สือมูเฉินรู้สึกปวดหัวจนต้องนวดตรงขมับ: “คุณแม่ครับ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับหลานเล่อซินเลยสักนิดเดียว ในตอนแรกเหตุผลที่ผมตกลงจะใช้ชีวิตอยู่กับเธอนั้นเป็นเพราะคุณพ่อเป็นหนี้บุญคุณย่าหลาน แต่ในตอนนี้ผมแต่งงานกับเสี่ยวถางแล้ว ยังไงเธอก็เป็นลูกสะใภ้ของคุณแม่นะครับ!”
“ดังนั้น แม้ว่าเธอกับเพ่ยหลินจะมีความสัมพันธ์กันไม่จบไม่สิ้น แต่ลูกก็ยัง—” โจวเหวินซิ่วรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“คุณแม่ครับ ผมเชื่อว่าเสี่ยวถางและสือเพ่ยหลินนั้นไม่มีอะไรเกินเลยครับ” ในขณะที่สือมูเฉินพูดอยู่นั้นเขาก็ได้เหลือบมองไปทางหลานเสี่ยวถาง
หัวใจของเธอสั่นสะท้าน และเธอรู้สึกเพียงว่าความคับข้องใจและความกระวนกระวายใจที่เธอมีมาเนิ่นนาน ทันใดนั้นเมื่อเธอเห็นแววตาที่แน่วแน่ของเขา ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็จางหายไปทันที
หลานเสี่ยวถางยิ้มให้สือมูเฉิน
โจวเหวินซิ่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “ลูกมั่นใจในตัวเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ ” สือมูเฉินพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า: “คุณแม่ครับ อาจเป็นเพราะคุณแม่มีอคติกับหลานเสี่ยวถาง ถ้าวันหนึ่งคุณแม่ได้รู้จักคลุกคลีกับเธอคุณแม่จะชอบเธออย่างแน่นอนครับ”
เมื่อโจวเหวินซิ่วเห็นท่าทางที่แสนจะมั่นใจของสือมูเฉิน เธอถอนหายใจออกมา: “เอาล่ะ ชีวิตของลูก ลูกก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง เป็นเพราะลูกเติบโตแล้วไง ยังไงซะก็มีความคิดของตัวเองอยู่ดีแหละน่า ……”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เธอจึงยอมเดินกลับเข้าห้อง
สือมูเฉินหลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่สักครู่ จากนั้นก็ดึงหลานเสี่ยวถางเข้าไปในห้องนอน
“เสี่ยวถาง วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”สือมูเฉินถาม
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินเขาถาม เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ความรู้สึกดีใจที่ได้รับการไว้วางใจลดลงครึ่งหนึ่ง เธอเล่าเรื่องให้เขาฟังอีกครั้งแล้วพูดว่า: “มูเฉิน คุณไม่เชื่อฉันเหรอคะ?”
ในขณะที่สือมูเฉินพูดอยู่นั้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดหมายเลขโทรออกอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเสียงของเพ่ยหลินก็ดังขึ้นที่ปลายสาย “คุณอาครับ?”
“เพ่ยหลิน ต่อไปนี้ถ้าแกยังมายุ่งวุ่นวายกับอาสะใภ้แกอีกล่ะก็ เรื่องยาก็ไม่ต้องมาพูดกันอีก ”ในขณะที่สือมูเฉินพูดอยู่นั้น ยังไม่ทันที่จะรอเขาตอบกลับมา ก็กดวางสายทันที และเขาตัดสายโดยไม่รอให้เพ่ยหลินพูดอะไรเลย
หลานเสี่ยวถางกระพริบตา เขาคือใคร?
