ตอนที่ 164 งานอภิเษกที่เดินทางลัด

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 164 งานอภิเษกที่เดินทางลัด

องค์หญิงติ้งเถาเสียผลประโยชน์ อับอายขายหน้าในมือของเยียนอวิ๋นเกอ นางจะยอมได้อย่างไร

นางจึงอาศัยโอกาสนำพระราชบุตรเขยหลิวเข้าวังถวายบังคมทูลฟ้อง

หลิวเป่าผิง “…”

เขายืนอยู่ด้านข้าง ทำตัวเหมือนตนเองเป็นท่านไม้ที่ไร้ความรู้สึกและปฏิกิริยา

องค์หญิงติ้งเถาพร่ำบนถึงความผิดของเยียนอวิ๋นเกอมากมาย

“…ทำให้ข้าอับอายหลายต่อหลายครั้ง เสด็จแม่ต้องทรงลงโทษนางอย่างหนัก ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดทุกคนจึงปกป้องนาง นางก็เป็นเพียงบุตรสาวตระกูลชั้นกลางไม่ใช่หรือ เหตุใดข้าจึงลงมือกับนางไม่ได้”

เถาฮองเฮาระอาอย่างมาก

นางรับสั่งเหมยเส้าเจี้ยน ให้เขานำตัวพระราชบุตรเขยลงไปดื่มชา

หลิวเป่าผิงโน้มตัวจากไป

เมื่อคนจากไปแล้ว เถาฮองเฮาจึงตำหนิติ้งเถาเสียงเบา “ต่อหน้าพระราชบุตรเขย เจ้าเอาแต่พร่ำบ่น ไม่กลัวพระราชบุตรเขยรำคาญหรือ”

ติ้งเถาทำหน้าได้ใจ “เสด็จแม่ทรงวางพระทัย ข้ากับข้าแลกเปลี่ยนกันด้วยใจจริง ต่อหน้าเขาข้าไม่มีความลับ มีเรื่องใดพูดเรื่องนั้น เขาก็ดีใจอย่างมาก”

โอย บุตรสาวโง่!

ช่วงอภิเษกใหม่ บุรุษย่อมว่านอนสอนง่าย ภรรยาพูดสิ่งใดก็คือสิ่งนั้น

เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ไป เหอะๆ …

เถาฮองเฮาเกลี้ยกล่อม “เจ้ากับพระราชบุตรเขยแลกเปลี่ยนด้วยใจจริงเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าพูดสิ่งใดย่อมต้องดูสถารการณ์และเวลา อย่าได้พร่ำบ่นต่อหน้าพระราชบุตรเขยอีก”

“อ้อ!” ติ้งเถาตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ทางเยียนอวิ๋นเกอ เสด็จแม่ทรงจัดการให้ข้าเถิด!”

เถาฮองเฮาไม่ยินดีนัก “เรื่องเพียงเล็กน้อย ในเมื่อมันผ่านไปแล้ว เหตุใดจึงต้องถือสา”

“แต่ว่าเยียนอวิ๋นเกอรังแกกันเกินไป! ข้าเป็นถึงองค์หญิง จะทนต่อความไม่เป็นธรรมได้อย่างไร”

“ให้พี่สะใภ้สองของเจ้าออกหน้าสั่งสอนเยียนอวิ๋นเกอ”

“พี่สะใภ้สองมีแต่จะเข้าข้างนาง”

“ให้เยียนอวิ๋นเกอส่งของขวัญขออภัยเจ้า”

“นางส่งเสบียงมาสิบคันเป็นการขออภัย แต่ว่าข้าไม่ต้องการเสบียงของนาง เสบียงสิบคันรถมีมูลค่าเพียงเท่าใดกันเชียว”

องค์หญิงติ้งเถาทำหน้ารังเกียจ

เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว “เมื่อพูดเช่นนี้ เยียนอวิ๋นเกอส่งของขวัญขออภัยเจ้าแล้ว”

“ใช่!”

