ตอนที่ 163 ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 163 ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้

เซียวเฉิงเหวินทำงานทั้งรวดเร็วทั้งโหดเหี้ยม

บรรดาขุนนางในราชสำนักกำลังทับถมตระกูลเถา พยายามกวาดล้างตระกูลเถาให้สิ้นซาก แต่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือกลับส่งข่าวภัยทางการทหารมา

เกิดการจลาจลของต่างชนเผ่า ปล้นชิงชายแดน ราษฎรได้รับบาดเจ็บและล้มตายอย่างสาหัส

ข่าวถูกส่งมาถึงราชสำนัก บรรดาขุนนางต่างตื่นตระหนก

ฮ่องเต้หย่งไท่ที่หยิ่งผยองขึ้นหลายเท่าในระยะครึ่งปีนี้แทบจะถูกตีกลับไปเป็นร่างเดิม

สงครามของเหล่าท่านอ๋องเพิ่งสยบไปได้ครึ่งปี ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็เกิดสงครามขึ้นอีก

ทำให้ผู้คนทั้งดีใจทั้งกังวลใจ

เมื่อเกิดเรื่องสงครามขึ้น ฮ่องเต้หย่งไท่ก็หมดอารมณ์ไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเถา คดีส่วยเมื่อหลายปีก่อนก็ถูกพักเอาไว้

ตอนนี้ความสนใจของเขาทั้งหมดอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและการเฝ้าระวังชายแดน

บรรดาขุนนางราชสำนักก็ไม่มีทางกัดตระกูลเถาไม่ปล่อยในเวลานี้

ตระกูลเถาจึงรอดตัวไป

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาโล่งใจ

เขาคิดว่าทุกสิ่งเป็นฝีมือของเถาฮองเฮา อีกทั้งยังเตือนตัวเองอยู่ในใจ ต่อจากนี้ไม่อาจดูถูกเถาฮองเฮาได้

เถาฮองเฮาทรงพระปรีชาสามารถ ยังคงเป็นฮองเฮาที่เขาคุ้นเคย

เมื่อสายตาของทุกคนหันไปจับจ้องสงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือ บุตรตระกูลซุนและตระกูลเถาก็ตายอย่างกะทันหัน

คนที่เกี่ยวข้องกับคดีส่วยหายตัวไป ไม่พบแม้แต่ร่าง

แม้แต่เล่มคดีที่เก็บไว้ในวัดต้าหลี่ก็เปียกน้ำ ลายลักษณ์อักษรรวมกันเป็นก้อน แม้แต่เทวดาลงจากสวรรค์ก็ไม่อาจเห็นเนื้อหาที่เขียนไว้ด้านใน

เมื่อนายท่านใหญ่ตระกูลเถารับรู้ เขาก็ตกใจ

ฝีมือของฮองเฮาช่างร้ายกาจ

พยานหลักฐานล้วนหายไป ถือเป็นการกำจัดได้อย่างสิ้นซาก!

ดี!

ดีเสียจริง!

ในที่สุดนายท่านใหญ่ตระกูลเถาก็สามารถไร้ความกังวลได้แล้ว

เขาไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดพลิกคดีขึ้นมาอีก

เมื่อมีเวลาว่าง เขาจึงไปเข้าเฝ้าเถาฮองเฮาในวังหลัง

เมื่อพี่น้องพบหน้า เขายิ้มแย้มเบ่งบาน

“ฝีมือของฮองเฮายังคงเหมือนเคย กระหม่อมยอมแพ้!”

เถาฮองเฮาผงะเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติกลับมาได้

นางกระแอมไอเสียงเบา “ท่านผิดแล้ว! เรื่องนี้เป็นฝีมือของเฉิงเหวินตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าไม่ได้แทรกแซง”

อันใดนะ

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาตกตะลึง คางหล่นอยู่บนพื้นเก็บกลับมาไม่ได้

“ฮองเฮาไม่ได้หลอกกระหม่อมหรือ องค์ชายสองเป็นผู้จัดการเรื่องนี้จริงหรือ”

เถาฮองเฮาพยักหน้า “ข้าไม่จำเป็นต้องโกหก”

นางรับรู้ถึงความอันตรายของบุตรชายคนโต เซียวเฉิงเหวิน เกรงว่าจะถูกหักหลัง นางจำเป็นต้องมีไม้ตาย

นางต้องให้คนตระกูลเถารับรู้ถึงธาตุแท้ของบุตรชายคนโต เซียวเฉิงเหวิน เขาไม่เพียงเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะ แต่เขายังเป็นคนที่ไร้หัวใจ

เพื่อผลประโยชน์ ไม่ว่าผู้ใด แม้แต่ญาติมิตรเขาก็สามารถเสียสละได้

เขาเป็นคนโหดเหี้ยมที่แท้จริง เป็นบุรุษที่สง่างามและแข็งแกร่งแต่กำเนิด

หากมีวันใดเมืองหลวงเกิดการจลาจล เวลานี้เถาฮองเฮาสามารถมั่นใจได้ว่าภายในนั้นย่อมเป็นฝีมือของบุตรชายคนโต เซียวเฉิงเหวิน

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาครุ่นคิด “ฮองเฮาวางพระทัยให้องค์ชายสองจัดการเรื่องสำคัญเช่นนี้หรือ ร่างกายขององค์ชายสอง…”

“แม้ร่างกายของเขาจะอ่อนแอ แต่สมองของเขาไม่มีปัญหา ไม่เพียงไม่มีปัญหา ตัวท่านรวมกันสามคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา สมองของเขาเพียงคนเดียวก็สามารถเทียบกับคนทั้งหมดในตระกูลเถาได้”

น้ำเสียงของเถาฮองเฮาหนักแน่น ท่าทีจริงจัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดจาเหลวไหล

นายท่านใหญ่ตระกูลเถายังคงไม่กล้าเชื่อ องค์ชายสองจากปากของเถาฮองเฮาแตกต่างจากองค์ชายสองในความทรงจำของเขาราวกับคนละคน

เขาถาม “เหตุใดฮองเฮาจึงทรงเอ่ยเรื่องนี้กับกระหม่อม”

เถาฮองเฮาพูดอย่างจริงจัง “ข้าแค่อยากตักเตือนท่าน ต่อจากนี้หากเฉิงเหวินไปหาท่าน ไม่ว่าเรื่องใดท่านต้องระมัดระวัง มิฉะนั้นระวังเขาขายท่านทิ้ง ท่านยังต้องมานั่งนับเงินให้เขา”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาหัวเราะ

เขาไม่เชื่อคำพูดนี้

เซียวเฉิงเหวินจะมีความสามารถเหมือนที่เถาฮองเฮาพูดได้อย่างไร

เถาฮองเฮาขุ่นเคือง “ท่านคิดว่าข้าหลอกท่านใช่หรือไม่ ข้าหลอกท่านจะได้ประโยชน์อันใด เรื่องแบบนี้ข้าล้อเล่นได้หรือ”

เมื่อนายท่านใหญ่ตระกูลเถาเห็นเถาฮองเฮาโกรธจึงจริงจังขึ้นมา

เขาขมวดคิ้ว “ฟังจากคำพูดของฮองเฮา องค์ชายสองยังมีเจตนาอื่นอย่างนั้นหรือ เขาอยากจะแย่งชิงตำแหน่งนั้นกับองค์ชายสามหรือ”

“เขามีเจตนาอื่นหรือไม่ ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าสามารถมั่นใจได้ว่าเขาไม่กลัวแผ่นดินวุ่นวาย ท่านระวังกลายเป็นหมากในมือของเขา”

