปแล้ว. ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเธอได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะของเธอไปแล้ว, เพราะเธอกำลังจะถูกสัตว์ประหลาดย่ำยี.

แล้วตอนนี้คืนแรกของเธอก็กำลังจะเสียให้กับสัตว์ประหลาดบ้านี่. แม้ว่าสัตว์ประหลาดจะกลายร่างเป็นคนที่หล่อเหลาและสง่า, แต่เขาก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดอยู่ดี.

สัตว์ประหลาดจะเป็นเจ้าบ่าวงั้นเหรอ?

เธอไม่รู้เลยว่าไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ พระเจ้าถึงได้ลงทัณฑ์เธอเยี่ยงนี้.

โดยเฉพาะเมื่อเธอได้รู้ถึงพละกำลังและความน่ากลัวของเย่เทียน เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ.

ด้วยเหตุนี้เธอจึงฝืนทนอยู่ในใจ.

แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ, เธอก็เริ่มสูญเสียความเป็นตัวเองไป. เธอไม่รู้เลยว่าเธอขึ้นสวรรค์ไปกี่รอบแล้ว.

หลังจากที่ร่างกายทรยศไปแล้ว, ความคิดของเธอเองก็ทรยศตัวเธอเองแล้วเช่นกัน.

บางที, ใช้ชีวิตอยู่กับสัตว์ประหลาดสุดหล่อแบบนี้อาจจะสนุกและตื่นเต้นมากก็ได้!

นี่คือความคิดสุดท้ายของเฮร่าก่อนที่เธอจะฟุบหลับไป.

“มาอยู่กับข้าเถอะ, อย่างน้อยเจ้าก็จะได้มีชีวิตที่ดีกว่าตอนอยู่กับเจ้าแครสซัสนั่น. ถ้าเจ้าตามแครสซัสไปเจ้าก็จะเป็นได้แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ. แต่ถ้าเจ้าติดตามข้า, บางทีในอีกไม่กี่100ปี เจ้าก็จะยังเป็นเมียของจักรพรรดิ์โรมันอยู่!”

เย่เทียนค่อยๆใส่ชุดอย่างช้าๆแล้วพึมพำกับนาง.

ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว, ถึงแม้เย่เทียนอยากจะทำตัวให้ไม่โดดเด่น แต่ระบบก็คงไม่ยอมแน่.

พอใส่ชุดให้เฮร่าและเห็นรอยเลือด, เย่เทียนก็รู้สึกภูมิใจและมีความสุข.

หลังจากนั้นเย่เทียนก็ยกเตียงมาไว้ที่ห้องมืดๆนั้นแล้วอุ้มเฮร่าขึ้นเตียงไป, ห่มผ้าให้เธอแล้วก็จากไป.

เฮร่าจะต้องซ่อนตัวอยู่นานเลย. นี่คือทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้. พรุ่งนี้ทั่วทั้งนครโรมจะต้องระอุเป็นไฟแน่ๆ.

ถ้าหากเฮร่าถูกพบเข้าล่ะก็ เย่เทียนคงจะไม่สามารถทนรับความโกรธเกรี้ยวของชนชั้นสูงโรมันได้แน่ๆ.

เพราะเขาได้ทำเรื่องที่บ้าบิ่นมากๆลงไปแล้ว.

ถ้าแครสซัสรู้ล่ะก็ เขาคงจะฆ่าเย่เทียนไปพร้อมกับตัวเขาเองแน่.

“เจ้านายคะ….”

พอออกมาจากห้องมืด, เย่เทียนก็เดินตรงไปที่ห้องของไดอาน่า. เขาขี้เกียจจะจุดตะเกียงก็เลยปีขึ้นไปบนเตียงทั้งๆอย่างงั้นเลย. เขาอยากจะกอดไดอาน่าไว้แต่ก็อดจับแตงโมยักษ์สองลูกก่อนไม่ได้จริงๆ.

มันนุ่มและเด้งดึ๋งมาก!

แต่ทว่าทันใดนั้น, ด้วยน้ำเสียงที่เขินอายนั้นเย่เทียนก็ตกใจโดดออกมา.

“พระเจ้า, ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?”