เถาฮองเฮาไม่พอใจเล็กน้อย “หากเจ้าอยากสั่งสอนเยียนอวิ๋นเกอ เจ้าจะลงมือในเวลานี้ไม่ได้ มิฉะนั้นจากมีเหตุผลเจ้าก็จะกลายเป็นไร้เหตุผล อย่างไรแล้วนางก็ขอทาแล้ว แต่เจ้ากลับไม่ยอม ผู้คนย่อมจะยืนอยู่ข้างนาง ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง รอทุกคนต่างลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เจ้าค่อยลงมือก็ไม่สาย”

ติ้งเถาทำหน้าตื่นเต้น “เสด็จแม่จะทรงช่วยข้าหรือไม่”

เถาฮองเฮาลังเลเล็กน้อย นางไม่มีเวลามาถือสาเยียนอวิ๋นเกอจริงๆ นางยุ่งมาก

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาคาดหวังของบุตรสาว นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้

“เจ้ากลับไปรอข่าวก่อน อย่าได้กระทำโดยพลการ บทเรียนครั้งก่อน เจ้ายังจำได้หรือไม่”

สีหน้าของติ้งเถาเปลี่ยนไป

ครั้งก่อนนางส่งมือสังหารไปลอบสังหารเยียนอวิ๋นเกอ สุดท้ายถูกเยียนอวิ๋นเกอหลอกใช้ ทำให้นางอับอายขายหน้าอย่างมาก อีกทั้งยังถูกเสด็จพ่อทรงลงโทษ

นางซึมซับบทเรียน ครั้งนี้นางจึงเข้าวังมาขอความช่วยเหลือ

หากเป็นเสด็จแม่ย่อมสามารถทำให้เยียนอวิ๋นเกอตายทั้งเป็นได้

องค์หญิงติ้งเถาดีใจอย่างมาก คาดหวังว่าวันนั้นจะมาถึงอย่างรวดเร็ว

ตอนออกจากวังหลวง นางยังพร่ำบ่นกับพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง “ต่อจากนี้เจ้าหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้กับเสด็จพี่สอง ร่างกายของเขาไม่ดี มักจะนอนติดเตียงทั้งปี น้อยครั้งที่จะออกจากจวน เพื่อร่างกายของเขา อย่าได้ไปรบกวนเขา”

หลิวเป่าผิงเลิกคิ้วยิ้ม “องค์หญิงพูดสิ่งใดก็คือสิ่งนั้น”

เนื่องจากสงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งหลิวเป่าผิงยังเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับทางตะวันตกเฉียงเหนือที่สุด หลังจากมีคนเสนอ ฮ่องเต้หย่งไท่จึงมักเรียกเขาเข้าวังเพื่อซักถามเหตุการณ์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ

เพื่อเรื่องนี้ ฮ่องเต้หย่งไท่ยังพระราชทานตำแหน่งขุนนางระดับห้าในฝ่ายทหารให้แก่หลิวเป่าผิง

เมื่อเข้าวังสองสามวันครั้ง หลิวเป่าผิงจึงคุ้นเคยกับขันทีในตำหนักซิงชิ่งอย่างรวดเร็ว

เขาเป็นคนใจกว้าง อีกทั้งวาจาชวนสนุก บรรดาขันทีและนางในต่างยินดีที่จะพูดคุยกับเขา

ต่อหน้าฮ่องเต้หย่งไท่ เขาไม่มีสิ่งใดปิดบัง สิ่งที่พูดออกมาล้วนมีประโยชน์ ข้อเสนอที่เอ่ยออกมาล้วนมาจากสถานการณ์จริง มีความเป้นไปได้ที่สูงมาก

ฮ่องเต้หย่งไท่พึงพอใจอย่างมาก ลับหลังเขาพร่ำบ่นกับซุนปังเหนียน ซุนกงกง “เป็นคนที่ทำงานจริง ดีมาก!”