“เป็นไปไม่ได้!”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถามั่นใจต่อตนเองอย่างมาก “เขามีความสามารถเพียงใด กระหม่อมก็ไม่มีทางกลายเป็นหมากในมือของเขา เขาเป็นแค่ชายหนุ่มอายุน้อย ฮองเฮาคาดคะเนเขาเกินจริง ชายหนุ่มอายุน้อย ร่างกายก็ไม่ดี อยากทำสิ่งใดก็ทำ ไม่หนักหนาเหมือนที่ฮองเฮาทรงเอ่ย”

เถาฮองเฮายิ้มเย็น “ข้าพูดเพียงเท่านี้ ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถายังคงมีความสงสัย ไม่กล้าเชื่อทั้งหมด

ผู้ที่ไม่เคยเห็นความโหดเหี้ยมของเซียวเฉิงเหวินล้วนไม่กล้าเชื่อ

เรื่องสงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่มีผลกระทบต่อชีวิตในเมืองหลวง

เดือนสิบ มีงานอภิเษกใหญ่ขององค์หญิงติ้งเถา

หลิวเป่าผิงอภิเษกกับองค์หญิง

องค์หญิงติ้งเถาดีใจอย่างมาก หัวใจของนางเต้นระรัว วันนี้นางเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุด

รูปลักษณ์ของหลิวเป่าผิงประทับใจนางอย่างมาก พบกันครั้งแรก นางก็แอบชอบอีกฝ่ายเข้าแล้ว เสียดายเพียงกำหนดการอภิเษกช้าเกินไป

ในที่สุดก็มาถึงวันงานอภิเษกแล้ว

วันนี้ทุกคนต่างต้องอิจฉานาง

เมื่อดื่มสุรา นางจ้องมองหลิวเป่าผิงพลันยิ้มอย่างเขินอาย ทั้งดวงตาทั้งหัวใจมีแต่ชายหนุ่มตรงหน้า

เวลานี้นางเชื่อแล้วว่าเสด็จแม่และเสด็จพี่สองทำเพื่อนางด้วยความจริงใจ

หลิวเป่าผิงดีกว่าจ้งซูหาวอย่างมาก

นางพึงพอใจอย่างมาก

เมื่อทุกคนเห็นท่าทีเขินอายของนางก็พากันหยอกล้อ ป่วนเจ้าสาวและเจ้าบ่าว

ภายในใจของนางทั้งโกรธทั้งเขินอายทั้งดีใจ

นางหวังว่าเจ้าบ่าว หลิวเป่าผิงจะมีความกระตือรือร้น

แต่แล้ว หลิวเป่าผิงกับนางใจไม่ตรงกันแม้แต่น้อย เขาปฏิเสธการหยอกล้อของทุกคน ลุกขึ้นไปต้อนรับแขกเหรื่อด้านนอก

องค์หญิงติ้งเถาผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อครุ่นคิด นางก็รู้สึกว่าหลิวเป่าผิงสุขุม ไม่เลวเสียจริง

พี่สะใภ้สองคน เยียนอวิ๋นฉีและจ้งซูอวิ้นต่างมีครรภ์แล้ว ไม่สามารถอยู่กับนางได้

ส่วนองค์หญิงและท่านหญิงคนอื่นต่างมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับนาง นางเองก็ไม่อยากให้พี่น้องต่างมารดาอยู่ให้เกะกะสายตา

สุดท้ายจึงเหลือเพียงคุณหนูตระกูลเถาอยู่กับนาง

ติ้งเถาไม่อยากนั่งรออยู่ในเรือนหอ จ้องมองตากับบรรดาคุณหนูตระกูลเถา นางจะไปรับรองแขกที่เป็นสตรี

ไม่มีผู้ใดรั้งนางไว้ได้

อีกอย่าง นางเป็นองค์หญิง งานอภิเษกของนางย่อมแตกต่างจากสตรีอื่น งานอภิเษกไม่เท่ากับออกเรือน

อภิเษกกับองค์หญิงมีความคล้ายคลึงกับฝ่ายชายเป็นผู้แต่งเข้า

องค์หญิงต้องการไปรับรองแขกเหรื่อฝ่ายสตรีย่อมทำได้!

