บทที่170ปลอบใจ

ชายหนุ่มที่อยู่บนวีลแชร์หันกลับมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน!

เขาจ้องไปยังผู้เป็นแม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยความสงสัย แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสงสัย

ส่วนหนีซีโย่วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดว่า “ความรักที่คุณหนูมู่ต้องการคือ ความรักที่บริสุทธิ์ ต้องซื่อสัตย์ ซื่อตรงจริงใจ!

แล้วสิ่งที่แกให้กับเธอล่ะคืออะไร? กลอุบาย ปิดบัง หลอกลวง!”

หนีซีโย่วค่อยๆ เดินมาข้างหน้า มองดูลูกชายแล้วชี้ไปที่ขาของเขา “ครั้งแรกที่พวกแกเจอกัน แกก็ไม่ได้บอกเธอ! เรื่องขาของแก แกก็ไม่ได้บอกเธอ! เพราะเกียรติในตัวแกมันสูงเกินไป แกเลยไม่กล้าเล่าให้เธอฟัง ต่อให้ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นแบบนี้ แกก็ยังเลือกที่จะไม่เล่าให้เธอฟังใช่ไหม?”

เมื่อคำพูดที่เสนาะหูถูกพูดออกมา ทำให้แววตาที่เจ็บปวดของหลิงเล่ไม่อาจปิดบังต่อไปได้อีกแล้ว!

คนที่สามารถเข้าใจเขามากที่สุดก็คือคนที่ให้กำเนิดเขานี่แหละ!

หนีซีโย่วเอามือปิดปาก แล้วเริ่มร้องไห้อีกครั้ง “เด็กโง่ของแม่ ความจริงคุณหนูมู่ที่แกหลงรักคนนี้ ถ้าแกต้องการเก็บเธอไว้ให้ได้ละก็ แกไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้มันวุ่นวายเลย! ความจริงเด็กสาวประเภทนี้คือประเภทที่จัดการง่ายที่สุดปลอบใจมากที่สุดแล้ว! ขอแค่แกหัดจริงใจและซื่อสัตย์สักนิด เธอก็จะทุ่มเททั้งกายใจให้กับแกแล้ว! ไม่รู้ว่าแกจะเข้าใจรึเปล่า? แกไม่ต้องวางแผนอะไรให้มันปวดหัว ไม่ต้องวางกลอุบายให้มากความ ต่อให้แผนที่วางไว้จะแยบยลขนาดไหน สุดท้ายมันก็ต้องถูกเปิดเผยออกมาอยู่ดี แกก็แค่ต้องพูดแต่ความจริงกับเธอ เรื่องวันนี้ก็จะไม่มีอะไรแล้ว!”

หนีหย่าจูนตอนนี้ก็รู้สึกสับสนเหมือนกัน

อยากจะต่อว่าหลิงเล่ แต่สถานการณ์ของพี่ชายคนนี้ก็พิเศษออกไป จะเอาไปเปรียบเทียบกับคนทั่วไปก็ไม่ได้

พอเห็นท่าทางที่บื้อๆ ของหลิงเล่ ในใจของเขาก็รู้สึกทั้งโกรธทั้งเจ็บปวดไปในเวลาเดียวกัน!

เขาจึงหันไปพูดกับหลิงเล่ว่า “ที่คนเขาบอกว่าคนที่น่าสงสารมักจะมีจุดที่ชวนให้คนเกลียดมันเป็นแบบนี้นี่เอง ในที่สุดผมก็เข้าใจของมันสักที! คำนี้นี่มันพูดถึงพี่ชัดๆ!”

จั๋วหรันรีบพูดแทรกขึ้นมาว่า “คุณชายหนีครับ ซือซ่าวเข้าเจ็บมามากพอแล้วนะครับ คุณอย่างตำหนิเลยอีกเลย ตอนนี้คุณหนูมู่ยังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างบนอยู่เลยนะครับ เหมือนเธอจะ……”

พอพูดมาได้ครึ่งหนึ่ง จั๋วหรันก็ได้หันไปมองหลิงเล่ แล้วก็ต้องหยุดพูดไป

ช่วงเวลานี้มันช่างบีบหัวใจเหลือเกิน!

โม่หลินกระทบเท้าแล้วรีบพุ่งมาข้างหน้าด้วยความร้อนใจ “พี่ใหญ่! คุณหนูมู่เธอเป็นอะไร?”

