บทที่169ลึกซึ้ง
อยากที่จะรัก แต่ก็กลัวที่จะเสียใจ กลัวที่จะสูญเสีย เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไง กินก่อนค่อยว่ากัน เอาตัวมาอยู่ข้างๆ ก่อนค่อยว่ากัน ถ้าทำได้ ต่อไปค่อยมาศึกษาปัญหาของเขาและเธอทีหลังก็ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาต้องได้เธอมาก่อนจะยอมให้เธอจากไปไม่ได้! ถ้าเธอจากไปจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะตายไปพร้อมกับเธอเลย!
นี่คือสัญชาตญาณของหมาป่า!
เมื่อหนีซีโย่วมองดูลูกชายที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
เธอไม่ดีเอง ที่ไม่ได้สั่งสอนเขาให้ดี
เนื่องจากตอนนั้นมันไม่มีทางเลือก จึงต้องยอมยกเขาให้กับพี่น้องของตัวเองไป เธอคิดว่าเขาน่าจะสามารถอยู่ที่นั่นได้อย่างสมบูรณ์ปลอดภัยได้ อย่างน้อยเขาก็น่าจะสามารถมีชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความสุขได้
แต่ไม่นึกเลย……
การแก่งแย่งชิงดีระหว่างลูกชายของหลิงหยวนจะดุเดือดขนาดนี้!
“เสี่ยวเล่ แกบอกฉันมาก่อนว่าแกเจอกับคุณหนูมู่ครั้งแรกตอนไหน?”
เธอหันหลังไปแล้วแอบเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะขอให้เขาอภัยให้ตัวเอง การกระทำที่ผ่านมามันทำร้ายเขาจนกล่าวคำขอโทษอีกสักเท่าไหร่ก็คงไม่เพียงพอแล้ว!
ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำก็คือการช่วยให้ลูกชายของเธอสามารถรักษาความสุขของตัวเองไว้ได้!
และแล้วสายตาของหลิงเล่ก็ได้ย้ายออกจากหนีหย่าจูนสักที แล้วหันมาจ้องหน้าผู้เป็นแม่ และเขาก็ได้สังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเธอ หัวใจของเขาก็อ้างว้างในทันที!
เขาหลบตา และทำตัวไม่ถูก
การกระทำของเขาในวันนี้มันคงทำให้แม่ต้องเสียใจมากสินะ!
เขารู้ตัวดี ว่าที่ผ่านเขาเองก็ไม่ใช่เด็กที่ทำตัวน่ารักสักเท่าไหร่!
“ก็ ตอนที่เทียนซิงอายุเก้าขวบครับ”
คำพูดที่เรียบๆ ของหลิงเล่ กลับทำให้ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบทันที!
จั๋วหรันที่เพิ่งลงมาจากชั้นบน พอได้ยินคำตอบนี้เข้า มันก็ทำให้เขาตกใจเหมือนกัน!
พวกเขาติดตามซือซ่าวมาโดยตลอด แล้วซือซ่าวไปเจอคุณหนูมู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เดี๋ยวนะ!
จั๋วหรันหยุดชะงัก!
ตอนนี้คุณหนูมู่อายุสิบแปด ตอนที่เธออายุเก้าขวบก็คือเมื่อเก้าปีก่อน ส่วนซือซ่าวตอนนี้ก็อายุยี่สิบหกปี และเมื่อเก้าปีที่แล้ว……
จั๋วหรันทดไม่ไหวจนต้องอุทานออกมา “มันก็คือปีที่ซือซ่าวประสบอุบัติเหตุพอดี!”
หนีซีโย่วกำหมัดแน่น เซลล์ทุกส่วนในร่างเจ็บปวดจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว “เสี่ยวเล่ แม่ขอโทษ”
หลิงเล่พูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ตอนที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น มันเป็นตอนที่คนขับไปส่งผมกับหรันที่โรงเรียนพอดีตอนนั้นหรันถูกเหวี่ยงออกไปนอกรถก่อน จนกระเด็นออกไปอยู่ในพุ่มหญ้าที่ไม่ไกลนัก แต่หลังจากที่เขากระเด็นออกไปแล้ว รถก็พลิกคว่ำทันที ขาทั้งสองข้างของผมก็ถูกรถทับไปทั้งอย่างนั้น ขยับตัวไปไหนก็ไม่ได้!