องค์หญิงติ้งเถาสวมชุดแต่งงานสีแดงสด บนหัวสวมมงกุฎเจ้าสาว ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อที่เป็นสตรี

บรรดาแขกสตรีตกตะลึง ก่อนจะเริ่มโห่แซว และกรอกสุรา

วันนี้นางมีความสุข ดื่มสุราไปทีละโต๊ะ

ไม่นานนักนางก็มาถึงโต๊ะของเยียนอวิ๋นเกอ

เมื่อองค์หญิงติ้งเถาเห็นเยียนอวิ๋นเกอ คิ้วของนางเลิกขึ้น พลันยิ้ม!

“คุณหนูสี่ตระกูลเยียน ไม่พบเจ้ามาเป็นเวลานาน คิดถึงเจ้าไม่น้อย วันนี้เป็นงานมงคลของข้า มา พวกเราดื่มด้วยกันจอกหนึ่ง”

องค์หญิงติ้งเถายกจอกสุราทำท่าจะดื่ม แต่ความจริงแล้วจะสาดไปทางหน้าของเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอเห็นถึงเจตนาไม่ดีของนาง จึงชิงลงมือก่อน สุราสาดลงบนชุดแต่งงานสีแดงขององค์หญิงติ้งเถา

องค์หญิงติ้งเถาตกตะลึงอย่างมาก

นางมองชุดแต่งงานสีแดงของตนเอง พลันมองเยียนอวิ๋นเกอ “เจ้า เจ้า…”

“ขออภัยองค์หญิง แม้แต่จอกสุรายังถือไม่มั่น มาๆๆ ข้าเช็ดให้ท่าน”

เยียนอวิ๋นเกอฉวยโอกาสแย่งจอกสุราจากมือขององค์หญิงติ้งเถามา หยิบผ้าเช็ดหน้าทำท่าจะเช็ดให้นาง

“เจ้าออกไป!”

องค์หญิงติ้งเถาตะโกนด้วยความโกรธ ทันใดนั้นสถานการณ์เปลี่ยนจากความคึกคักเป็นความเงียบ

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินจึงต่างมองมาทางนี้

“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าจงใจใช่หรือไม่! ชุดแต่งงานของข้า เจ้ายังบังอาจสาด เจ้าละเมิดข้า! ผู้ใดก็ได้ เวลานี้ข้าจะลงโทษที่เจ้าละเมิดข้า”

องค์หญิงติ้งเถาโกรธจัด สีหน้าของนางบิดเบี้ยว เยียนอวิ๋นฉีแสดงท่าทีของพี่สะใภ้ เอ่ยปากสั่งสอนองค์หญิงติ้งเถา

“ผู้ใดกล้าเหลวไหล!”

เยียนอวิ๋นฉียืนขึ้นในทันที

นางเป็นพระชายาขององค์ชาย แม้แต่องค์หญิงติ้งเถาก็ต้องเรียกนางว่าพี่สะใภ้

“ติ้งเถา วันนี้เป็นงานมงคลของเจ้า เสียงดังโวยวายเหมาะสมหรือไม่ เจ้ากำลังทำให้ผู้อื่นเห็นเรื่องน่าอับอาย!”

ตอนที่นางสาด นางตั้งใจหลีกเลี่ยงสายตาของทุกคน

เรื่องแบบนี้ย่อมไม่อาจทิ้งร่องรอยที่ชัดเจนได้

องค์หญิงติ้งเถาโกรธจนปวดใจ “พี่สะใภ้สองจะเข้าข้างน้องสาวตัวเองหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างจริงจัง “ข้าแค่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ อวิ๋นเกอทำให้ชุดแต่งงานของเจ้าเปรอะเปื้อน นางมีความผิด นางขอโทษ แต่เจ้าเป็นเจ้าสาว อีกทั้งยังเป็นเจ้าบ้าน เจ้าจะถือสาลงโทษแขกได้อย่างไร เจ้าทำเช่นนี้ ผู้ใดจะกล้ามากินเลี้ยงในจวนองค์หญิงอีก คงมีแต่กลัวว่ากำลังกินอยู่ก็ต้องถูกจับขัง”