เมื่อมีคำชมนี้ บรรดาผู้คนในตำหนักซิงชิ่งยิ่งกระตือรือร้นกับเขา

เขามีรูปลักษณ์ที่ดี รุกถอยอย่างเหมาะสม ทำให้เขาได้สานสัมพันธ์กับขุนนางกลุ่มหนึ่งในราชสำนัก มีความสัมพันธ์เส้นสายของตนเอง

เขาสนิทสนมกับกับหลิงจางจื้อที่สุด

หลิงฉางจื้อจัดงานชุมนุมบทกลอนกวีในจวน มักจะลงเทียบให้เขาทุกครั้ง

เรียนเชิญสิบครั้ง หลิวเป่าผิงไม่ไปเพียงสามถึงห้าครั้ง ส่วนครั้งอื่นล้วนนำของขวัญชิ้นใหญ่ไปด้วย

ผ่านการเข้าร่วมชุมนุมบทกลอนกวีของตระกูลหลิง หลิวเป่าผิงจึงคุ้นเคยกัลป์เยียนอวิ๋นฉวนด้วย

ในฐานะเป็นขุนนางร่วมราชสำนัก อีกทั้งอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน พวกเขามีเรื่องที่สามารถพูดคุยกันได้มากมาย

แต่ว่าต่อหน้าเยียนอวิ๋นฉวน หลิวเป่าผิงไม่เคยเอ่ยถึงเยียนอวิ๋นถงและเยียนอวิ๋นเกอพี่น้องแม้แต่น้อย

ราวกับเขารู้จักคนตระกูลเยียนเป็นครั้งแรก

ต่อมาเยียนอวิ๋นฉวนบ่นกับหวังกุนซือ “พี่ฉางจื้อเป็นผู้มีความสามารถอันดับต้นๆ แล้ว ไม่คิดว่าพระราชบุตรเขยหลิวจะไม่ด้อยไปกว่าแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่มีความสามารถจริง การทำสงครามก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ผู้มีความสามารถเช่นนี้ อวี้สื่อเหลียงโจวยอมให้เขาอภิเษกกับองค์หญิงได้อย่างไร”

หวังกุนซือได้ยิน จึงพูด “อภิเษกกับองค์หญิงก็เป็นทางลัดหนึ่งในการเลื่อนขั้น หากเขายังอยู่ในเหลียงโจวต่อ ออกจากเหลียงโจว ผู้ใดจะรู้จักเขา ผู้ใดจะรู้ว่าเขาเป็นผู้มีความสามารถ เมื่อเป็นพระราชบุตรเขยแล้ว เวลาเพียงไม่กี่วัน เขาก็มีชื่อเสียงไปทั่วเมืองหลวงแล้ว เมื่อรอปีหน้า เขาคงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดินแล้ว”

เยียนอวิ๋นฉวนพยักหน้า “ซินแสพูดมีเหตุผล ดูท่าทางการอภิเษกกับองค์หญิงก็เป็นอีกทางหนึ่ง”

“นายน้อยหวั่นไหวหรือ ท่านอยากจะเลียนแบบพระราชบุตรเขยอย่างนั้นหรือ” หวังกุนซือถามอย่างระมัดระวัง

เยียนอวิ๋นฉวนยังไม่แต่งงาน

แต่ก่อนเขาเคยหมั้นหมาย ต่อมาทางตระกูลของหญิงสาวเกิดเรื่อง งานแต่งย่อมยกเลิก

เรื่องจากเขาต้องการมาฝึกฝนในเมืองหลวง ดังนั้นท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านจึงไม่รีบร้อนที่จะหมั้นหมายให้เขา

เมื่อเห็นว่าอายุเพิ่มขึ้นทุกปี บุรุษที่อายุเท่าเขาส่วนใหญ่ล้วนแต่งงาน หรือแม้กระทั่งมีบุตรแล้ว

เขาก็ควรคำนึงถึงเรื่องคู่ครองของตนเองเสียที

เขาไม่ตอบคำถามของหวังกุนซือ

ตัวของเขาเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้

ตามหลักแล้ว แต่งงานกับสตรีในตระกูลใหญ่ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

หากเยียนอวิ๋นเพ่ยไม่ได้แต่งงานกับตระกูลหลิง จากความสัมพันธ์ของเขากับหลิงฉางจื้อ เขาย่อมสามารถแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิง

เสียดายเสียจริง!

เมื่อมีเยียนอวิ๋นเพ่ย เขาก็ไม่อาจแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิง หากทำเช่นนั้นย่อมถือเป็นการแลกเปลี่ยนแต่งงาน ต้องถูกคนหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน

มีเพียงครอบครัวคนจน คนที่หาสะใภ้ไม่ได้จึงจะทำเช่นนั้น

ตระกูลใหญ่ไม่มีทางทำ

การแต่งงาน เด็กสองคนย่อมต้องมีงานแต่งสองงาน ครอบครัวเครือญาติสองครอบครัว

การแลกเปลี่ยนแต่งงานหมายความว่าเด็กสองคนต้องแต่งกับตระกูลเดียว ย่อมเท่ากับเด็กสองคนแลกเปลี่ยนมาซึ่งครอบครัวเครือญาติครอบครัวเดียว ไม่เหมาะสมกับหลักการผลประโยชน์สูงสุด

เยียนอวิ๋นฉวนล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลหลิง เขาเริ่มครุ่นคิดคุณหนูตระกูลอื่น

ไม่คิดว่าประสบการณ์ของพระราชบุตรเขยหลิวจะกระตุ้นเขา

บางทีเขาก็อาจจะอภิเษกกับองค์หญิง หรือว่าท่านหญิงได้

เพียงแต่จะทำได้หรือ

บนแผ่นดินนี้มีติ้งเถาเพียงคนเดียว ฮ่องเต้มีองค์หญิงที่กำเนิดจากฮองเฮาคนเดียว

องค์หญิงและท่านหญิงอื่นล้วนกำเนิดมาจากพระสนม

สิ่งสำคัญคือเยียนอวิ๋นฉีแต่งเข้าราชวงศ์ หากเขาอภิเษกกับองค์หญิง ก็แทบไม่ต่างจากการแต่งงานแลกเปลี่ยน

เกรงว่าจะไม่ได้!

ปรองดองกับเหล่าท่านอ๋อง แต่งงานกับบุตรสาวของเหล่าท่านอ๋องหรือ

เลิกคิดเสียเถิด!

เวลานี้เหล่าท่านอ๋องก็เหมือนกับแพะถูกกักขังเอาไว้รอเชือด เขาต้องเสียสติไปแล้วถึงจะแต่งงานกับคุณหนูในจวนอ๋อง

“เฮ้อ…”

เสียงถอนหายใจดังขึ้น

เยียนอวิ๋นฉวนรู้สึกว่าตนเองช่างยากลำบาก

ช่างเถิด…เรื่องแต่งงานขอให้ท่านพ่อตัดสินใจเถิด

เยียนโส่วจ้านไตร่ตรองเรื่องงานแต่งของเยียนอวิ๋นฉวนมานานแล้ว

คุณหนูตระกูลใหญ่ ฐานะเหมาะสม รูปลักษณ์และความสามารถเพียบพร้อม กำเนิดจากภรรยาเอก…

เงื่อนไขนี้สูงไปเสียหน่อย

แน่นอน หากเยียนโส่วจ้านไม่เลือกมาก คุณหนูตระกูลใหญ่ในรัฐโยวโจวมีให้เขาเลือกมากมาย

เพียงแต่เขาไม่อยากจับคู่คุณหนูในโยวโจวให้บุตรชายสุดที่รักมากนัก

เขาอยากปรองดองกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลิง

หลายปีนี้ เขาติดต่อกับตระกูลใหญ่ทั่วทั้งแผ่นดินผ่านเส้นสายต่างๆ

เพียงแต่ทุกครั้งที่เขาเอ่ยถึงเรื่องการปรองดองของสองครอบครัว เขาก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่มีข้อยกเว้น

เยียนโส่วจ้านอบรมสั่งสอนเยียนอวิ๋นฉวนให้เป็นผู้สืบทอดตระกูล

แต่ในสายตาของผู้คนบนแผ่นดิน เยียนอวิ๋นฉวนเป็นเพียงบุตรที่กำเนิดจากอนุภรรยา แม้จะครอบครองตำแหน่งบุตรชายคนโต แต่มารดาผู้ใดกำเนิดมีชาติตระกูลที่ไม่ดี จะครองคู่ได้อย่างไร

หากเยียนโส่วจ้านสู่ขอแทนบุตรชายที่กำเนิดจากภรรยาเอกอย่างเยียนอวิ๋นถง บางทีอาจยังมีตระกูลใหญ่ไตร่ตรอง

แต่เยียนอวิ๋นฉวน ไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย

บุตรสาวที่กำเนิดจากภรรยาเอกของตนเองจะแต่งงานกับบุตรชายที่กำเนิดจากอนุภรรยาเอย่างไร

เยียนโส่วจ้านสมกับเป็นแม่ทัพ ไม่รู้จักความเหมาะสม! ทั้งชีวิตวนเวียนอยู่แต่ในพื้นที่กันดารอย่างโยวโจว ไม่เคยเห็นสังคมด้านนอก

ในขณะที่เยียนโส่วจ้านกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องคู่ครองของเยียนอวิ๋นฉวน เมืองหลวงก็มีจดหมายมา ทำให้เขาปรากฏความคิดหนึ่งขึ้น

อภิเษกกับองค์หญิง?

เขาเริ่มครุ่นคิดเรื่องนี้

ตู้ซินแสผู้เป็นกุนซือเอ่ยเตือน “ฮ่องเต้ทรงมีความระแวง นิสัยเย็นชา ปฏิบัติต่อองค์ชายทั้งหลายยังพอว่า แต่ปฏิบัติต่อองค์หญิงและท่านหญิงทั้งหลายอย่างทั่วไป นายน้อยใหญ่อภิเษกกับองค์หญิง ข้าคิดว่าไม่เหมาะสม อีกทั้งคุณหนูรองอภิเษกกับองค์ชายสองแล้ว หากนายน้อยใหญ่อภิเษกกับองค์หญิง ชื่อเสียงจะฟังดูไม่ดีนัก จะดูถูกหัวเราะเยาะว่าแต่งงานแลกเปลี่ยน”

เยียนโส่วจ้านไม่พอใจเล็กน้อย “เจ้าว่าควรทำอย่างไร”

“ข้าคิดว่าสู้หาตระกูลหนึ่งในบรรดาตระกูลใหญ่โยวโจวให้นายน้อยใหญ่เสียดีกว่า กองทัพเป็นรากฐานของท่านโหว ท่านโหวอย่าได้ลืม เลียนแบบตระกูลขุนนางเหล่านั้น”

เยียนโส่วจ้านไม่เต็มใจนัก

เขาอยากยกระดับฐานะของตระกูลเหมือนกับคนตระกูลหลิง ทำให้ตระกูลเยียนก้าวเข้าสู่ตระกูลชนชั้นสูง

หากแต่ไม่ใช่เมื่อผู้อื่นได้ยินว่าตระกูลเยียนก็รู้สึกว่า อ้อ…ตระกูลชนชั้นกลางในพื้นที่ยากเข็ญ

น้ำเสียงและสายตาล้วนแสดงออกถึงความดูถูก!

ยกระดับฐานะของตระกูล เพียงแค่อาศัยการแต่งบุตรสาวย่อมเป็นไปไม่ได้

ยังต้องอาศัยตระกูลของลูกสะใภ้ อาศัยความสามรถของบุตรหลาน…

เยียนโส่วจ้านทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “เตรียมหมึกกับพู่กัน ข้าจะเขียนจดหมายไปให้ฮูหยิน”

ตกลงจะอภิเษกกับองค์หญิงหรือไม่ จัดการเรื่องคู่ครองของเยียนอวิ๋นฉวนอย่างไร เซียวฮูหยินเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับขอความคิดเห็นที่สุด