ตอนที่ 158 การรุกรานของอาณาจักรมอลต์ ② ซัดจนยกมือไม่ขึ้น

ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi

158 การรุกรานของอาณาจักรมอลต์ ② ซัดจนยกมือไม่ขึ้น

—————————————————————

【–มุมมอง บุคคลที่สาม/มอลต์–】

กองทัพมอลต์ ฐาน

「อะร้ายยย!? มึงไปผิดทาง? มึงงี่เง่าเหรอไงวะไอควายเอ้ย!!?」

เสียงตะโกนของพาโบลดัง และหนึ่งในลูกน้องของเขาถูกเตะ

การ์ดแนวหน้า ที่ตั้งด้วยทหารหลายร้อยที่ไปก่อนกองทัพหลัก 10,000 คน เพื่อทำการลาดตระเวนและสอดแนมภูมิประเทศ การ์ดแนวหน้านั้นแจ้งกองทัพหลัก ว่าพวกเขาไปถึงบึงที่ตัดเส้นทางไปข้างหน้า กองทัพหลักได้ตามทหารการ์ดแนวหน้านั้นไปแล้ว ดังนั้นมันพิจารณาได้ว่า มันเป็นการเสียเวลา ถ้าพวกเขากลับทางเดิม

「พวกเค้าไปผิดตรงไหนวะสัตว์……เราตามทางมาตรงๆด้วยเหี้ยเอ้ย!」

「พระองค์บางทีเราผิดตั้งแต่แรก……」

「อะไรวะเฮ้ย? ไม่ใช่เรามุ่งหน้าตรงไปที่ราเฟนเหรอวะสัตว์ เมื่อเราออกมาอ่ะ? ชั้นก็ตรวจป้ายแล้วด้วยเหี้ย」

「ยังไงซะ……ไม่ใช่ว่ามีความเป็นไปได้ว่าตัวป้ายเองของปลอมเหรอไอควาย?」

อากาศแข็งไปช่วงเวลาสั้นๆ

「เหี้ย! ส้นตีน โคยเอ้ย!! เค้าหลอกกูไอ้เยะเหี้ยอีแอบหน้าหนังกีนั่น!」

「มันดีที่ศัตรูอยู่สบายๆเมื่อเห็นเราติดกับทริคเด็กๆและทั้งหมดนี่ ควายเอ้ย」

ฮิลาริโอ กำลังจะเติมบางอย่างเพื่อเย้ยหยันพาโบล แต่ผู้บัญชาการมีหน้าตาที่จริงจังบนใบหน้า ถ้าพวกเขารู้เกี่ยวกับมัน พวกเขาจะชี้ออกมาในทันที ซึ่งแค่หมายถึง ว่าชายที่โตแล้วสองคน ได้โดนหลอกด้วยการแกล้งของเด็กอ่อน

「พระองค์ แล้วก็ยังมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น ของคนที่ป่วย โดยเฉพาะที่ปวดท้องและท้องเสียอย่างหนัก เลี่ยงพวกเค้าจากการเดินทัพไปต่อ……」

「ทิ้งไอพวกอ่อนแอพวกนั้นสัตว์!」

「เราเดาว่า นี่มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับบ่อน้ำที่ถูกทำอะไรบางอย่าง-」

「หุบปากไอเหี้ย! นี่มันเวลามากังวลเกี่ยวกับอะไรอย่างปวดท้องอ๋อไงโว้ย!? เราจะกลับไปตั้งแต่เริ่มทางสัตว์ เราจะเดินทัพด้วยกำหนดการที่เข้มงวดมากกว่าเดิม เพื่อจะแทนเวลาที่เสียโว้ยเหี้ย!」

ไม่มีแม้แต่ซักคนที่พูดอะไรหลังจากนั้น พวกเขารู้ว่าพาโบล ไม่เข้าใจที่พวกเขาพยายามจะสื่อหรอก และการวิจารณ์คนของฮิลาริโอ ไม่ได้สร้างความคิดที่มีประโยชน์เลยด้วย

「ทิ้งทหารที่ป่วยทั้งหมด แล้วเดินหน้า…….」

「ไม่มีทางเลือกมาก อาหารเราหมดแล้ว ถ้าเราเอาพวกมันมากับเรา เราจะเคลื่อนที่ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน」

「ให้ทหารที่เดินไม่ได้ไปไว้ที่บ่อน้ำ บางคนอาจรอด ถ้ามีน้ำสะอาด บวกกันกับ ศัตรูไม่ได้ไม่เป็นอมนุษย์ที่เค้าจะฆ่าพวกเค้าทั้งหมด」

