บทที่ 154 จดหมายของพี่รอง

บทที่ 154 จดหมายของพี่รอง

แม้ว่าเมืองชายแดนจะเข้มงวดกวดขันเป็นอย่างยิ่งในเรื่องการค้าขายกับชนเผ่าโดยรอบ แต่ก็จำกัดเพียงเฉพาะสิ่งที่มีความสำคัญต่ออาณาจักรอย่างเช่นเกลือและเหล็ก ส่วนสิ่งอื่น ๆ ล้วนสามารถซื้อขายได้ในปริมาณที่เหมาะสม

อย่างไรเสียก็ไม่ได้มีเพียงแค่ชนเผ่าเหล่านั้นที่ต้องการปัจจัยในการดำรงชีวิต พวกเขาเองก็จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนหญ้าใช้เลี้ยงสัตว์ วัว แกะ และสิ่งที่สำคัญสุดอย่างม้า

สำหรับวัว แกะ และม้าแล้ว อาณาจักรต้าเซี่ยของพวกเขานั้นด้อยกว่าพวกชนเผ่าที่เชี่ยวชาญหาดำรงเลี้ยงชีพโดยการเลี้ยงสัตว์

หนังและขนสัตว์เหล่านี้เป็นหนึ่งในสินค้าสำคัญของชนเผ่าต่าง ๆ ที่นำมาแลกเปลี่ยน ด้วยเงินที่หนานกงฉีโม่มีอยู่ในมือ ย่อมสามารถส่งเครื่องหนังและขนสัตว์ชั้นยอดกลับมาได้อย่างแน่นอน

เสี่ยวเป่านำของส่วนของตนเองกลับไปยังตำหนักฉินเจิ้งพร้อมกับท่านพ่อ ส่วนของชิ้นอื่นก็ฝากขันทีนำไปส่งให้เหล่าพี่ชาย

แกะน้อยสีขาวนุ่มนิ่มเดินตามเสี่ยวเป่าไปอย่างเชื่อฟังพร้อมกับแม่แกะ

เสี่ยวเป่ากอดกล่องเพชรพลอยอันงดงามและจดหมายที่พี่รองเขียนให้ตนเองเอาไว้ ขาสั้น ๆ ก้าวเดินพร้อมกับหันไปกระซิบกระซาบกับแกะสองตัวที่อยู่ด้านข้าง

“พวกเจ้านี่โชคดีจริง ๆ ตอนนี้หญ้าที่ข้าปลูกเอาไว้กำลังงอกงามอุดมสมบูรณ์ เสี่ยวไป๋ชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก พวกเจ้าเองก็จะต้องชื่นชอบ…”

“แบะ~”

แกะทั้งสองร้องตอบกลับมาเป็นครั้งคราว ดูเหมือนกับพวกมันกำลังสนทนากับนางอยู่จริง ๆ

เรื่องที่ชวนให้ผู้อื่นแปลกใจก็คือ แกะทั้งสองตัวนั้นเดินข้างกายองค์หญิงเก้าอย่างเชื่อฟังโดยไม่จำเป็นต้องจูงหรือต้อน! ราวกับว่าพวกมันมีความผูกพันกับนางเป็นอย่างมาก

บ่าวรับใช้เตรียมจะไปช่วยองค์หญิงเก้าต้อนแกะ “…”

จู่ ๆ เขาก็ไร้ประโยชน์เสียแล้ว

หลังจากกลับไปถึงตำหนักฉินเจิ้งแล้ว เดิมทีนางตั้งใจจะพาพวกแกะไปทิ้งไว้ในสนามหญ้า จากนั้นก็ไปหาท่านพ่อ แต่ยังไม่ทันจะจากไป นางก็ต้องมาแก้ไขความขัดแย้งภายในครอบครัวเสียแล้ว

ความขัดแย้งในครอบครัวนี้ เป็นการทะเลาะวิวาทระหว่างสมาชิกใหม่ในครอบครัวทั้งสองกับเสี่ยวไป๋

หญ้าอุดมสมบูรณ์เติบโตจนสูงเท่าเข่าของเสี่ยวไป๋ ไม่เพียงแต่จะเขียวชอุ่ม ทว่ากินเข้าไปแล้วยังอร่อยสดใหม่ สัตว์กินพืชไม่ว่าตัวใดกินเข้าไปแล้วล้วนไม่สามารถหยุดกินได้

เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์กินพืชตัวเดียวภายในบ้าน ดังนั้นจึงเท่ากับว่าได้ครอบครองสนามหญ้าทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ทุกวันล้วนมาเล็มแทะหญ้ากินอย่างแช่มช้า ประหนึ่งว่ามุ่งมั่นที่จะขุนตัวเองให้กลายเป็นหมูตัวหนึ่ง

หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวเป่าลากมันออกไปวิ่งทุกวัน ทั้งยังป้อนอาหารอย่างอื่นให้มันบ้าง มันคงทำตัวเป็นหมูเช่นนั้นจริง ๆ วัน ๆ เอาแต่กินแล้วนอน นอนแล้วก็ตื่นมากิน

วันนี้มันยังคงทำเช่นเคย หลังจากเสี่ยวไป๋เดินตรวจตรา ‘ดินแดน’ ของตนเองแล้ว มันก็นอนลงในดงหญ้าอย่างมีความสุข ขอเพียงแค่ยื่นหัวออกไปพร้อมอ้าปากก็สามารถกินหญ้าแสนอร่อยได้แล้ว

ทว่าเจ้านายของมันกลับพาแกะอัปลักษณ์สองตัวมายังสนามหญ้าของมัน!

เมื่อเห็นสัตว์อัปลักษณ์ทั้งสองเริ่มแทะหญ้าในสนามของมันทันทีที่มาถึง เสี่ยวไป๋ก็ราวกับโดนฟ้าผ่า โทสะพลุ่งพล่านทันที เสี่ยวไป๋รีบลุกตรงเข้าไปต่อสู้ด้วยความเกรี้ยวกราด

ศัตรูที่แย่งชิงอาหารไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้!

หลังจากนั้นแม่แกะและเสี่ยวไป๋ก็เริ่มต่อสู้กันด้วยเหตุนี้ โดยมีลูกแกะที่เพิ่งเกิดได้สองเดือนเพิ่งหย่านมแม่ได้ไม่นาน ยืนดูอยู่ด้านหน้าด้วยความตกตะลึง

เสี่ยวเป่าเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดจึงต่อสู้กันเช่นนี้!

หลังจากสู้กันไปได้สักพัก เสี่ยวไป๋ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากเสี่ยวเป๋ามาพักใหญ่ก็เริ่มเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเสี่ยวไป๋เองก็ดื้อรั้นเกินกว่าจะยอมรับความพ่ายแพ้ ต้องการต่อสู้กับแกะอัปลักษณ์ตัวนี้ให้ถึงที่สุด!

เสี่ยวเป่ารีบบอกให้คนไปจับทั้งสองแยกจากกันอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวไป๋ เจ้าทำอันใดกัน?”

“กี๊ดด!”

เสี่ยวไป๋ใช้ดวงตากลมโตถลึงจ้องอย่างกราดเกรี้ยว มากินหญ้าในอาณาเขตของคนอื่นไม่พอ ยังจะเอาคนในครอบครัวมันไปด้วย ช่างหน้าไม่อาย!

“แบะ!”

มาสู้กัน!

แม่แกะก้มหัวลงแล้วส่งเสียงร้องออกมา ท่าทางพร้อมต่อสู้ฮึกเหิมเต็มที่

เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว เสี่ยวเป่าได้ใช้พลังวิญญาณหล่อเลี้ยงให้มันเป็นครั้งคราว ตอนนี้มันดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก ถึงขนาดสามารถต่อสู้ได้แล้ว

“เสี่ยวไป๋เป็นเด็กดีนะ แกะทั้งสองตัวนี้ พี่ชายมอบให้เสี่ยวเป่าแล้ว ต่อจากนี้พวกมันจะมาอยู่กับพวกเรา”

เสี่ยวไป๋ “???”

เสี่ยวไป๋ “!!!”

มันคล้ายกับถูกโจมตีจนบาดเจ็บอย่างหนัก เจ้ากวางแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา แสดงอารมณ์ได้เหมือนมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้น เสี่ยวไป๋ก็มองไปทางแกะทั้งสองด้วยความเจ็บปวดเศร้าสร้อย ก่อนจะหันมามองเสี่ยวเป่าแล้วหันหัวเดินจากไป

ด้านหลังของเสี่ยวไป๋ราวกับสามารถเห็นบรรยากาศเศร้าโศกออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เสี่ยวเป่ารู้สึกผิดขึ้นมา

เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าตนเองเป็นสตรีร้ายกาจที่ชอบทำลายหัวใจผู้อื่นกัน?

เสี่ยวเป่า “…”

เสี่ยวไป๋ เหตุใดเจ้าจึงอ่อนไหวถึงเพียงนี้

หลังจากเสี่ยวไป๋จากไปแล้ว แกะทั้งสองก็ก้มกินหญ้าด้วยความสุขไม่สนใจเสี่ยวไป๋ นี่ถึงเป็นท่าทางของสัตว์ปกติทั่วไป

เสี่ยวเป่าไล่ตามไปกอดเสี่ยวไป๋เอาไว้ ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าที่เสี่ยวไป๋จะมีท่าทางดีขึ้น

“เสี่ยวไป๋เป็นเด็กดีนะ ข้าจะไปหาท่านพ่อก่อน อย่าได้ไปยุ่งกับพวกแกะเลย กลับมาแล้วข้าจะนำของอร่อยมาให้เจ้าด้วย”

หลังจากนั้น นางก็นำจดหมายและของขวัญที่พี่รองส่งมาให้วิ่งเข้าไปหาท่านพ่อด้านในตำหนัก

“ท่านพ่อ พี่รองส่งของมาให้ท่านด้วย!”

ทันทีที่เสี่ยวเป่าเห็นหน้าท่านพ่อ ก็รีบวิ่งเอาของขวัญจากพี่รองไปส่งให้ แน่นอนว่าเด็กน้อยไม่สามารถถือขนสัตว์เหล่านั้นด้วยตนเองได้ เป็นบ่าวรับใช้ที่อยู่เบื้องหลังที่ถือไว้ให้

“ยังมีจดหมายที่พี่รองส่งมาให้ท่าน! เสี่ยวเป่าเองก็มีจดหมายด้วย!”

เด็กน้อยวิ่งมุดเข้าไปในอ้อมแขนของท่านพ่อด้วยความชำนาญ ก่อนจะขยับไปมาหาตำแหน่งที่นั่งสบาย

ถ้าเป็นผู้อื่นมาเห็นคงอดเอ่ยทักท้วงไม่ได้ แต่พวกฝูไห่และบ่าวรับใช้คนอื่นตรงนี้ล้วนคุ้นชินเป็นอย่างดี ต่างแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งใด

“ท่านพ่ออ่านของท่านพ่อ ส่วนเสี่ยวเป่าจะอ่านของเสี่ยวเป่า”

ระหว่างที่พูดนางก็แกว่งขาสั้น ๆ ของตนเอง ส่วนมือก็เปิดจดหมายขึ้นอ่าน

หนานกงสือเยวียนวางจดหมายลงไว้ด้านข้าง ไม่รีบร้อนเปิดอ่าน แต่กำลังรอ…

เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา เสี่ยวเป่าก็ถือจดหมายด้วยใบหน้ายับย่น นิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปยังตัวอักษรที่อยู่ด้านบน

“ท่านพ่อ ตัวนี้อ่านว่าอย่างไรนะเพคะ?”

หนานกงสือเยวียนลดสายตาลงมามอง ก่อนจะอ่านอักษรตัวนั้นออกมา

หลังจากนั้นเสี่ยวเป่าก็อ่านต่อ นางกวาดตาไล่รอบจดหมายอยู่สองรอบ ก่อนหันกลับมามองเขา

“ตัวอักษรเยอะมากเลย เสี่ยวเป่าอ่านไม่ออก QAQ”

เด็กเล็กย่นจมูก เอ่ยบ่นพึมพำออกมาเป็นระยะ

“เหตุใดตัวอักษรเหล่านี้จึงไม่ง่ายกว่านี้กันนะ”

“พี่รองเขียนตัวหนังสือได้หวัดเหลือเกิน”

“ฮือ…ท่านพ่อ เสี่ยวเป่าอ่านไม่ออกอีกแล้ว”

ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเป่าโง่เกินไป แต่คำเหล่านี้ซับซ้อนเกินไปต่างหาก!

ไม่ต้องกล่าวถึงภูตที่ไม่เคยได้ร่ำเรียนหนังสืออย่างนางเลย กระทั่งคนที่เคยร่ำเรียนมาอ่านยังอาจกลายเป็นคนไม่รู้หนังสือ

ในที่สุด เสี่ยวเป่าก็ส่งจดหมายให้ท่านพ่อด้วยความทุกข์ตรม มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างวางเอาไว้บนขา มองท่านพ่อด้วยสายตาเชื่อฟังและคาดหวัง

ไม่สำคัญว่าจะอ่านออกหรือไม่ เพราะเสี่ยวเป่ายังคงมีท่านพ่อผู้เก่งกาจอยู่!

หนานกงสือเยวียนรับจดหมายมาโดยไม่แปลกใจ ก่อนจะเริ่มอ่านด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก กระทั่งเหล่านางกำนัลและขันทีในตำหนักฉินเจิ้งก็ยังมีสีหน้าสงบนิ่ง