ฮั่วเทียนหลันมั่นใจ เพียงแค่แม่ของเขาตรวจสอบข้อมูลของอันหรันสักนิด เธอจะรู้ถึงเรื่องสกปรกที่อันหรันเคยทำมาก่อนอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นหลี่รูยาก็ยกมือขึ้นมา ก่อนจะตบลงไปที่แขนของฮั่วเทียนหลันอย่างแรง เธอพูดขึ้นด้วยความโกรธ : “เดรัจฉาน แกไม่ใช่ลูกชายของฉัน! จนประทั่งตอนนี้ แกยังทำลายหน้าตาของภรรยาได้ลง ตระกูลฮัวของฉันทำไมถึงได้มีคนแบบแกหลงเข้ามาแบบนี้!”
พูดจบ เธอก็หยิบชามผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เตรียมฟาดลงใส่ฮั่วเทียนหลัน
เมื่อเห็นว่าคุณแม่กำลังจะลงมือ อันหรันก็ไม่สามารถทำเป็นมองผ่านไปได้
ถึงอย่างไรเรื่องนี้เธอก็เป็นสาเหตุ ดังนั้นเธอต้องทำให้มันสงบลง
เธอรีบคว้าจานผลไม้ แล้วดึงรั้งหยี่รูยาเอาไว้ : “คุณแม่คะ อย่าโกรธเลยนะคะ ที่เทียนหลันเลือกเขาพิจารณาอย่างดีแล้ว”
อันหรันเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาด้วยใจที่เจ็บปวดอีกครั้ง
ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย
ถูกชายที่ตนเองรักกล่าวหาว่าร้ายอย่างไม่ใยดีเช่นนี้ หัวใจของเธอก็แตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดีอยู่แล้ว
หลี่รูยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอเอื้อมมือไปกุมมืออันหรันไว้แน่น ก่อนจะกล่าวขอโทษออกมา : “หรันหรัน ฉันต้องขอโทษเธอจริงๆนะ ฉันผิดเองที่เลี้ยงลูกมาอย่างผิดวิธีแบบนี้ ครอบครัวฮัวของเรารู้สึกผิดต่อเธอมาก!”
สายตาของอันหรันกวาดมองไปที่หน้าของฮั่วเทียนหลัน พบว่าเขากำลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่จะต้องการดูถูกเสียดสี อีกนิดนึงก็คงจะใส่คำว่า ‘เล่นละครตบตาต่อไป’ ไว้ที่ใบหน้าของเขาอีกด้วย
เธอยิ้มอย่างขมขื่นภายในใจ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา : “คุณแม่คะ อันที่จริงหนูคิดว่าที่เทียนหลันพูดก็ไม่ผิดนะคะ เขาชอบมู่เหว่ย เรื่องนี้มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ฉะนั้น การมีอยู่ของหนูในครอบครัวฮัว มันเหมือนกับการไปยึดครองที่อยู่ของคนอื่น ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรจะเดินออกมาแล้ว”
ทันทีที่อันหรันพูดจบ เธอก็ถูกหลี่รูยาตบลงไปที่หน้าทันที เขารู้สึกไม่พอใจที่คนที่เขารักพูดขึ้นมาแบบนี้ : “เจ้าเด็กโง่ เธอพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลฮัว นี่คือสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นังนักแสดงคนนั้นต่างหากที่ไม่คู่ควร! ”
คำพูดปลอบประโลมเช่นนี้ ไม่อาจยกคลื่นลูกใหญ่ออกจากหัวใจของอันหรันได้อีกต่อไป เธอยิ้มขึ้นเบาๆแล้วเอ่ยขึ้น : “คุณแม่คะ ผิดพลาดไปแล้วก็ปล่อยให้มันผิดพลาดไปเถอะนะ ระหว่างหนูกับฮั่วเทียนหลันนั้นคงจะไม่มีวาสนาต่อกัน และหนูก็ไม่อยากเห็นคนในครอบครัวทะเลาะกันแบบนี้ คุณแม่ได้โปรดเห็นด้วยกับสิ่งที่หนูร้องขอไป ปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเถอะนะ!”