ทุกคนยกเว้นสองราชวงศ์กำลังใจตกไป การที่เป็นกองทัพที่รุกราน พวกเขารู้ ว่ามันไม่ใช่เรื่องไม่ปรกติถ้าโกลโดเนียไม่ได้แสดงความปราณีใดๆกับพวกเขา

「การโจมตีของศัตรู! จากทางซ้าย จำนวน……ประมาณ 50!」

「……อีกละเหรอ?」

ตั้งแต่ที่พวกเขาผ่านหมู้บ้านแรกมา พวกเขาถูกโจมตีบ่อยโดยกลุ่มของกองกำลังเล็กๆ ครั้งนี้ก็อีกครั้ง พวกเขา สาดธนูลงไปเป็นฝนใส่พวกเขาจากยอดเนินเขา และทหารไม่กี่คนถูกเก็บ

「จึ อีกละ ไอ้การก่อกวนกระจอกนี่! ไล่พวกแม่งและขยี้พวกมันดิวะ!!」

ทหารราบและทหารม้า มุ่งหน้าออกไปตามคำสั่งของพาโบล

ยังไงก็ตาม ลูกธนูของพวกเขา ไปไม่ถึงศัตรูที่่หายไปใต้เส้นสันเนินเขา และเมื่อเวลาที่พวกเขาหาทางขึ้นบนเนินเขาอย่างสิ้นหวัง พวกเขาไล่ตามศัตรูไม่ทันแล้ว ททหารม้าอยากจะชิดระยะ แต่มีบริเวณของพื้นโคลนอีกฝั่งของเนินเขา และน่าจะหยุดพวกเขาจากการเคลื่อนที่ ถ้าพวกเขาข้ามไปอย่างไม่ระวัง พวกเขาจึงยอมแพ้

「อีกแล้วเหรอ?…….พวกทหารที่ซ่อนอยู่ตรงนั้น น่าจะตัดสินใจแล้วว่าจะหนีไปที่ไหนตั้งแต่แรก เราถูกจูงจมูกไปมา」

หนึ่งในผู้บัญชาการออกความเห็นอย่างน่าสมเพช

การเสียกำลังพลที่ได้รับจากการโจมตีนั้นเรื่องเล็ก แต่นั่นเป็นการโจมตีที่สามของวันนี้ การที่ต้องล้มตายไปจากการโจมตีเล็กๆ ที่เขี่ยด้านข้าง ไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อเพิ่มกำลังใจ เพิ่มเติมจากนั้น ไม่มีวันไหนที่พวกเขาไม่ได้ถูกโจมตีตอนกลางคืน ตั้งแต่พวกเขาข้ามพรมแดนมา แม้ว่าขนาดจะต่างไปทุกครัง ดังนั้นทหารไม่สามารถที่จะหลับดีๆได้เลย

ทุกครั้งที่ทหารที่เหนื่อยเห็นป่า เนินเขา หรือที่ราบลุ่ม พวกเขาจะรู้สึกกลัว ความเร็วการเดินททัพจะลดยิ่งมากขึ้นไปอีก และพวกเขาจะไม่เดินเร็วไปกว่าวัวแก่ๆ ไม่ว่าพาโบลจะตะโกนใส่พวกเขามากแค่ไหน

「ถ้าแค่ท่านแม่ทัพบรูตัสอยู่ที่นี่……」

「เฮ้ มึง! มึงเพิ่งพูดว่าอะไรวะสัตว์!?」

พาโบลจับหนึ่งในผู้บัญชาการ ที่กระซิบกับตัวเขาเองที่คอเสื้อ และต่อยเขา ผู้บัญชาการล้มไปที่พื้นและเลือดกำเดาไหล แต่เพราะพาโบลต่อยหมวกเหล็ก เขาร้องในความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับมือของเขาเอง

「มึงมีปัญหาอะไรกะกู เจ้านายไอเหี้ยนั่น ที่บัญชาการอยู่สัตว์!? ถ้ามึงพูดบางอย่างแบบนั้นอีก หัวมึงหลุดแน่สัตว์」

ไม่มีอะไรที่คุณจะพูดกับพาโบลแล้วเข้าหัวของเขา ทหารไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะฝากชะตาชีวิตไว้กับสวรรค์

「กัปตัน พี่มองอะไรอ่ะ?」

「ท้องฟ้า นี่มันท้องฟ้าฤดูหนาวเหมือนที่ชั้นเห็นในหมู่บ้านเกิดเลย」

「เพราะทั้งหมดมันไม่ได้ไกลขนาดนั้นเลยนี่ ใช่มั้ย?」

「นายควรจะดูด้วยนะ」

「ครับ เซอร์……」

「นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย」

เมื่อพวกเขากลับหลัง และมุ่งหน้าไปที่ที่พวกเขามา เสียงของการต่อสู้ สามารถได้ยินหลังกองทัพอีกครั้ง — การโจมตีครั้งที่สี่ของวันนี้