เย่เทียนจำ ‘เสียง’ ของยักษ์สาวได้แล้วก็รู้สึกตัวว่าคนที่เขากอดตะกี้ไม่ใช่ไดอาน่าแต่เป็น โฟบี้!

โฟบี้คือชื่อที่เย่เทียนตั้งให้ยักษ์สาว. มันไม่ใช่ชื่อที่ดีนักแต่เย่เทียนก็รู้สึกว่าจำได้ง่ายดี.

“ข้าขออภัยด้วยค่ะเจ้านาย, โฟบี้อ้อนวอนข้าว่าอยากนอนด้วยคืนนี้…..”

ไดอาน่าตกใจตื่นขึ้นมา, แล้วขอโทษเย่เทียนเธออายกับอุบัติเหตุตะกี้มาก แล้วเธอก็จุดตะเกียงน้ำมัน.

“เจ้าไม่กลัวรึไงว่าเตียงจะพังเพราะนาง…..”

เย่เทียนพูดอย่างเขินอาย, ใต้เสียงสลัวๆนั้น, โฟบี้สวมชุดตะข่ายบางๆ รูปร่างสวยๆของเธอโชวให้เห็นชัดเจน.

แต่ทว่าเธอสูงเกินไปขนาดทำให้เย่เทียนรู้สึกด้อยลง แม้ว่าเธอจะนั่งอยู่แค่ตรงนั้นเอง.

“แต่มันรู้สึกดีมากเลยนะคะ, ถ้านางนอนลง, นางจะเป็นหมอนเนื้อที่นุ่มนิ่มน่ากอดมาก…”

พอนึกถึงความรู้สึกในมือของเขาเมื่อตะกี้ หัวของเย่เทียนก็ดันรู้สึกดีอย่างประหลาดขึ้นมาซะได้.

“บ้า, เราคิดอะไรอยู่วะเนี่ย, เราไม่กลัวโดนบี้ตายงั้นเรอะ!”

สุดท้าย เย่เทียนก็รีบกำจัดความคิดนั้นออกไป.

“เจ้านายคะ….เตียงมัน….เสริมไว้แล้ว..”

ไดอาน่าไม่ได้พูดอะไรแต่โฟบี้มองมาทางเย่เทียนด้วยหน้าตาไร้เดียงสาแล้วก็เริ่มแดงขึ้นเพราะเย่เทียนใส่แค่กางเกงขาสั้น ณ ตอนนี้.

“เสริมงั้นรึ? อึ่ม…เอ่อ, เจ้าพักก่อนเถอะนะ, ข้าจะไปห้องเดย์ซี่แล้วกัน…”

พอเห็นยักษ์สาวหน้าเด๋อๆ, เย่เทียนก็เลิกความคิดแล้วพูดเบาๆ. แล้วเขาก็ออกห้องไป, แน่นอนว่าเขากำลังจะไปกวนแองเจล่ากับคนอื่นๆ.

วันต่อมา, เย่เทียนตื่นค่อนข้างสาย. เมื่ออาทิตย์ขึ้นเขาก็ค่อยๆลุกอย่างช้าๆแต่เขาก็รู้สึกสดชื่นและมีกระปรี้กระเปร่ามากกว่าปกติ. เขาบิดตัวมีเสียงกระดูกดังราวกับพละกำลังมหาศาลกำลังไหลไปทั่วร่างของเขาอยู่.

ขีดจำกัดกำลังของมนุษย์นั้นแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ?

สาวหมาป่าวิคตอเรียตะปบยามตัวใหญ่ๆปลิวได้ง่ายๆเลยเมื่อคืน.

แต่ค่าพละกำลังและความแข็งแกร่งของเธออยู่ที่98แต้มเอง ยังไม่ถึงขีดจำกัดของมนุษย์ด้วยซ้ำ.

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ, เจ้านายผู้สูงส่ง!”

แองเจล่านั้นโผล่มาตรงหน้าเย่เทียนตรงเวลาตลอด, พร้อมถือถ้วยที่มีน้ำและผ้าขนหนูพร้อมกับแปรงสีฟันและยาสีฟัน แล้วเธอก็ช่วยเย่เทียนล้างหน้า.