ทุกคน “……”
หลิงเล่พูดต่อ “ตอนนั้นผมก็ได้กลิ่นของน้ำมันที่รั่วออกมา คนขับที่อยู่ข้างหน้าได้ตายไปแล้ว ผมเห็นกะโหลกที่แหลกละเอียดของเขาติดอยู่ตรงกระจกหน้ารถ! ตอนนั้นผมคิด อีกไม่นานผมก็คงต้องตายแล้ว……”
ทุกคน “……”
หลิงเล่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า “มันคือมือเล็กๆ ที่นุ่มนวลคู่หนึ่ง พยายามดึงตัวผมให้เอามาจากซากรถ หลายครั้งที่ผมเกือบหมดสติไป เธอก็คอยตะโกนอยู่ข้างหู คอยตบหน้าเพื่อเรียกสติผม ทำให้ผมยังสามารถคงสติเอาไว้ได้ ร่างกายของผมค่อยๆ ถูกเธอดึงห่างจากนรกตรงนั้นทีละนิด และไม่นาน รถคันนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นมา!”
เมื่อโม่หลินได้ยินอย่างนั้น น้ำตาของเธอก็ได้เอ่อล้นออกมา “คนที่ช่วยคนออกมาก็คือคุณหนูมู่อย่างนั้นเหรอคะ?”
“ใช่”
หลิงเล่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ต่อให้ผู้หญิงจะมีหน้าตาเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่ผมก็ไม่มีทางลืมใบหน้าของเธอไปได้ กระโปรงสีน้ำเงินของเธอเหมือนกับน้ำทะเลที่ผมเคยจมเมื่อสมัยเด็ก ผมกลัวน้ำ มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจนถึงทุกวันนี้ทำไมผมถึงยังไม่ยอมเรียนไหว้น้ำไงล่ะ ภายในความฝันผมนั้นได้ช่วยเหลือแม่จากการจมน้ำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ในความเป็นจริงผมกลับไม่กล้าแม้กระทั่งเผชิญหน้ากับสีแบบนี้ด้วยซ้ำ เพราะผมไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าแม่ของผมต้องตายไปเพราะการช่วยผมจากการจมน้ำ แต่ในวันนั้น เธอกลับใส่ชุดที่เป็นสีน้ำเงินทั้งตัวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของผม ในช่วงแห่งความเป็นความตายของผม ก็ได้เธอที่มาดึงผมออกให้หนีพ้นจากเนื้อมือของยมทูตได้! และในตอนที่รถคันนั้นระเบิด ผมก็ได้ยินเธอหัวเราะอยู่ข้างๆ ผมตกใจมาก ทำไมเธอถึงยังหัวเราะอยู่? แถมยังพูดด้วยว่า ดีจังเลย ที่สามารถช่วยเขาออกมาได้”
หนีซีโย่วในตอนนี้ไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้แล้ว
หนีหย่าจูนเดินมาพร้อมกับกระดาษทิชชู จากนั้นก็กอดคุณป้าเอาไว้ในอ้อมอก ตบหลังและปลอบโยนเธอ
สองพี่น้องจั๋วหรันก็พากันร้องไห้ จั๋วซีอายุน้อยกว่าพวกเขา จึงไม่ได้เรียนที่เดียวกัน แต่จั๋วซีก็ยังจำได้ ตอนนั้นคือช่วงที่ซือซ่าวจะสอบเข้ามหาลัยพอดี และซือซ่าวในตอนนั้นถือว่าเป็นคนที่มีผลการเรียนที่ดีที่สุดในบรรดาคุณชายทั้งหมดเลย
แต่อุบัติเหตุครั้งนั้นมันก็ทำลายโอกาสที่ซือซ่าวจะสอบเข้ามหาลัยไปเลย!
พวกเขารู้ดีว่า คุณชายใหญ่กับคุณชายรองน่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ว่ารถคันนั้นก็ได้ระเบิดไปแล้ว แถมเรื่องมันยังผ่านมาตั้งหลายปีจะไปหาหลักฐานจากที่ไหนได้อีก!