—————————————————————

【–มุมมอง บุคคลที่สาม/ทริสตัน–】

ในเวลาเดียวกัน ซาน โดร่า: ฐานป้องกัน

「ฟุมุ ฟุมุ มันคร่าวๆว่าอย่างที่ชั้นคาดเดา」

「ทีมเดียวที่ล้มเหลวที่จะหนีและถูกจับหรือข้ามจำนวนการเสียกำลังพลที่คิดไว้ ของกลังพลที่จะเสีย คือทีม 12 และ 17 ทีมที่เสียไปมากกว่า 10 คือ ทีมที่ 3 6 10 และ 19」

「อื้ม มาให้ทีมี่ 12 และ 17 ถอยกลับชั่วคราวมาที่ซาน โดร่า และจัดระเบียบตัวเอง นอกจากนั้น มาให้ทีมอื่นเข้าใกล้กันและทำงานร่วมกัน」

การเสียกำลังพลไปมากกว่า 100 นิดหน่อย ระหว่างที่พยายามจะทำให้ศัตรูที่มี 10 เท่าของกำลังพลช้าลง นั้นเป็นจำนวนที่น้อยอย่างน่ากลัว ตัวหมากรุกพิมพ์จำนวน 20 ชิ้น เป็นตัวแทน แต่ละทีม ของ 50 คน ที่วางอยู่บนแผนที่เปิด ที่มีตัวแดงตัวเดียวอยู่ตรงกลาง บ่งบอกถึงศัตรู เพราะหน่วยสอดแนมตามศัตรูไปอย่างใกล้ชิด ที่อยู่ของพวกเขาสามารถถูกรู้ได้อย่างแม่นยำ

「การ์ดแนวหน้าของศัตรูควรจะเข้าหาบึงตอนนี้ พวกเค้าจะรู้ว่าไปผิดทางและหันหลังกลับ ดังนั้นมาส่งทีมที่ 4 และฆ่าจังหวะของพวกเขา」

ตัวหมากรุกที่มีเลข 4 เขียนอยู่บนมัน เคลื่อนไหวไปบนทางที่ศัตรูจะหันกลับและใช้บนแผนที่

「คนนั้นบัญชาการโดยไม่แม้แต่ไปชำเลืองมองสนามรบ」

「ชั้นไม่เคยเห็นนั่นมาก่อนเลย」

ทริสตันเปิดหนังสือเพื่ออ่าน เหมือนจะพูดว่า ‘ทั้งหมดที่เหลือคือรอ’ ระหว่างที่ทหารในฐานพูดด้วยควาทึ่ง แต่ตาของพวกเขา ไม่มีเงื่อนงำของความสงสัยอยู่เลย พวกเขาไม่มีเหตุผลี่จะต้องบ่น เมื่อบุคคลได้แสดงความสามารถ ที่จะสู้ได้อย่างดี กับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่า 10 เท่า

「ผู้บัญชาการป้องกัน รายงานฉุกเฉิน มันดูเหมือนส่วนหนึ่งของศัตรูแยกออกมา และทำการลาดตระเวนอย่างทั่วถึง」

「ยังไงซะ นั่นปัญหานะ มาเคลื่อนไหวทีมไปที่นี่และที่นี่ หน่วยลาดตระเวนไม่ควรจะทรงพลังขนาดนั้น ดังนั้นเรากำจัดพวกเค้าได้ถ้าเราล่อพวกเค้าอย่างถูกต้อง」

ตรงกันข้ามกับคำพูดของเขาทริสตันไม่ได้ดูเหมือนจะใจร้อนเลยซักนิด และออกคำสั่ง ระหว่างที่ถือหนังสือในมือหนึ่ง

「ถ้าพวกเค้าส่งทีมลาดตระเวนตอนนี้ งั้นพวกเค้าจจะไม่ทำมัน เมื่อศัตรูอยู่ตรงหน้าของพวกเค้าไม่มีความหมายมากในการจบพวกเค้าเมื่อบริเวณทั้งหมดรอบๆนายน่าสงสัย………ไม่ว่ากรณีไหน ศัตรูนี้แค่เหมือนหนึ่งในหนังสือ」

ทหารแอบมองอย่างสงสัย ดังนั้นทริสตันเปิดหนังสือขึ้นและโชว์ให้พวกเขาดู

「นี่ ดู เรื่องต้องห้ามในสงครามม — “รุกรานศัตรูโดยไม่รู้ตำแหน่ง หรือภูมิประเทศ/เส้นทาง” “ใช้อาหารและน้ำที่ทิ้งอยู่นดินแดนของศัตรู” “เชื่่อข้อมูลที่ได้จากพื้นที่ของศัตรู โดยไม่ตรวจสอบความจริงอย่างใกล้ชิด” …….เห็นมั้ย? ศัตรูทำทุกอย่าที่นายไม่ควรจะทำ ดังนั้นแน่นอนว่า เรามีเวลาที่สบาย」

