บทที่ 214 หลิวป๋าจิ๋น

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 214 หลิวป๋าจิ๋น

บทที่ 214 หลิวป๋าจิ๋น

ฉู่เหินบาดเจ็บสาหัสมาก แต่เขายังโชคดีที่เส้นเอ็นของเขาแข็งแกร่งทนทานขึ้นมากจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แบบนี้เขาเรียกกันว่าความโชคดีในความโชคร้าย

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้างูยักษ์นั้นก็ได้ตายลงไปแล้ว

ในตอนที่ฉู่เหินกำลังจะจากไปนั้น เขาสัมผัสได้ว่าในสระน้ำของงูยักษ์มีพลังงานจางๆ กระจายออกมาคล้ายคลื่นพลังของค่ายกล ทว่าตอนนี้มันชำรุดเสียหายหมดแล้ว

เมื่อคิดดูดีๆ ฉู่เหินก็ตัดสินใจ เขารู้สึกว่าบ้านของงูเหลือมยักษ์ตัวนี้จะต้องมีสมบัติล้ำค่าแน่ๆ ถ้าเขาไม่ฉกชิงเอาตอนนี้ สักวันก็ต้องมีคนมาขโมยมันไปอยู่ดี ฉู่เหินคิดพร้อมกับให้ฉู่เฟิงพยุงตัวเองเข้าไปขโมยของในถ้ำ

โชคดีที่แรงระเบิดมันรุนแรงมากพอที่จะทำให้ค่ายกลพังเสียหาย ไม่งั้นค่ายกลจะมีการป้องกันตัวเองเหลืออยู่ทำให้ไม่มีใครเข้าไปได้แต่ตอนนี้ เขาเดินเข้าไปอย่างสบายๆ

แรงระเบิดทำให้ถ้ำถล่มลงมา ฉู่เหินเลยเข้ามาได้แค่พื้นที่ด้านนอกเท่านั้นในนี้มันเป็นห้องมืดๆ กว้างกว่า 30 เมตร แต่ภายในดูโอ่อ่าจากของตกแต่งภายในอันล้ำค่าต่างๆ มากมาย

เขาสงสัยที่ทำไมห้องเล็กๆ นี้รอดจากแรงระเบิดมาได้ ถึงตอนนี้ฉู่เหินจะขยับตัวได้สะดวกแต่เขาก็พยายามกวาดตามองไปรอบๆ เขาเจอกล่องเล็กๆ 2 กล่อง อีกทั้งข้างๆ ยังมีโต๊ะ 8 เหลี่ยมตัวยาวตั้งอยู่ด้วย

เขาไม่รู้โต๊ะ 8 เหลี่ยมทำมาจากอะไรแต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันถูกตั้งเอาไว้มาหลายร้อยปีแล้ว โต๊ะตัวนี้ด้านบนมันมีเส้นทึบที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรขีดอยู่

บนโต๊ะนั้นมีของอยู่สองอย่าง มันคือร่มทองคำรูปร่างประหลาดที่ยาว 140-150 เซนติเมตร ที่ว่ามันประหลาดเพราะว่ามันเป็นสี่เหลี่ยม และก็เพราะว่าร่มมันไม่ได้มีลักษณะแบบโค้ง แต่กลับเป็นลักษณะแบนราบ เนื่องจากห้องมืดเกินไป ทำให้ฉู่เหินมองไม่ค่อยเห็นลวดลายมันมากนัก

ฉู่เหินให้ฉู่เฟิงเก็บมันไว้

นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมสีดำ ฉู่เหินมองผ่านๆ แล้วก็เอามันเก็บไว้ในแหวนมิติ แน่นอน กล่องทั้งสองมันเต็มไปด้วยของมากมายหลังจากเก็บกวาดจนหมดแล้ว เขาก็ให้ฉู่เฟิงช่วยพาเขาออกไปจากที่นี่

จากนั้นไม่นานฉู่เหินและพวกก็ออกมาจากข้างใน เมื่อพวกเขาออกมาพวกเขาตรวจสอบพื้นที่รอบๆ ที่โดนระเบิดนิดหน่อยก่อนที่จะจากไป

………

หลิวป๋าจิ๋น เขาเป็นช่างตีเหล็กที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่บ้านซื๋อลี่ปา เขาอายุราวๆ 30 ปี เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่บ้าน หลายปีก่อนพวกชาวบ้านรู้ว่าหลังภูเขามีเหมืองแร่สีโกเมนอยู่ หลังจากนั้นชาวบ้านก็ทำการขุดเจาะเหมืองแร่ และก่อกำแพงใหญ่ในภูเขาลูกใหญ่นี้

ครั้งหนึ่งหลิวป๋าจิ๋นได้พบแร่พิเศษบางอย่างที่ถูกทิ้งเอาไว้ เขากะจะนำกลับไปที่บ้านเพื่อมาสร้างเป็นมีด แต่หลังผ่านการหลอมไปกว่า 10 วันเหล็กก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะละลายเลยแม้แต่น้อย

สุดท้ายแล้วหลิวป๋าจิ๋นก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะเอาแร่พวกนี้ไปไว้ที่ภูเขาไฟ เขาต้องใช้เวลาเพิ่มอีกครึ่งเดือนกว่าแร่พวกนั้นจะเริ่มหลอมละลาย เมื่อนำมาทำมีดความคมของมันสามารถตัดเหล็กได้อย่างสบายๆ