“เสี่ยวถาง ผมเชื่อใจคุณนะ” สือมูเฉินมองไปที่ดวงตาของหลานเสี่ยวถาง: “คุณก็ต้องเชื่อใจผมด้วยเช่นกัน”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า เธอยิ้มมุมปาก: “ฉันเชื่อใจคุณค่ะ”
“เพราะคุณแม่ของผมสนิทสนมกับพี่สาวของคุณเท่านั้น และก่อนหน้านี้เธอมักจะคิดว่าผมจะแต่งงานกับพี่สาวของคุณ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจยอมรับได้ในทันที” สือมูเฉินแตะหน้าผากของหลานเสี่ยวถาง: “คุณให้เวลาเธอหน่อยนะ ให้เวลาเป็นตัวช่วย แล้วทุกอย่างให้มันจะดีขึ้น แต่ว่าช่วงนี้คุณต้องลำบากหน่อยนะ ”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเจ็บจมูกเล็กน้อย เธออยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้
“เอาล่ะ อีกสองวันเราจะไปฟลอริดาด้วยกัน ถือซะว่าไปพักผ่อนกันดีไหม?”:สือมูเฉินพูดอีกครั้ง
“อืม” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า
“ต่อไปนี้ไม่ว่าคุณจะได้ยินอะไรจากภายนอก อย่าลืมว่าต้องฟังจากปากของผมเท่านั้น ” สือมูเฉินพูดอย่างจริงจัง: “ห้ามคิดไปเองคนเดียวเด็ดขาด เข้าใจไหม หืม?”
“เข้าใจค่ะ” ในที่สุดหลานเสี่ยวถางก็ยิ้ม
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม้ว่าหลานเสี่ยวถางและโจวเหวินซิ่วจะต้องทานมื้อเย็นด้วยกัน พวกเธอก็ไม่ได้ทะเลาะกัน ทั้งสองคนให้เกียรติกันราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่อาศัยอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นแหละ พยายามฝืนไม่ให้มีข้อขัดแย้งใดๆ เลย
เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับแบรนด์ honor มาถึง สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางกำลังเตรียมกระเป๋าเดินทางของพวกเขาที่กำลังจะออกเดินทาง ก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังมาจากประตู
หลานเสี่ยวถางเดินไปเปิดประตูและเห็นหลานเล่อซินที่กำลังถือกระเป๋าเดินทางอยู่เช่นกัน เธออดไม่ได้ที่ถามด้วยความแปลกใจ: “พี่คะ นี่คือ ……”
“เสี่ยวถาง คุณป้าอยู่ไหมจ๊ะ?”หลานเล่อซินเดินเข้ามาพร้อมพูดอธิบายว่า :“คุณป้าขอให้ฉันไปเที่ยวที่ชายฝั่งทางใต้ของฟลอริดาเป็นเวลาสองวัน เรากำลังจะออกเดินทางกันจ๊ะ”
ในขณะนั้น หลานเสี่ยวถางก็รู้ได้ทันทีเลยว่าโจวเหวินซิ่วนั้นคิดจะทำอะไร
ในเวลานี้ โจวเหวินซิ่วก็เดินออกมาจากห้องเช่นกัน และเมื่อเธอเห็นหลานเล่อซิน เธอก็พูดอย่างใจดี: “เล่อซินเราออกเดินทางกันเถอะ!”
“คุณแม่ครับ พวกคุณแม่ก็จะไปฟลอริดาด้วยหรือครับ” มือมูเฉินถามด้วยความเหนื่อยใจเล็กน้อย?”
“ทำไมล่ะ แม่ได้ยินมาว่าหลานชายของแม่กำลังจะไปขอยา แม่ผู้เป็นย่าเนี่ยจะกังวลใจในเรื่องนี้ด้วยไม่ได้เชียวเหรอ จะตามไปด้วยไม่ได้หรือ?”โจวเหวินซิ่วกล่าว :“ ไปเถอะเล่อซินเดี๋ยวเราไปเที่ยวกัน”
ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว สือมูเฉินก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว เขาพูดว่า :“คุณแม่ครับ ในเมื่อแม่ไปเพื่อยาของสือเพ่ยหลิน ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปด้วยกันเถอะครับ ประจวบเหมาะที่เสี่ยวถางก็มีบ้านอยู่ที่โน่นพอดี เดี๋ยวเราก็อาศัยอยู่บ้านเสี่ยวถางด้วยกันเลยนะครับ ”
เมื่อเขาพบจบ โจวเหวินซิ่วและหลานเล่อซินก็จ้องมองไปที่หลานเสี่ยวถางพร้อมกัน
หลานเล่อซินค่อยๆแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ: “เสี่ยวถาง นี่เธอซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกาเหรอ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “ได้มาโดยบังเอิญน่ะ”
“ราคาบ้านบนชายฝั่งราคาน่าจะแพงนะดูเลยสินะ!” หลานเล่อซินอุทาน:“เสี่ยวถาง เธอมีความสามารถจริงๆเลยนะ!”