อยู่ที่นี่นั้นเธอมีความสุขมากๆเพราะส่วนใหญ่แล้วพวกเธอไม่ได้ถูกเลี้ยงแบบทาสแต่เป็นแบบสาวรับใช้ซะมากกว่าและพวกเธอก็มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจอยาก, เย่เทียนเองก็ไว้ใจให้พวกเธอตัดสินใจเรื่องต่างๆในบ้านด้วย…..

แน่นอนว่า, พวกเธอนั้นก็ยังจำสถานะของตัวเองไว้เสมอและไม่กล้าทำอะไรเกินหน้าเกินตา.

“พวกเจ้าอยู่ที่บ้านนะ, ข้าจะออกไปข้างนอก!”

พอบอกสาวหมาป่าไม่ให้ออกไปเดินเพ่นพ่านและเอาอาหารให้เฮร่าแล้ว, เย่เทียนก็ตัดสินใจออกไปด้านนอกฟังเสียงกระซิบข่าวลือ.

เขากำลังสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะระอุในโรมหรือยัง.

ตลาดที่คนพลุกพล่านเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลย.

เรื่องข่าวลือนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดๆหรือประเทศไหนๆ.

“เจ้ารู้รึยัง? งานแต่งของตระกูลแครสซัสน่ะกลายเป็นงานเลี้ยงเลือดโชกไปแล้ว, มีสัตว์ประหลาดตัวสูง10ฟุต มีขนสีทองทั่วตัวเข้ามาแล้วฆ่าทุกคนแทบจะทั่วบ้านเลย”

เย่เทียนเจอร้านหนึ่งเข้า. พอเขานั่งลงไปได้ซักพัก, มีคนโต๊ะข้างๆคันปากอยากคุยแล้วเริ่มการสนทนา.

“เห้ย….อะไรล่ะนั่น? ข้าได้ยินมาว่าสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งตัวหนึ่งมาลักพาตัวเจ้าสาวของคุณชายบ้านแครสซัสไปและมันก็ทำเสียงอย่างกับว่าหัวเราะออกมาด้วย, และพอเจ้าสาวร้องไห้อยู่ สัตว์ประหลาดนั่นก็วิ่งไปทั่ว ไม่มีใครกล้าหยุดมันเลย!”

“เห้ย….ลองเดาสิจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสาว เรื่องพิธีสุดท้ายน่ะ?”

“จะอะไรอีกล่ะ? นางก็คงโดนขืนใจน่ะสิ ไม่งั้นแล้ว เจ้าตัวนั้นมันจะลักพาตัวนางไปทำไม?”

“ท่านชายแครสซัสผู้น่าเวทนา, ปกติเขาเป็นคนดี. ว่ากันว่าเขาดีกับไพร่อย่างเราๆมาก แต่เขาก็ต้องมาพบกับหายนะเช่นนี้”

“อา, ทุกๆคนก็รู้อยู่หรอกน่า, เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดของเรื่องนี้ไปตลอดทั้งชีวิตแน่…”

“เอ่อออ…แครสซัสโดนสัตว์ประหลาดหลอยเมียไปต่อหน้าทุกคน. โอ้พระเจ้าช่วย, มันบ้าจริงๆ…”

….

เห็นได้ชัดว่านอกจากเย่เทียนแล้ว ก็ยังมีคนอยากจะกลั่นแกล้งแครสซัส ไม่งั้นแล้วเรื่องที่เกิดเมื่อคืนจะแพร่ไปเร็วขนาดนี้ในเวลาสั้นๆไม่ได้แน่ แถมยังมั่วไปเรื่อยอีก.

“เรื่องเจ้ารู้มาน่ะมันเก่าไปแล้ว. ตอนนี้ตระกูลแครสซัสกำลังจะมีเรื่องกับตระกูลเวิร์นเนอร์แล้ว. เรื่องมันเริ่มไปกันใหญ่แล้วและสถานกาณ์ก็ยิ่งบานปลายไปอีก…..”

ไม่นานนักก็มีชายวัยกลางคนหนวดเฟิ้มเดินเข้ามาแล้วตะโกนอย่างดังราวกับว่าทนคันปากเล่าไม่ไหวแล้ว.

ตระกูลของเจ้าบ่าวกำลังจะมีเรื่องกับตระกูลเจ้าสาวงั้นเหรอ?

เย่เทียนช้อคไปเลย.