ตั้งแต่นั้นหลิวป๋าจิ๋นก็เริ่มตามล่าหาวัตถุมาตีบวก*มีดของเขา (การตีบวกคือการเสริมพลังอาวุธหรือชุดเกาะรวมไปถึงเครื่องประดับ) เนื่องจากเขาชอบสร้างอาวุธจากวัตถุโบราณทำให้เขาสร้างอาวุธออกมามากมายหลายชิ้น และแต่ละชิ้นงดงามราวกับเป็นอาวุธเทพ

สิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจที่สุดคือการสร้างลูกธนูนับร้อยดอก มันเรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของเขาแล้ว แต่ยังไงก็ตามแร่พวกนี้มันเริ่มที่จะมีน้อยลงเรื่อยๆ วันหนึ่งเขาต้องเสียวัว 9 ตัวและเสืออีก 2 ตัว แต่เขากลับหาแร่ได้แค่

1-2 ก้อนแล้วยิ่งนำมาหลอมมันก็ยิ่งเหลือน้อยมากกว่าเดิมอีก

เมื่อคิดถึงความคุ้มค่าเขาก็ได้แต่ต้องถอดใจกลับบ้านอย่างช่วยไม่ได้ เวลาผ่านไปหลายปีเขาอยากที่จะหาวัตถุสร้างลูกศรและคันธนู น่าเสียดายที่ตอนนี้แร่ในเหมืองขาดแคลนเป็นอย่างมาก

เขาเดินกลับบ้านพร้อมวัสดุในมือเพื่อทำอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็เห็นเด็กหนุ่ม 2 คนนั่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขา หนึ่งในนั้นมีใบหน้าที่ขาวซีดแถมยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขารีบเข้าไปช่วยด้วยความสงสารในทันที

เด็กหนุ่ม 2 คนนี้คือ ฉู่เหินกับฉู่เฟิงนั้นเอง! หลังจากที่หนีมาตลอดทาง

แม้ว่าฉู่เฟิงนั้นจะช่วยประคองฉู่เหินเอาไว้ แต่อาการบาดเจ็บทำให้ฉู่เหินรู้สึกเหมือนร่างกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากวิ่งมาหลายร้อยไมล์พวกเขาก็มาพบกับหมู่บ้านหนึ่ง

ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในหุบเขา แม้ว่าชาวบ้านจะไม่เยอะมาก แต่ว่าพวกเขาก็ยังอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย บ้านแต่ละหลังห่างกันกว่าร้อยเมตรหลังจากที่ผ่านมานานฉู่เหินรู้สึกเหนื่อยและหิวมาก

“พวกเธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”

ฉู่เหินที่เอาไหล่พึงอยู่กับผนัง หลับตาลงแล้วเริ่มโคจรพลังรักษาตัวเองอีกครั้ง ฉู่เฟิง เองก็คอยคุ้มครองเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงพูดดังขึ้น พวกเขาก็หันไปทันที

“ขอโทษทีนะลุง พวกเราสองพี่น้องเป็นนักเดินทาง 2-3 วันก่อนพวกเราตกจากภูเขา ตอนนี้ผมขยับตัวไม่ได้เลย เลยขอนั่งพักตรงนี้สักหน่อย อ้อผมอยากจะถามอะไรสักหน่อย” ฉู่เหินพูดอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ฟัง

หลิวป๋าจิ๋นลอบมองไปที่ฉู่เหิน ภูเขาลูกนี้มีคนไม่มากนักที่จะผ่านทางมา แม้แต่นักท่องเที่ยวเองก็ยังไม่เข้ามาที่นี่ มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัยแต่มองไปทั้ง 2 คนก็ดูไม่ใช่คนไม่ดีอะไร เขาก็เลยไม่ได้สงสัยอะไรมาก

“งั้นก็เข้ามาก่อนเถอะ มาพักข้างในก่อน บนเขานี้มันหนาวมากนะ ระวังจะเป็นหวัดเอา แถมที่นี่ก็ยังไม่มีหมอด้วย!” ในขณะที่พูดคุยกันหลิวป๋าจิ๋นเปิดประตูอย่างรวดเร็วแล้วนำ 2 หนุ่มเข้าไปข้างในทันที

ครอบครัวของหลิวป๋าจิ๋นอาศัยอยู่ในบ้านไม้ ซึ่งมีหน้าตาที่เรียบง่ายมากๆ ทั้งหมด 3 หลัง ไม่มีอะไรที่พิเศษเกินกว่าปกติเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่ให้แขกทั้ง 2 เข้าไปในบ้านหลิวป๋าจิ๋นก็กลับไปทำงานไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับโจ๊กเนื้อกระต่ายหม้อหนึ่ง

การเดินทางในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ทำให้ฉู่เหินหิวมาก ประกอบกับตอนนี้ฉู่เฟิงเองก็สามารถรับรู้เรื่องต่างๆ ได้เหมือนมนุษย์ทำให้ท้องของเขาร้องออกมาเช่นกัน

ฉู่เฟิงอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนหน้าแดง แต่เจ้าบ้านนั้นไม่ได้ใส่ใจแล้วก็ยกยิ้มให้กับเขา

“ไม่ต้องเกรงใจมากหรอกน่า ตอนนี้กินกันให้เต็มที่เลย”

แขกทั้ง 2 คนไม่ลังเล ไม่นานโจ๊กกระต่ายก็หมดลง พอเห็นพวกเขากินหลิวป๋าจิ๋นก็คิดในใจว่าทั้งสองคงไม่ได้กินอะไรมา 2-3 วันแล้วมั่งเนี่ย