“อันที่จริงแล้วลูกชายของฉันเป็นคนใจกว้างมากจริงๆ ที่บอกว่าซื้อเอง ความเป็นจริงแล้วอาจเป็นลูกชายของฉันซื้อและมอบให้เป็นของขวัญก็เป็นได้” โจวเหวินซิ่วยิ้ม: “เล่อซินเธอนี่เป็นคนที่อ่อนต่อโลกมากเกินไปแล้ว เรื่องบางเรื่องแค่ฟังก็พอนะ”
เมื่อพูดแบบนี้ ความหมายก็คือ บ้านหลังนี้สือมูเฉินมอบให้เป็นของขวัญล่ะสิ และไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวหลานเสี่ยวถางซะที่ไหน!
หลานเสี่ยวถางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย มูสือเฉินรู้สึกได้จึงกุมมือเธอ: “เอาล่ะ เราออกเดินทางกันเถอะ เพ่ยหลินคงรอเราอยู่ที่สนามบินแล้ว”
เมื่อเขามาถึงสนามบิน เมื่อเพ่ยหลินเห็นโจวเหวินซิ่วและหลานเล่อซินก็เดินมาด้วย เขาก็หรี่ตาลงด้วยความแปลกใจ
ดูเหมือนว่า คุณย่าของเขานั้นจะมีหลานเล่อซินเป็นผู้ปกป้องนะเนี่ย ถ้าเช่นนั้น สุดท้ายแล้วคุณอาและหลานเสี่ยวถางตอนจบจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาได้
แต่ถ้าพวกแยกทางกัน คราวนี้เขาจะไม่พลาดโอกาสครั้งนี้อีก! สือเพ่ยหลินมองไปที่หลานเสี่ยวถางด้วยแววตาที่มีความหวังเหมือนนักล่า
เนื่องจากวันที่นัดหมายไว้เป็นวันถัดไป ดังนั้นในคืนนี้ทุกคนจึงไปที่คฤหาสน์ทิงไห่ของหลานเสี่ยวถาง
เมื่อโจวเหวินซิ่วนั่งรถกอล์ฟไฟฟ้าเข้าไปในคฤหาสน์ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที: “มูเฉินนี่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมของเสี่ยวถางจริงๆหรือ?”
สิ่งนี้ไม่สามารถเรียกว่าเป็นบ้านแล้วล่ะ แต่เป็นแหล่งอุตสาหกรรม
เพราะถ้าประมูลคฤหาสน์ประเภทนี้ ก็น่าจะประมูลได้ในราคา 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยนะเนี่ย
เนื่องจากมีมูลค่าสูงมาก โจวเหวินซิ่วจึงไม่อยากจะเชื่อว่าสือมูเฉินจะมอบของขวัญที่มีราคาแพงขนาดนี้ให้กับหลานเสี่ยวถาง! อีกทั้ง เมื่อพิจารณาจากการถือครองหุ้นปัจจุบันใน Times Group ของสือมูเฉินแล้ว และเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ และดูเหมือนเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะซื้อคฤหาสน์แบบนี้ได้
“มันเป็นของเสี่ยวถางครับ เธอหามาได้ด้วยตัวเอง” สือมูเฉินกล่าวว่า: “คฤหาสน์แห่งนี้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเสี่ยวถางครับ ไม่ใช่สินสมรสร่วมกันหลังการแต่งงานครับ”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ฟังสิ่งที่เขาอธิบาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม: “เพราะว่าเวลาเร่งรีบ และไม่มีเวลาทำความสะอาดอย่างดีเท่าไหร่นัก เราเลือกพักอยู่บนชั้นสองของปราสาทริมทะเลสาบกันเถอะ ในประสาทนั้นมีอยู่สี่ห้าห้องที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว คุณแม่คะ เดี๋ยวถ้าคุณแม่ขึ้นไปถึง คุณแม่เลือกห้องที่คุณแม่ชอบที่สุดได้เลยนะคะ”
โจวเหวินซิ่วรู้สึกเสียหน้ามาก เวลานี้ความรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ยังไงยังงั้นแหละ
เธอเดินเข้าไปในปราสาทและสำรวจมองไปทุกๆ ที่ ภาพเขียนสีน้ำมัน ประติมากรรมนูน และงานฝีมือจากเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็งจำนวนมากมีความพิเศษและมีรสนิยมอย่างมาก ซึ่งมันไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ที่วางขายในตลาดทั่วไป
“เสี่ยวถาง นี่เป็นของเธอจริงๆเหรอ?” สือเพ่ยหลินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า วันหนึ่งเมื่อเขามาต่างประเทศ เขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านของ หลานเสี่ยวถางจริงๆ ผู้หญิงที่หย่ากับเขาด้วยเงินเหลือเพียงสามสิบหยวน และไม่สามารถแม้แต่จะเช่าบ้านอยู่ได้ ตอนนี้เธอเป็นถึงเจ้าของวังที่งดงามเช่นนี้!
“ใช่ค่ะ” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า:“ค่าการบำรุงรักษาคฤหาสน์มีราคาแพงมาก ดังนั้นบางช่วงบางจุดอาจจะต้องเปิดให้บริการแล้วล่ะ”
ในวันนั้น สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางพักอยู่ในห้องนอนใหญ่ และอีกสามคนที่เหลือก็เลือกห้องอื่นบนชั้นสอง
ในตอนหัวค่ำหลานเสี่ยวถางเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองลงไปข้างล่าง เธอก็เห็นหลานเล่อซินนั่งอยู่คนเดียวริมทะเลสาบและกำลังดื่มน้ำผลไม้อยู่
ราวกับว่าเธอรู้ว่าหลานเสี่ยวถางกำลังยืนมองเธออยู่ยังไงยังงั้นแหละ หลานเล่อซินเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มให้หลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง ลงมานั่งด้วยกันสิ?”
จุดประสงค์ที่แท้จริงของหลานเล่อซินนั้น หลานเสี่ยวถางก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก หลานเล่อซินไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา และแม้แต่การติดตามมาที่นี่ด้วย ดูเหมือนจะสามารถอธิบายได้ว่าเป็นการมาเป็นเพื่อนกับโจวเหวินซิ่วเท่านั้น
ดังนั้น หลานเสี่ยวถางเช็ดผมของเธอ จากนั้นจะลองลงไปทดสอบดูหน่อย
“เสี่ยวถาง สถานที่แห่งนี้สวยงามมากๆเลย!” หลานเล่อซินอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
“ฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน!” ในขณะที่หลานเสี่ยวถางพูดอยู่นั้น ราวกับว่าแสร้งทำเป็นพูดกระซิบยังไงยังงั้นแหละ และกระซิบพูดกับหลานเล่อซิน: “พี่คะ ฉันมีความลับเรื่องหนึ่งนะ ……”
“ความลับอะไรจ๊ะ?” หลานเล่อซินถามอย่างสงสัย
“คฤหาสน์แห่งนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่มูเฉินซื้อให้ฉันค่ะ” หลานเสี่ยวถางพูดจบ แสร้งทำเป็นรู้สึกมีความสุขอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วเธอเหลือบมองไปที่ดวงตาของหลานเล่อซินอย่างตั้งใจ
ถ้าหลานเล่อซินมีความรู้สึกอะไรกับสือมูเฉินจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อได้ยินว่าสือมูเฉินนั้นใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อผู้หญิง คงต้องรู้สึกอะไรบ้างแหละ?