บรรดาแขกเหรื่อต่างวิจารณ์เสียงเบา

เหมือนที่เยียนอวิ๋นฉีพูด เยียนอวิ๋นเกอมีความผิด สุราในจอกนั้นถูกสาดลงบนชุดแต่งงานขององค์หญิงด้วยความตั้งใจ

แต่ในฐานะเจ้าบ้าน องค์หญิงติ้งเถาจะลงโทษแขกได้อย่างไร

ถึงแม้จะลงโทษก็ไม่ควรเป็นเวลานี้

อีกทั้ง เยียนอวิ๋นเกอมีความผิด แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องลงโทษ

องค์หญิงติ้งเถาไม่สนใจ นางตะโกนเสียงดังโหวกเหวก ช่างน่าอับอายเสียจริง

เมื่อองค์หญิงเฉิงหยางเห็นองค์หญิงติ้งเถาหมดหนทาง นางจึงตำหนิสาวรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง “เหตุใดจึงยังยืนนิ่งอยู่ รีบพาติ้งเถาไปเปลี่ยนชุด เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าต้องขอโทษ เจ้าเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ มือของเจ้าจะสั่นจนทำสุราหกใส่ชุดแต่งงานของติ้งเถาได้อย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอเด็ดขาดอย่างมาก “ขอบพระทัยคำสอนขององค์หญิง! พรุ่งนี้ ข้าสั่งให้คนส่งเสบียงสิบคันรถมาขออภัย”

ผู้ใดอยากได้เสบียงของเจ้า!

องค์หญิงติ้งเถากำลังจะอ้าปากตวาด แต่ถูกสายตาขององค์หญิงเฉิงหยางยับยั้งเอาไว้

จะระบายอารมณ์ก็ต้องดูสถานการณ์

องค์หญิงติ้งเถาสูดลมหายใจเข้า “ข้าจะรอเสบียงสิบคันรถของเจ้าในวันพรุ่งนี้!”

พูดจบ องค์หญิงติ้งเถาออกจากงานเลี้ยงไปภายใต้การดูแลของสาวรับใช้

เมื่อนางจากไป สถานการณ์ก็คึกคักขึ้นอีกครั้ง

เยียนอวิ๋นเพ่ยตบหน้าอกของตนเอง “ข้าตกใจแทบแย่! น้องอวิ๋นเกอ เจ้าช่างใจกล้าเหลือเกิน แม้แต่องค์หญิงยังกล้าสาด เจ้าไม่กลัวเกิดเรื่องหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอตำหนินาง “ดวงตาข้างใดของท่านเห็นข้าสาดกัน อย่าพูดเหลวไหล”

เยียนอวิ๋นเพ่ยผงะ เอ่ยขึ้นเสียงเบา “หากไม่ตั้งใจสาด สุราจะสาดลงบนชุดแต่งงานอย่างพอดีได้อย่างไร อีกทั้ง เจ้าเองก็เป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ มือของเจ้านิ่งมาก จะถือจอกสุราไม่มั่นได้อย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอตำหนินาง “ข้าฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ก็มือสั่นไม่ได้หรือ วันนี้ข้ามือสั่น”

พูดจบ นางยกจอกสุราขึ้น ทำท่ามือสั่นก่อนจะสาดไปทางเยียนอวิ๋นเพ่ย

เยียนอวิ๋นเพ่ยตกใจ รีบกระโดดหลบให้ห่างจากนาง

“น้องอวิ๋นเกอ เจ้าๆๆ …”

เยียนอวิ๋นเกอทำท่าทางจริงจัง “ท่านดู วันนี้มือข้าสั่นรุนแรงมาก ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้”

พู่!

เยียนอวิ๋นฉีที่อยู่ด้านข้างไม่อาจกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป