บทที่ 140 การโจมตี
บทที่ 140 การโจมตี
โจวอี้และเฉิงฮ่าวนั่งอยู่เคียงข้างกันในรถ ทั้งคู่มองไปที่ทิวทัศน์ด้านข้าง
เวลานี้โจวอี้รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
เขาไม่ต้องการไปที่โลกตงเทียน เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือการที่ได้มีเวลาดูแลลูกสาวของเขาและใช้ชีวิตอย่างสงบ
แต่หนี้บุญคุณของเฉิงฮ่าว มันก็ไม่อาจทำให้เขาเมินเฉยได้
“พี่เฉิง ผมมีคำถาม” โจวอี้ถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในรถ
“คำถามอะไร?”
“ถ้าอาจารย์ของคุณตกอยู่ในอันตรายที่โลกตงเทียน แล้วเขาแจ้งให้คุณทราบได้ยังไง เท่าที่ผมรู้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะโทรออกมาเพราะที่นั่นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์”
“เป็นเพราะผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้บอกผมหลังจากที่เขาหนีออกจากที่นั่น และเขายังเปิดคลิปให้ผมดูป้ายหยกของอาจารย์ด้วย”
“คุณเชื่อจริง ๆ เหรอ” โจวอี้ถาม
“หมายถึงอะไร?” เฉิงฮ่าวเริ่มงง
“ถ้า… ผมหมายถึง ถ้าอาจารย์ของคุณไม่ได้เจออันตรายในโลกตงเทียนนั่นจริง ๆ แต่อีกฝ่ายได้ป้ายหยกของอาจารย์คุณมาโดยบังเอิญหรือไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม แล้วโกหกคุณว่าอาจารย์ของคุณตกอยู่ในอันตรายและขอให้คุณช่วยเหลือ คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
“มันเป็นไปได้ใช่ไหม” เฉิงฮ่าวเริ่มลังเล
“คุณจำโจวถงได้ไหม”
“จำได้ เราเคยพบกันที่พาราไดซ์คลับ” เฉิงฮ่าวตอบพลางพยักหน้า
“เขามาหาผมและบอกลาเพื่อจะกลับไปออสเตรเลีย” โจวอี้มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งและพูดต่ออีกว่า “หลังจากบอกลา เขาเตือนผมว่าห้ามไปที่ตลาดมืด เขาบอกว่ามันอันตราย ก่อนหน้านี้ผมไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ตอนนี้ผมดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว อันที่จริงเขาต้องการเตือนว่าอย่าไปที่โลกตงเทียนต่างหาก”
“หืม…” เฉิงฮ่าวขมวดคิ้วและคิดว่าสิ่งที่ชายผู้มีปัญหาทางสมองคนนั้นคงพูดจาไม่น่าเชื่อถือ
แต่โจวอี้กล่าวต่อว่า “ก่อนที่เราจะเข้าสู่ตลาดมืด ผู้หญิงในชุดขาวเรียกผมออกไปและเตือนบางอย่าง”
“เตือนอะไร?” เฉิงฮ่าวรีบถาม
“อย่าไปที่โลกตงเทียน และอย่าไว้ใจใครนอกจากสาวกของสำนักโอสถ!”
“…”
สีหน้าของเฉิงฮ่าวเปลี่ยนไปทันที
เกิดบ้าอะไรขึ้น?
ถ้าเพียงแต่เด็กโง่โจวถงพูดคนเดียวก็คงไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แต่ผู้หญิงชุดขาวคนนั้นกลับพูดแบบเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีปัญหาบางอย่างในโลกตงเทียน
แต่เขาเคยไปที่นั่นมาก่อนและไม่พบอันตรายใด ๆ เลย
มีอันตรายซ่อนอยู่ในโลกตงเทียนจริงเหรอ?
เฉิงฮ่าวอยากจะช่วยอาจารย์ของเขา แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่
การที่เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในโลกธุรกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะอาศัยสติปัญญาอันยอดเยี่ยมและการดำเนินแผนอย่างระมัดระวัง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเจอกับปัญหาใหญ่
แต่สิ่งที่โจวอี้บอกเขาทำให้เขารู้สึกได้ถึงลางร้าย
“โจวอี้ จากสิ่งที่คุณพูด ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะติดต่อเพื่อนของอาจารย์ผมอีกครั้ง และถามเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ให้ละเอียดมากว่าเดิม” เฉิงฮ่าวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“อืม ถามอย่าง…”
สีหน้าของโจวอี้เปลี่ยนไปก่อนที่เขาจะพูดจบ และทันใดนั้นเขาก็ถีบประตูรถจนมันหลุดกระเด็นก่อนจะจับไหล่ของเฉิงฮ่าวด้วยมืออีกข้างแล้วรีบกระโดดออกจากรถ!
ตูม!
หินก้อนใหญ่หล่นลงมาจากหน้าผาด้านหน้าฝั่งซ้ายมือ ทำให้รถออฟโร้ดที่พวกเขานั่งอยู่แบนติดถนนในพริบตา คนขับถูกทับตายทันที เวลานั้นมีรถออฟโร้ดสองคันที่ขับตามหลังมา ส่งผลให้คันท้ายสุดขับชนคันหน้าเพราะเบรกไม่ทัน
เมื่อลงจากรถ โจวอี้ก็คว้าตัวเฉิงฮ่าวและรีบวิ่งไปที่ไหล่ถนนให้ห่างจากจุดเกิดเหตุไปราวสิบเมตร จากนั้นก็ค่อย ๆ ตั้งสติ
“ศัตรูโจมตี!” โจวอี้มองไปในระยะไกล
เฉิงฮ่าวหอบหายใจก่อนจะหันกลับไปมองซากรถออฟโร้ด เขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง และใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที
เกือบไปแล้ว!
ถ้าโจวอี้ไม่สังเกตเห็นล่วงหน้าและช่วยเขาไว้ เกรงว่าเขาคงจะถูกทับตายไปแล้วใช่ไหม?
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติจากสายตาของโจวอี้ เขามองตามไปยังทิศทางที่โจวอี้มอง จึงได้เห็นคนสามคนในชุดดำ พวกมันใส่หน้ากากหัวกะโหลกและถือมีดยาวอยู่ในมือขวา และที่แย่ที่สุดคือพวกนั้นกำลังวิ่งเข้ามาทางพวกเขา!
“พวกมันเป็นใคร กล้าเกินไปไหม! แม้ว่าที่นี่จะเป็นเวลากลางคืนและไม่ได้อยู่ในตัวเมือง แต่ก็เป็นเส้นทางที่ผู้คนสัญจรผ่านไปมาตลอด พวกมันกล้าดียังไงมาก่ออาชญากรรมบนท้องถนนแบบนี้?”
‘พวกมันจับตามองเราตั้งแต่ในตลาดมืดแล้วรึเปล่า?’
เฉิงฮ่าวคิดกับตัวเอง สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมา
โจวอี้พูดด้วยเสียงทุ้มว่า “เรียกรวมคนของคุณ แต่อย่าเข้าร่วมการต่อสู้ในระยะประชิด ให้ใช้แค่ปืนยิงจากระยะไกลเท่านั้น!”
“ได้!” เฉิงฮ่าวรู้ว่าพวกเขาไม่อาจปะทะตรง ๆ ในระยะประชิดได้
โจวอี้รีบวิ่งไปที่รถออฟโร้ดที่พังยับเยิน เขาฉีกเปิดท้ายรถและหยิบไม้เท้าหัวมังกรออกมา ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับชายลึกลับสามคนในชุดดำ
ไม่มีคำถาม ไม่มีการสนทนา
ชายชุดดำที่เร็วที่สุดพุ่งเข้าประชิดตัวโจวอี้ได้ก่อนพร้อมกับแทงมีดเข้ามา ซึ่งเวลาเดียวกันไม้เท้าหัวมังกรก็ฟาดออกไปต้านรับจนชายชุดดำกระเด็นถอยหลังไป
จากนั้นอึดใจต่อมา ชายชุดดำอีกสองคนที่พุ่งมาตามหลังก็ถูกไม้เท้าฟาดกระเด็นออกไป
โจวอี้ยังคงปลอดภัยดี
“ไม้เท้าหัวมังกร?” ชายลึกลับในชุดดำที่ถูกฟาดกระเด็นออกไปเป็นคนแรกเห็นว่าเพื่อนของเขาถูกโจมตีจนสิ้นท่า จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าโจวอี้กำลังถือไม้เท้าหัวมังกร เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา อาวุธที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้โบราณได้ปรากฏอยู่ในมือของชายหนุ่มผู้นี้!
“รอบรู้ดีนี่ แต่ในเมื่อรู้จักไม้เท้าหัวมังกรแบบนี้ ผมคงไม่อาจละเว้นชีวิตของคุณได้!” ในมือซ้ายของโจวอี้ปรากฏเข็มเงินสามเล่มขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เข็มเงินสามเล่มพุ่งออกไปถึงสามทิศทาง และเป้าหมายคือกลางหว่างคิ้วของบุคคลลึกลับทั้งสาม
ในเวลาเดียวกัน โจวอี้ก็รีบพุ่งเข้าหาชายลึกลับอีกคน เมื่ออีกฝ่ายยกมีดขึ้นเพื่อป้องกันเข็มเงิน โจวอี้ก็รีบฟาดไม้เท้าหัวมังกรเข้าใส่กลางลำตัวของอีกฝ่าย
“พรูด…”
แม้จะป้องกันเข็มเงินได้ แต่ชายชุดดำก็ถูกไม้เท้าหัวมังกรปะทะเข้าที่กลางอกเต็ม ๆ ความรุนแรงของการปะทะทำให้หัวใจภายใต้แผ่นอกนั้นแหลกเละทันที
“มันอยู่ระดับกึ่งปรมาจารย์! บ้าจริง ทำไมกึ่งปรมาจารย์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้! หนีเร็ว!” ชายชุดดำลึกลับอีกคนพบว่าแผนการผิดพลาด หลังจากปัดป้องเข็มเงินของโจวอี้ได้ เขาก็สาปแช่งและหันหลังวิ่งหนีไปทันที
“หนีงั้นเหรอ” เสียงของโจวอี้ฟังดูเย็นชา
ใช้เวลาเพียงสองลมหายใจ ร่างที่เหมือนสายฟ้าของเขาก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่าย และซัดเข็มเงินอีกเล่มพุ่งเข้าใส่กลางหลังของชายชุดดำ
ชายลึกลับในชุดดำร่างกายแข็งค้างไปทันที จากนั้นโจวอี้จึงทุบกะโหลกศีรษะของอีกฝ่ายด้วยไม้เท้าหัวมังกร ส่งผลให้ทั้งร่างนั้นลอยกระเด็นไปอยู่ขอบถนน
ปัง! ปัง! ปัง!…
ปืนพกมากกว่าหนึ่งโหลถูกเล็งไปที่ชายลึกลับอีกคนในชุดดำที่พยายามจะหลบหนี ลูกน้องของเฉิงฮ่าวไม่ลังเลที่จะเหนี่ยวไกและยิงไปที่ชายลึกลับในชุดดำทันที
กระสุนแต่ละนัดไม่ได้ทำร้ายชายลึกลับในชุดดำ แต่ห่ากระสุนเหล่านั้นได้ชะลอความเร็วในการหลบหนีของชายชุดดำอย่างมาก
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
ชายลึกลับในชุดดำซึ่งถูกขัดขวางไม่ให้หลบหนีถึงกับสบถออกมา หลังจากนั้นก็ดึงมีดหลายเล่มออกมาขว้างใส่เฉิงฮ่าวและคนอื่น ๆ ก่อนจะพุ่งเข้าหาทุกคนอย่างบ้าคลั่ง