แม้ว่าผู้หญิงนั้นจะเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ได้ดีแค่ไหน ยังไงซะอารมณ์ก็คงปิดไม่มิดหรอก
แน่นอนว่าเมื่อหลานเล่อซินได้ยินคำเหล่านี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้ว่าเธอจะฝืนยิ้มและรอยยิ้มก็กลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ปฏิกิริยาสัญชาตญาณชั่วขณะ แต่ก็ถูกหลานเสี่ยวถางสังเกตพิรุธได้
“เสี่ยวถาง ดูเหมือนว่ามูเฉินจะดีต่อเธอจริงๆนะเนี่ย!” หลานเล่อซินยิ้มอย่างอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น: “ถ้าเช่นนั้นพี่ก็วางใจแล้วล่ะ”
โดยปกติเมื่อได้ยินเรื่องราวแบบนี้ พวกเขาต้องถามรายละเอียดเกี่ยวกับของขวัญคฤหาสน์ที่มอบให้ แต่หลานเล่อซินได้แต่ยิ้มและมุ่งเน้นไปที่ตัวของสือมูเฉินเท่านั้น
หลานเสี่ยวถางเข้าใจได้ในทันที เธอพยักหน้า: “อืม ใช่สิ เขาดีกับฉันมากเลยค่ะ นอกจากคุณย่าแล้วก็มีแต่เขานี่แหละที่ดีกับฉันที่สุด!”
มือของหลานเล่อซินที่ถือน้ำผลไม้สั่นเล็กน้อย เธอหันหน้าหลบสายตา และหยุดมองหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง พี่คาดไม่ถึงว่ามูเฉินจะมอบของขวัญสถานที่สวยงามเช่นนี้ และเพื่อเธอแล้วยังรับรองทรัพย์สินแหล่งอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอีกด้วย ”
ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็หลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์ที่อยู่ในใจทั้งหมด: “เธอไม่รู้หรอกว่าวันนี้ที่พี่มาถึงนี่ ตอนที่พี่เห็นสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ ก็รู้สึกเหมือนอาศัยใต้ชายคาคนอื่นยังไงยังงั้นแหละ ……”
“พี่คะ ตอนสมัยที่ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลหลานนั้น คุณย่าเคยบอกว่าบ้านของตระกูลหลานก็เป็นบ้านของฉันเช่นกัน ทำให้ฉันไม่เคยรู้สึกห่างเหินเลย ” หลานเสี่ยวถางพูด พลางเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองดูหลานเล่อซิน: “ดังนั้นถ้าหากพี่ชอบสถานที่แห่งนี้พี่สามารถพักอยู่ได้หลายๆวันเลยนะคะ ต่อไปถ้าพี่มาเที่ยวต่างประเทศพี่ก็สามารถมาพักที่นี้ได้นะคะ พี่ห้ามรู้สึกเกรงใจนะคะ !”
เมื่อหลานเล่อซินได้ยินคำพูดของหลานเสี่ยวถางแล้ว แววตาที่แสดงออกมานั้นเยือกเย็นมาก เธอบีบแก้วอย่างแน่นจนแก้วแทบปริแตกเป็นเสี่ยงๆ มืออีกข้างหนึ่งนั้น เล็บของเธอเกือบจะฝังอยู่เข้าไปอยู่ในฝ่ามือ
คำพูดของหลานเสี่ยวถางดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจพูด แต่นี่มันเหมือนเป็นการโอ้อวดต่อหน้าเธออยู่ไม่ใช่เหรอ?! อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้อยู่แล้ว เพราะตอนนี้เธอไม่มีอะไรเทียบกับหลานเสี่ยวถางได้เลยสักนิด!
“ตกลง ขอบคุณมากนะเสี่ยวถาง!” หลานเล่อซินยืนขึ้นและพูดว่า:“พี่ยังไม่ได้อาบน้ำ ถ้าเช่นนั้นพี่จะขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ เสี่ยวถาง ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ!”
“พี่คะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” หลานเสี่ยวถางมองตามหลังของหลานเล่อซินและถอนหายใจออกมาเฮือกยาวๆ
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด พี่ได้ตอบกลับมาประโยคหนึ่ง?
ต่อสู้กับความยากจน แสวงหาความร่ำรวย
เมื่อสือมูเฉินได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท Times Group ดังนั้นคุณทุกคนก็ต้องกลับมาอยู่แล้ว