มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่118 หมี

“เบ็ดตกปลากับมีดเอนกประสงค์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ผมวางไว้ให้ที่นี่นะ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรหนักหนา ก็โทรศัพท์ให้ผมได้โดยตรงเลยนะครับ ขอให้ทุกคนเที่ยวกันให้สนุกครับ”

พูดจบ หลิ่วผู่คุนก็ขึ้นรถพาเที่ยวคันนี้นจากไป

สำหรับพวกลูกเศรษฐีตระกูลชั้นสองพวกนี้ ถึงแม้เขาจะไม่อยากไปใส่ใจมาก แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นในพื้นที่ของเขา เรื่องที่ต้องจัดการก็คงยุ่งยากเอาเรื่อง ฉะนั้นจึงสั่งไปในเรื่องที่ควรสั่งให้เรียบร้อยไว้ก่อน

หากยังจะเกิดอุบัติเหตุอะไรอีก นั่นก็เป็นปัญหาของพวกเขาเองแล้ว ถึงแม้ผู้ใหญ่จะต่อว่าเอาความขึ้นมาก็ไม่เกี่ยวกับตัวเขาแล้ว

“กิจกรรมเอาตัวรอดในป่านะ!”

ทุกคนส่งเสียงเฮขึ้นมาทีหนึ่ง ลูกเศรษฐีบางคนคว้าเบ็ดตกปลา มุ่งตรงไปยังริมหาด

และก็มีหลายคนหยิบเอามีดเอนกประสงค์ เตรียมเข้าป่าหาผลไม้ป่ามาแก้กระหาย

ส่วนเหล่าบรรดาสาว ๆ ก็นำเอาเก้าอี้พับ กางนั่ง ๆ นอน ๆ อาบแดด วางมาดแบบมาผ่อนคลายหาความสุขไม่ได้มาหาเรื่องลำบาก

เจียงหว่านคงไม่ได้อยากขี้เกียจอย่างพวกเขา เดินตามหลังมู่เซิ่ง เดินเข้าป่าไป

กิจกรรมเอาตัวรอดในป่าก็จัดเพื่อให้ฝึกฝนตัวเองกัน ฉะนั้นถึงแม้มู่เซิ่งสามารถจัดการแก้ปัญหาการหาของกินของทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่ขวางห้าม พาเจียงหว่านเข้าไปหาผลไม้และของป่าที่กินได้ด้วยกัน

เจียงหว่านไม่ได้เก็บผลไม้อะไรเลย แต่ก็ได้พบเห็นรู้จักไม้ดอกแปลก ๆ ไม่น้อย

มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เจียงหว่านตื่นใจมากคือ ไม่ว่าเธอพบเห็นพรรณไม้แปลก ๆ มู่เซิ่งกลับสามารถพูดชื่อออกมาได้หมด และยังบอกได้ถึงคุณสมบัติเชิงลึก ทำให้เจียงหว่านอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง

คุณมู่เซิ่งคนนี้เป็นเอ็นไซโครพีเดียหรือไง ทำไมรู้ได้ไปหมดทุกอย่าง?

เธอยังไม่รู้เลยว่า มู่เซิ่งเคยใช้ชีวิตทหารในป่าดิบชื้นในเวลานั้น เขาก็ได้สัมผัสสิ่งต่าง ๆ พวกนี้มาก่อนหน้านั้นหมดแล้ว

เดินอ้อมไปทางป่าละเมาะข้างหน้า ทันทีนั้นก็เห็นกลุ่มของพวกไป๋เสี่ยวเสียนเดินมากันอย่างอึกทึกฮึกเหิม

“นี่มันเจียงหว่านนี่นา?”

มีลูกเศรษฐีคนหนึ่งได้สังเกตเห็นมู่เซิ่งกับเจียงหว่านสองคนในฉับพลัน

ไป๋เสี่ยวเสียนสะบัดเสียงฮึออกจมูก พูดว่า “มู่เซิ่ง แกยังใช่ผู้ชายหรือเปล่า?อยู่ที่บ้านเกาะเจียงหว่านกินก็แล้ว ตอนนี้มาหาทางเอาตัวรอดกันเองในป่า ก็ยังให้เจียงหว่านออกมาช่วยเก็บผลไม้อีก พวกเราที่เป็นผู้ชายมีคนอย่างแกแบบนี้ มันน่าละอายนัก!”

ความเกลียดที่ฝังลึกอยู่ในใจสุด ๆ ไอ้คุณมู่เซิ่งคนนี้ มันเป็นคนที่ทำเอาความเป็นผู้ชายเสียหายสิ้น!