อันหรันมองไปที่ฮั่วเทียนหลันอย่างไม่คิดหลบสายตา เธออยากจะจดจำภาพของเขาเอาไว้ ให้มันตราตรึงอยู่ในหัวใจ
คุณชายฮั่ว ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องแยกจากกันแล้ว
ถ้าหากเป็นฉันที่เป็นฝ่ายเลือกเดินจากไป คุณจะคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า
หลี่รูยากดอันหรันลงอย่างแรง เธอมองข้ามฮั่วเทียนหลันที่อยู่อีกด้าน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า : “ฉันไม่เห็นด้วยกับทุกอย่างที่เธอพูดออกมา และเรื่องนี้ยังต้องคุยกันต่ออีกรอบ”
หลี่รูยาเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน แค่มองดูแววตาที่อันหลันใช้มองฮั่วเทียนหลัน เธอก็รู้ทันทีว่า อันหรันนั้นรักฮั่วเทียนหลันอย่างสุดซึ้ง
ในเมื่อรักมากขนาดนี้ แล้วทำไมต้องจากไปด้วยล่ะ
เธอจะไม่ปล่อยมือไปเด็ดขาด เธอต้องการเห็นอันหรันและฮั่วเทียนหลันลงเอยกัน พร้อมทั้งใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขในที่สุด
อันหรันไม่ได้ส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้พยักหน้า เธอเพียงแค่นั่งเงียบๆอยู่บนโซฟาก็เท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแสดงท่าทีไม่ให้ความร่วมมือ หลี่รูยาเอ่ยพูดจนปากเปียกปากแฉะ แต่สุดท้ายอันหรันก็ยังไม่มีท่าทีใดๆแสดงออกมา
หลี่รูยารู้สึกหมดหนทาง และเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้งจนร่างกายสั่นเทา จากนั้นจึงพูดด่าทอต่อว่าฮั่วเทียนหลันไปอีกยกใหญ่
ในระหว่างนั้น โทรศัพท์มือถือของฮั่วเทียนก็มีสายเข้ามา เขาจึงสบโอกาสยกเอาเรื่องที่บริษัทมีปัญหา มาเป็นข้ออ้างในการหนีออกไป
เดิมทีอันหรันก็ต้องการกลับแล้วเหมือนกัน แต่ถูกหลี่รูยารั้งไว้ บอกให้เธอนอนพักผ่อนที่นี้ในคืนนี้ เดี๋ยวตอนดึกฮั่วเทียนหลันก็จะกลับมา
อันหรันรู้ดี หลี่รูยากลัวว่าถ้าเธอกลับไปแล้ว อาจจะถูกฮั่วเทียนหลันใช้เป็นเครื่องมือเพื่อระบายความโกรธ เขาเป็นห่วงเธอถึงได้ให้เธอพักอยู่ที่นี่
เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบนแล้วขังตัวเองไว้ในนั้น
แม้กระทั่งถึงเวลาทานอาหารค่ำก็ยังไม่ยอมลงมา หลี่รูยาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าขึ้นมา จากครอบครัวที่อยู่กันด้วยดีมาตลอด ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้เพียงพริบตา
อันหรันนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนอยู่อย่างนั้น เธอคิดถึงเรื่องต่างๆมากมายที่เกิดขึ้น การได้มารู้จักกับมู่เหว่ย เรื่องปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น รวมถึงหลังจากที่ได้มาพบกับฮั่วเทียนหลัน…
พระเจ้าสร้างความประหลาดใจให้กับเธอ ทำให้เธอได้มาพบกับผู้ชายที่หมือนดั่งพระเจ้าคนนี้
แต่ความประหลาดใจนี้ กลับไม่ได้ไปต่อด้วยกันจนถึงที่สุด
คนที่เธอรักคนนี้ ไม่เคยรักเธอเลยแม้แต่น้อย
ความรักที่ไม่มีผลลัพธ์เช่นนี้ เธอไม่สามารถหาเหตุผลที่จะต้องพยายามต่อไปได้อีกแล้ว
เธอไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้เพียงว่าภายในห้องตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท และยังมีคนมาเรียกให้เธอลงไปทานข้าวเย็น
ในตอนนี้เธอทำตัวราวกับเป็นนกกระจอกเทศ ที่เหมือนกับว่าฝังหัวเข้าไว้ในตัวแล้ว เธอจะสามารถลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกได้
ชั่วขณะนั้นดูเหมือนว่ามีเสียงเปิดประตูเข้ามา จากนั้นไฟในห้องนอนก็สว่างขึ้น
อันหรันยกคอที่แข็งทื่อขึ้นมา มองดูคนที่ตรงหน้าที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณชายฮั่ว … ”
ฮั่วเทียนหลันเต็มไปด้วยโทสะ ท่าทีที่ดูเย็นชาของเขานั้น ทำให้ร่างกายของอันหรันสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้
“อย่ามาเรียกชื่อของฉัน เธอมันน่ารังเกียจ!”