“เพราะสีน้ำเงินที่มากับเธอ ทำให้ผมมีความหวังที่จะอยู่ต่อไปได้ ดังนั้นคฤหาสน์จื่อเวยแห่งนี้ถึงได้ถูกออกแบบมาให้เป็นแบบนี้ไงครับ ครึ่งปีก่อน ตอนที่ผมลงไปในน้ำ ผมก็คิดว่าตัวเองจะต้องตายอีกแล้ว แต่เมื่อใบหน้าของเธอมาปรากฏอยู่ตรงหน้าผม ผมถึงกับอึ้งไปเลย! เพราะไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางลืมหน้าของเธอได้ ผมรู้ในทันทีเลยว่านั่นก็คือเธอ! ตั้งแต่นั้นมาพุ่งเป้าไปที่เธอ ให้จั๋วซีตามหาเธอไปทั่ว เธอคือดวงอาทิตย์ เธอคือชีวิต และยังเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาเคยหวั่นไหว เคยรัก เคยคิดที่จะรักษาเอาไว้”
แล้วจั๋วซีก็ได้เข้าใจ ว่าปราสาทที่เหมือนกับในเทพนิยายหลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเธอนี่เอง
ถึงว่าล่ะว่าทำไมซือซ่าวถึงได้กังวลนักว่าคุณหนูมู่จะชอบที่นี่รึเปล่า อยากจะตกแต่งใหม่ให้ถูกใจเธอ แต่สุดท้ายพอเธอมาเห็นที่ก็ถูกใจเป็นอย่างมาก ราวกับรักแรกพบ!
เรื่องประหลาดบางเรื่องที่เกิดขึ้นมันต่างก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!
เรื่องบังเอิญที่พระเจ้าได้กำหนดมาให้ ถ้ามันเป็นไปที่คุณต้องการ มันก็คือพรจากท่าน แต่ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง มันก็คือการกลั่นแกล้งดีๆ นี่เอง!
“แล้วในตอนท้ายผมก็ได้รู้ว่า หลิงหยวนบอกว่าอยากให้ผมกับเธอแต่งงานกัน สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่กล้าแม้แต่จะขอ ผมจึงรับปากไปในทันที ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้นพวกคุณก็คงรู้กันหมดแล้ว ผมคงไม่จำเป็นต้องพูดอีก”
หลิงเล่หลับตาลง แล้วเตรียมที่จะจากไป
แม้ว~ในตอนนั้นเอง เจินเจินที่เพิ่งไปวิ่งเล่นกลับมา พอหามู่เทียนซิงไม่เจอ มันก็เลยมาเขี่ยอยู่ที่ขาของหลิงเล่
หลิงเล่มองไปที่มัน โน้มตัวลง จากนั้นก็อุ้มมันขึ้นมา
จั๋วหรันยังจำได้ว่า ในวันที่ซือซ่าวมอบเจินเจินให้กับคุณหนูมู่ไป เขาเคยพูดเอาไว้ว่า “เพราะว่าสำคัญ จึงต้องรักษาไว้”
ดังนั้น ความรู้สึกที่ซือซ่าวมีต่อคุณหนูมู่นั้นมันลึกซึ้งมาตั้งแต่ต้อนแล้ว!
“ฮือฮือ~ ทำไมมันซึ้งอย่างนี้ ฮือฮือ~”
โม่หลิงเองก็เพิ่งอายุสิบแปดเหมือนกัน เป็นช่วงที่เริ่มรู้จักโหยหาโลกแห่งความรักแล้ว ถึงแม้ว่าการเรียนจะมาก่อนแต่เธอเองก็แอบคาดหวังไว้เหมือนกันว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีผู้ชายที่แสนอบอุ่นกำลังรอคอยเธออยู่
ส่วนจั่วซีที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด ในใจก็รู้สึกหนักอึ้ง เขาคิด ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้คุณหนูมู่อยู่ต่อให้ได้ อยู่กับซือซ่าวต่อไป!
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ กำลังทำท่าจะเข้าไปในลิฟต์แล้ว
แล้วหนีซีโย่วก็ได้เงยหน้าขึ้นจากอกของหนีหย่าจูน มองไปที่หลิงเล่ “เสี่ยวเล่! แกรู้วิธีที่ถูกต้องในการที่จะได้คุณหนูมู่มาครอบครองรึเปล่า?”
วีลแชร์หยุดลง!
เธอพูดออกมาด้วยความปวดใจว่า “ถ้าแกเอาทุกคำพูดเมื่อกี้ไปเล่าให้คุณหนูมู่ฟังละก็ ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องยินดีที่จะอยู่กับแกอย่างแน่นอน มันง่ายกว่า ปลอดภัยกว่าและเห็นผลกว่าการที่แกลงทุนลงแรงวางแผนไว้ด้วยซ้ำ!”