ฮ่า ๆ ๆ ……

บรรดาลูก ๆ ของห้า-หกตระกูล ต่างอดไม่ได้หัวเราะกันออกมา

สุดท้าย สายตาของเขากวาดมองไปที่ตะกร้าในมือมู่เซิ่ง ยิ่งรู้สึกสนุกกันเป็นการใหญ่

“มู่เซิ่ง นี่แกไปเลือกเก็บอะไรมานั่น?แต่ละอันขาด ๆ แหว่ง ๆ น่าเกลียด พวกเห็ดนั่นดูยังกับก้อนหิน กินได้หรือเปล่า?เลือกเป็นหรือเปล่านะ”

พูดจบแล้ว ไป๋เสี่ยวเสียนชูตะกร้าในมือขึ้นมา พูดอย่างเหยียด ๆ ไปว่า “แกไม่รู้จักมาดูของเคียงที่ผมเลือกเก็บมานี่ ทั้งน่าดูและกินอร่อย นี่ถึงจะเป็นของที่พวกเราควรจะกิน”

ในตะกร้าของไป๋เสี่ยวเสียน มีผักผลไม้หลากสี และยังมีเห็ดแทรกอยู่ไม่น้อย มู่เซิ่งมองแล้วก็ดูออก พวกนี้กินไม่ได้สักอย่าง

เจียงหว่านโกรธจนเตรียมจะตอบโต้ มู่เซิ่งกลับชิงพูดตัดหน้าก่อนว่า “กลัวแต่ว่าเห็ดพวกนี้ จะเหมือนกับคนบางประเภท ข้างนอกหุ้มทอง ข้างในมีแต่ของเสีย”

“คุยแม่ง…..” ไป๋เสี่ยวเสียนโกรธจนโพล่งออกมาด้วยใจอยากด่า แต่คิดกลับมาถึงฐานะของตนที่อยู่ต่อหน้าผู้กลุ่มคนพวกนี้ ขืนไปมีปากเสียงกันเศษขยะประเภทนี้รังแต่จะเป็นการด้อยค่าตัวเอง เขาสะบัดเสียงฮึออกจมูก ข่มความโกรธเกรี้ยวในใจไว้ “ไอ้เศษขยะอย่างแก ก็ได้แต่หาเศษหาเลยเอาเปรียบด้วยปากพูด”

มู่เซิ่งก็ขี้เกียจไปยุ่งกับเขา หันหลังกลับพาเจียงหว่านเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง

ไป๋เสี่ยวเสียนสะบัดเสียงฮึ พากันตามไปติด ๆ

มู่เซิ่งคิ้วย่นขึ้นมาเองด้วยจิตใต้สำนึก สีหน้ายังแสดงออกไม่แยแส แต่แท้ที่จริงรู้สึกรำคาญกับไอ้หมอนี่แล้วจริง ๆ

เดิมคิดว่าคงแค่พูดเยาะเย้ยสักไม่กี่คำแล้วก็ไปพ้น ๆ ได้ ไม่คิดว่าจะพาพรรคพวกตามติดมาข้างหลัง แล้วอย่างนี้จะให้เขากับเมียอยู่ในโลกสองคนของพวกเขาได้ยังไง?

เดินตามไปได้ประมาณสิบนาที ขณะที่มู่เซิ่งกำลังจะหันไปตะเพิดไล่ไป๋เสี่ยวเสียนให้ไสหัวไปไกล ๆ นั้น นาทีนั้นเอง กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังตัวเขา ส่งเสียงร้องกันอย่างแตกตื่น

“โอ้พระคุณ นั่นอะไรอ่ะ!”

“โอ้พระจ้า!หมี นั่นมันหมีนะ!”

“นี่มันหมีนะ หนีเร็ว!รีบหนีกลับไปที่แค้มป์กันเร็ว!”

พวกที่ตามมู่เซิ่งมาข้างหลังแต่เดิมสบายอารมณ์ชื่นบานจู่ ๆ ก็ถูกทำให้ตกใจจนเซ่อเป็นไก่ตาแตก ได้ยินคนข้างหน้าตะโกนอย่างตื่นกลัว ต่างก็หันกลับไปดูตามเสียงโดยสัญชาตญาณ

ก็ได้เห็นตรงที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตรนั่น มีเงาร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าอยู่ที่นั่น สูงใหญ่มากเอาเรื่อง น่าจะมีสองเมตรเต็ม ชัดเจนเลยว่าเป็นหมีตัวหนึ่ง

พระคุณ!

เห็นหมีวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เหล่าบรรดาลูกเศรษฐีแต่ละคนโวยวายกันลั่นด้วยความหวาดกลัว

ตอนนี้สุดขีดความมั่นใจของพวกเขาแล้ว

“วิ่งหนีกันเร็ว!”

เจียงหว่านร้อนใจอย่างอดไม่ได้

เธอรู้ดีว่ามู่เซิ่งมีฝีมือในการต่อสู้ แต่พลังแรงของคน จะไปเทียบกับหมีได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่อยากเห็นมู่เซิ่งต้องบาดเจ็บ

ถึงขณะนี้ คนทั้งหมดหวาดกลัวกันจนงงแล้ว ผู้ชายตกใจกันจนหน้าซีด สะโพกก้นสั่นระริก ฉี่เกือบจะแตก

พวกเขายังไม่คิดจะตาย!

แต่ความเร็วของหมีน่ากลัวมาก ชั่วแวบเดียว ทุกคน พวกเขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดอวลอยู่ทั่ว!

หลายคนกลัวจนเซ่อ หลับตาปี๋

ทั้งบริเวณมีเพียงสองคนที่ยืนหยัดนิ่งอยู่ที่เดิม

คนหนึ่งคือไป๋เสี่ยวเสียน อีกคนหนึ่ง แน่นอนว่าคือมู่เซิ่ง

มู่เซิ่งตอนอยู่ที่อเมซอน ไม่น้อยเลยที่จะต้องต่อสู้กับงูยักษ์เสือสิงห์ กับพวกสัตว์ป่าต่าง ๆ จะสัมผัสรู้กลิ่นสาบโดยธรรมชาติ แต่หมีที่อยู่ข้างหน้าตัวนี้ ไม่ใช่สัตว์ป่าอย่างแน่นอน!

หมีแม้นว่าจะยืนสองขาได้ แต่เวลาวิ่งยังต้องวิ่งสี่ขา อีกทั้งพวกมันจะเป็นสัตว์ที่กินไปได้หมดทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะชอบกินเนื้อ แต่หลัก ๆ จะเป็นพืช โดยปกติแล้ว บนตัวพวกมันจะไม่มีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงขนาดนั้น

ประเด็นสำคัญที่สุด คุณหมีตัวนี้ สะท้อนแสงเงาของซิปที่ซุกอยู่ข้างหลังให้เห็น มองทีเดียวก็รู้ว่าเป็นคนปลอมเป็นหมี!

มู่เซิ่งใช้แววตาจืด ๆ เหลือบมองไปที่ไป๋เสี่ยวเสียนที่วางมาดสงบนิ่ง คนที่บงการเป็นใคร ไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว

“มีผมอยู่ ทุกคนไม่ต้องกลัว!”

และแล้ว ทันใดนั้นเอง ไป๋เสี่ยวเสียนตะโกนด้วยเสียงอันดัง ทะยานพุ่งตัวออกมา

หมีตัวนี้จริง ๆ แล้วก็คือชายฉกรรจ์สูงสองเมตรกว่าที่เขาไปหามาปลอมตัว แรกเริ่มจุดประสงค์จะเอาไว้โชว์ความเป็นพระเอกของเขาต่อหน้าเจิ้งเสี่ยวเซวียนภรรยาของเขา แต่ตอนนี้ก็เพราะถูกมู่เซิ่งเยาะเย้ย ความแค้นที่สุมอกอยู่นี้ทำให้เขาเปลี่ยนแผนมาใช้เล่นงานมู่เซิ่ง

เขาต้องให้เจียงหว่านเห็นว่าไอ้ขยะคนนี้ท่าทีที่กลัวจนเหยี่ยวรดตหาย

แล้วหลังจากนั้น เขาก็จะเป็นพระเอกออกมาช่วยสาวสวย ปกป้องเจียงหว่าน

จากการเปรียบเทียบกันแล้ว เจียงหว่านก็จะหันมารักเขาได้!

ด้วยเหตุนี้ ไป๋เสี่ยวเสียนจึงคอยตามมาข้างหลังมู่เซิ่งตลอด เพื่อให้ลูกน้องของเขาแต่งตัวปลอมเป็นหมี แล้วไปคอยรอเวลาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้า

“หมีตัวกระจอกแค่นี้เอง ทุกคนคอยดูผมจะไปจับมันห้อยขึ้นมาอัดเล่น!”

ไป๋เสี่ยวเสียนสะบัดเสียงฮึออกจมูก วางมาดที่คิดว่าหล่อที่สุด และแล้วก็ทะยานตัวขึ้น กอดปล้ำอัดกันนัวกับคุณ ‘หมี’

“ว้าว!”

“ดูไม่ออกเลย ไป๋เสี่ยวเสียนคนนี้ร้ายกาจขนาดนี้!”

“มิน่าเขาถึงไม่ต้องการใช้ปืน ที่แท้เขาสามารถสู้กับสัตว์ป่าได้ด้วยมือเปล่าจริง!”

เห็นพฤติกรรมของไป๋เสี่ยวเสียน คนจำนวนไม่น้อยถึงกับอึ้ง ยืนทื่อมองดูการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของไป๋เสี่ยวเสียนที่อยู่ข้างหน้า ผู้ชายแบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชายจริง!

“แล้วดูคุณนั่นซิ?”

ผู้ชายหลายคนที่ก่อนหน้านี้ตกใจกลัวกันจนงงเซ่อไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย แต่ละคนใช้สายตาเหยียดหยาม มองไปที่มู่เซิ่ง

เทียบกันระหว่างสองคน

ใครเป็นชายชาตรี ใครเป็นเศษขี้ขยะ มองรู้ได้เลยด้วยสายตา!