จั๋วหรันหูแดงและกำลังเลิกลัก “อะแฮ่ม เมื่อกี้ตอนที่ผมพาคุณหนูมู่ไปส่งที่ห้องกระโปรงของเธอมีรอยเลือดซึมออกมาดูเหมือนว่าแผลตรงนั้นของเธอจะหนักอยู่เหมือนกัน อาซือกำลังเอาน้ำลงอ่างอยู่ แล้วบอกว่าจะอาบน้ำให้คุณหนูมู่ก่อนค่อยดูแผลให้ ผมจึงได้ลงมาก่อน แต่ตอนที่ออกมาผมก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากในห้อง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเลยครับ”

มู่เทียนซิงเคยบอกไว้ว่า ประจำเดือนของเธอจะมาทุกๆ วันที่ยี่สิบแปดอย่างตรงเป๊ะ

ดังนั้น วันนี้ไม่น่าใช่วันที่ประจำเดือนของเธอจะมาก่อปัญหาได้ หรือก็คือ เลือดที่ไหลออกมาของเธอนั้นมันไม่ได้มาโดยธรรมชาติ แต่เป็นเลือดจากการได้รับบาดเจ็บต่างหาก!

ครั้งแรกที่เด็กสาวเสียบริสุทธิ์และเลือดออกเยอะขนาดนี้ เธอต้องเจ็บมากแน่ๆ!

หนีซีโย่วที่ทนดูไม่ได้แล้ว ทำหน้าเคร่งเครียด “เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปดูเอง! พวกคุณก็ช่วยกันขวางซือซ่าวของพวกคุณเอาไว้ให้ได้ จนกว่าฉันจะลงมาห้ามให้เขาขึ้นไปข้างบนเด็ดขาด!”

“ผมก็จะไปด้วย!” หลิงเล่ทำตาละห้อย เขาไม่ได้อับอาย แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความใสซื่อ “ผมรู้ดีว่าเมื่อกี้ผมควบคุมตัวเองได้ไม่ดี ใช้แรงมากไป ไม่คิดเลยว่าจะทำให้เธอต้องเจ็บแบบนี้!”

“แกเงียบไปเลย! ถ้ารู้ว่าตัวเองผิดก็รออยู่ข้างล่างซะ!” หนีซีโย่วเองก็เริ่มโมโหแล้วเหมือนกัน “ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้สอนแกดีๆ มันเป็นความผิดฉันเอง เพราะฉะนั้นต่อไปฉันพูดอะไรแกก็ต้องฟัง!”

หลิงเล่มองดูเธอด้วยสายตาที่ละห้อย จากนั้นก็ทำตัวหงอยๆ เหมือนกับลูกแมว “ครับ”

ความรู้สึกที่มีแม่คอยปกป้องดูแลนี่มันช่างวิเศษจริงๆ!

ที่ชั้นบน___

เพราะกลัวว่าหนีซีโย่วจะไปไม่ถูก จั๋วหรันจึงพาเธอขึ้นไปด้วยตัวเอง

พวกเขาเดินตรงไปทางห้องของมู่เทียนซิง พอมาถึงที่หน้าประตู พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่แสนทรมานของมู่เทียนซิงดังมาจากข้างใน

จั๋วหรันเคาะประตูแล้วพูดว่า “อาซือ คุณหญิงเยว่หยาขึ้นมาแล้ว”

อาซือมาถึงที่ประตูอย่างรวดเร็ว “คุณหญิงคะ”

สิ่งแรกที่หนีซีโย่วทำก็คือมองหามู่เทียนซิง ตอนที่เธอเดินเข้าห้องไป ก็ได้ยินเสียงของจั๋วหรันพูดตามหลังมาว่า “คุณหญิง ผมจะรออยู่ตรงนี้นะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลยนะครับ”

เมื่อประตูถูกปิดลง ฉวีซือเหวินก็รีบรายงานสถานการณ์ให้ หนีซีโย่วฟัง “คุณหญิงคะ ตอนนี้น้ำที่ใช้อาบได้เตรียมเสร็จแล้ว ฉันได้ผสมอี้หมู่เฉ่ากับพวกยาฆ่าเชื้อเข้าไปด้วยและยังโรยกลีบกุหลาบเสร็จแล้วด้วย แต่คุณหนูมู่ก็ยังไม่ยอมลงไปอาบ ตอนนี้คุณหนูมู่ร้องไห้จนเสียงแหบแล้ว ฉันลงสมุนไพรมาให้เธอก็ไม่ยอมดื่ม เธอเสียใจมาก เลยเอาแต่ร้องไห้ค่ะ”

มู่เทียนซิงรู้ว่า หนีซีโย่วเข้ามาในห้อง

แต่ว่าตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว เธออยากจะหนีไป แต่ว่าต่อให้หนีจากห้องนี้ไปได้ก็ยังมีชั้นล่างอีก!

ไม่มีทางที่เธอจะหนีพ้นไปได้หรอก!

ทั้งๆ ที่ดวงอาทิตย์ข้างนอกกำลังสว่างไสวแท้ๆ แต่เธอกลับกำลังรู้สึกว่าภายในใจของตัวเองนั้นมืดมนเหลือเกิน!

หนีซีโย่วมองดูแก้วชาที่วางอยู่ตรงหัวเตียงแล้วหันไปมองเด็กสาวที่กำลังนอนตัวสั่นอยู่ในผ้าห่ม อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ!

เสียดายที่ชีวิตเธอไม่มีวาสนา ไม่สามารถมีลูกสาวได้ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางปล่อยให้ลูกของตัวเองตัวถูกทำร้ายแบบนี้หรอก!

ยังไงเธอก็เป็นเด็กสาวที่ถูกคนเป็นพ่อเป็นแม่ของตัวเองเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมีนี่นา!

“เทียนซิง~”

เรียกชื่อเล่นของเด็กสาว

ในที่สุดเด็กสาวก็ยอมขยับตัวแล้ว เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา แล้วมองมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา “คุณหญิงเยว่หยา คุณสามารถช่วยให้ฉันกลับบ้านได้ไหมคะ? ฉันคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงบ้านค่ะ!”

ฉวีซือเหวินยื่นผ้าขนหนูอุ่นๆ ที่ถูกบีบจนแห้งแล้วมาให้ หนีซีโย่วรับมันเอาไว้ แล้วเช็ดน้ำตาให้มู่เทียนซิงอย่างอ่อนโยน

“สาวน้อย หยุดร้องไห้ได้แล้ว ถ้ายังไม่หยุดร้องเดี๋ยวจะไม่สวยเอานะ”

“แงแง~คุณหญิงคะ หนูอยากกลับบ้าน!”

“เทียนซิง หนูคิดว่าหนูอยากกลับบ้าน แล้วถ้าหนูกลับไปทั้งอย่างนี้ แล้วถ้าตอนที่พ่อแม่ของหนูเห็นสภาพของหนูตอนนี้เข้า หนูคิดว่าพวกเขาจะไม่เสียใจแย่เหรอ? หนูเคยคิดถึงจุดนี้ไหม?”

มู่เทียนวิงอึ้งกับคำพูดของหนีซีโย่ว จากนั้นก็ร้องไห้หนักมากกว่าเดิม “หนูรู้ค่ะ แต่หนูไม่มีทางอื่นแล้วหนิคะ แงแง~หนูอยากกลับบ้าน!”

“เด็กดี หนูไปอาบน้ำก่อนนะ กินอะไรเพื่อบำรุงบ้าง แล้วถ้าตอนนั้นหนูยังอยากจะกลับบ้านอยู่ละก็ ฉันจะไปส่งเธอด้วยตัวเองเลยดีไหม?”

“จริงเหรอคะ?”

“ฉันเป็นคุณหญิงที่มีเกียรตินะ แล้วจะไปโกหกเด็กสาวคนหนึ่งทำไมล่ะ? ประเด็นคือ ถ้าหนูอยากกลับบ้าน ก็ต้องกลับไปอย่างสะอาดสะอ้าน กลับไปอย่างดูดีจริงไหม?”

“ค่ะ!”

จิตใจของมู่เทียนซิงได้ถูกน้ำเสียงที่แสนอบอุ่นของหนีซีโย่วปลอบโยนเอาไว้แล้ว

พอเห็นมู่เทียนซิงยอมไปอาบน้ำแล้ว ฉวีซือเหวินก็รีบเอาชาสมุนไพรที่ชงเสร็จแล้วมาให้ “คุณหนูมู่ ดื่มนี่หน่อยนะคะ”

เมื่อเห็นน้ำเสียงที่แหบซ่านกับแผลที่เต็มตัวของเด็กสาว หนีซีโย่วก็รู้สึกอยากจะจับลูกชายของตัวเองมามัดเอาไว้แล้วหยิกให้ทั่วตัวเลย!

แต่ว่า การที่ลูกชายทำตัวไม่ดีก็เพราะแม่เป็นเหตุ!

ทั้งหมดนี้มันคือความผิดของเธอ!

มู่เทียนซิงมองฉวีซือเหวินด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะดื่มชาไปสองคำ เคลียร์ลำคอ แล้วลุกขึ้นยืน

“ซี๊ด~!”

เธอเจ็บจนต้องสูดปาก แต่ฉวีซือเหวินนั้นได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีแบกเธอขึ้นหลังไปแล้ว แบกไปยังห้องอาบน้ำ