ฮั่วเทียนหลันกระแทกประตูเสียงดัง จากนั้นเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดอันหรันลงกับเตียง
อันหรันไม่ได้ขัดขืนใดๆ ฮั่วเทียนหลันกดเธอลงอย่างหนัก ท่าทางของทั้งสองคนตอนนี้ดูคลุมเครือเล็กน้อย
“เสี่ยวเหว่ยเสียโฉมแล้ว คราวนี้พอใจเธอหรือยัง” เสียงของฮั่วเทียนหลันเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และอันหรันที่เริ่มจะรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา
อันหรันส่ายหน้าอย่างเฉยชา มู่เหว่ยเสียโฉม นั่นก็เพราะเธอทำตัวเองทั้งนั้น
อันหรันในตอนนี้ต้องรักษาความปลอดภัยของตัวเอง เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปเป็นห่วงคนอื่นแล้ว
ท่าทีที่ไม่สนใจตัวเองของเธอนั้น ทำให้ในใจของฮั่วเทียนหลันยิ่งเพิ่มความโกรธมากขึ้น เขาจับลงไปที่ไหล่ของอันหรัน ก่อนจะออกแรงบีบขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้อันหรันรู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนต้องขมวดคิ้ว
“คุณชายฮั่วคะ เบาหน่อยได้ไหม เจ็บ … ”
คำพูดที่ดูคลุมเครือเหล่านี้ กลับถูกแลกเปลี่ยนด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างปิดไม่มิดที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าของฮั่วเทียนหลัน
“เจ็บเหรอ ตอนเอากับคนอื่นก็เจ็บแบบนี้เหรอ หรือว่าคนอื่นมันอ่อนโยนกว่าฉัน อันหรัน เธอมันผู้หญิงเริงเมือง เธอใช้กลวิธีแบบไหนกันแน่ ถึงหลอกให้คุณแม่เชื่อเธออย่างสุดใจขนาดนี้ ต้องให้ตระกูลฮัวล้มละลายตายจากไปเลยไหม ถึงจะสาแก่ใจเธอ”
คำพูดทุกคำของฮั่วเทียนหลันทิ่มแทงเข้ามาในใจ จนอันหรันด้านชาไปหมด
ตระกูลฮัวล้มละลายตายจากยังงั้นเหรอ เธอจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อเธอคิดมาเสมอว่าตัวเองก็เป็นคนของตระกูลฮัวเหมือนกัน
“ฉันเปล่านะคะ ฉันไม่ได้มีความคิดแบบนี้เลยสักนิด คุณชายฮั่วคะ ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของมู่เหว่ยเลยนะ ฉันรักครอบครัวฮัวมาก คุณแม่ดีกับฉันมากๆ เส้าซู่ก็เป็นคนดีเหมือน… ”
อันหรันยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฮั่วเทียนหลันพูดขัดขึ้นมา
“ห้ามเรียกคุณแม่ เพราะเธอกำลังจะทำให้คำเรียกนี้ต้องมลทิน!”
อันหรันสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบอืมกลับไป
“ฉันได้ยินมาว่าเธอต้องการหย่า”
“อืม”
“งั้นพรุ่งนี้เธอก็พูดกับคุณแม่อีกที แล้วก็ไปดำเนินเรื่องที่สำนักงานการปกครองฝ่ายพลเรือนซะ เพื่อเป็นการลดเวลาในการคิดหาวิธีใส่ร้ายเสี่ยวเหว่ยของเธออยู่แบบนี้”
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันกล่าวจบ อันหรันก็โต้กลับในทันที : “คุณชายฮั่ว ฉันไม่เคยทำอะไรที่เลวร้ายกับมู่เหว่ยเลยสักครั้ง เมื่อวานนี้เธอมาหาฉันที่บ้าน และบังคับให้ฉันหลีกทางให้เธอ!”
“เหอะเหอะ … ” ฮั่วเทียนหลันแกล้งทำเป็นหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นเสียงแข็ง : “ดังนั้นเธอจึงอาศัยจังหวะที่เขากำลังจะก้าวออกไปผลักให้เขาล้มลงไปอย่างนั้นเหรอ เรื่องที่เขาโดนแบน ก็เป็นฝีมือเธอเหมือนกันใช่ไหม อันหรัน เธอมันจอมวางแผนชะมัด ฉันประเมินเธอต่ำเกินไปจริงๆ! ”