「แม้อย่างนั้น ท่านพิจารณาที่จะไม่ให้ศัตรูที่มีมากกว่า 10 เท่ารุกรานเป็นผลของความสามารถของท่านเหรอ」

「ศัตรูจัดระเบียบเป็นหลายขบวนแถว ดังนั้นมันดูเหมือนพวกเค้าไม่ได้เอาทหารผ่านศึกมาเลย เราให้ทีม 50 คนสู้ในแถวทหาร 10,000 แนวตั้งได้ จริงๆแล้วเรามีประมาณ 100 คนสู้พวกเค้า อะไรๆจะง่ายกับเรา ถ้าเราแค่วิ่งหนี ก่อนที่พวกเค้าจะรวมกันได้」

「มันเป็นอย่างนั้นเหรอ?」

「ใช่ การเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดของศัตรู คือมาที่ราเฟนเป็นเส้นตรง ถ้าพวกเค้ามาเป็นเส้นตรงใส่เราจากข้าหน้า เราจะมีทหาร 10 เท่าของจำนวนเรา ที่ยังมีชีวิต และมาเคาะประตูเรา ชั้นได้ทำการเตรียมการอบๆราเฟนเผื่อไว้ แต่มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากกว่าที่มันเป็นตอนนี้」

จริงๆแล้วกรณีที่เมื่อเจอศัตรูที่จำนวนน้อยกว่า ทางแก้ที่ดีที่สุดคือแค่ชาร์จาเป็นเส้นตรงโดยไม่ต้องมีเล่ห์กลเล็กน้อยใดๆ ทริสตันต้องได้จำเวลาที่ความมั่นใจขอเค้าถูกกขยี้ ขณะที่เค้าทำหน้าที่ไม่พอใจเล็กน้อย

「ยังไงซะ ยังไงชั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะสร้างประเทศของชาวนาอยู่ดี บางที่นี่อาจเป็นชะตา」

「งั้นถ้าศัตรูเปลี่ยนแผนในอนาคต และมุ่งหน้ามาที่ซาน โดร่าที่ความเร็วสูงสุด มันจะเป็นอะไรที่กินไม่ลงมั้ย?」

「เดาว่างั้น……ชั้นจะปล่อยมหารม้าธนู 300 ไว้ข้างหลังเผื่อไว้ แต่…….นั่นจะแย่」

ทหารดูไม่สบายใจอีกครั้ง แต่ทริสตันยิ้ม

「แต่มันจะสายเกินไปนะ เห็นมั้ย ดู……」

ดั่งทริสตันคิดเสร็จแล้ว เขาโยนกระบองสั่งการไปบนแผนที่ที่กางออกไปที่โต๊ะ ถ้าฟังดีๆ คนหนึ่งอาจได้ยินเสียงเชียร์ของความสุข จากทหารบนหอสังเกตุการณ์

「ศัตรูไม่มีความได้เปรียบทางจำนวนอีกแล้วน่ะ เห็นมั้ย」

ธงดำสนิทโบกสะบัดอยู่ลับเส้นขอบฟ้า ควันที่ขึ้นมาในอากาศ ไม่ใช่หมอก หรือทรายที่ขึ้นมาจากลมฤดูหนาว มันเป็นฝุ่นที่ขึ้นมาโดยการเคลื่อนที่ของม้าหลายพัน

「ดูเหมือนจะหมดเวลาแล้ว」

ทหารในฐานยื่นหัวออกไปจากหน้าต่าง และโบก ธงกองกำลังหลักของลอร์ดศักดินา ได้กลับมาจากมากราโดในที่สุด ตอนนี้ เขารู้ว่างานเขาจบแล้ว ทริสตันหยิบหนังสือขึ้นด้วยมือหนึ่ง และจิบชาของเขา

———————————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

 「ธงของมิตรโบกอยู่ที่ซาน โดร่า! มันไม่ได้ดูเหมือนพวกเค้าถูกล้อม」   

ซีเลียให้ข้อมูลผมอย่างมีความสุข

 「งั้นทริสตันก็ได้เสร็จงานของเขา ชั้นเตรียมตัวที่ซาน โดร่าจะโดนล้อมไปแล้ว แต่เค้าค่อนข้างเป็นคนที่น่าประทับใจเลย」   

 「ตอนนี้เราได้มาถึงแล้ว ศัตรู 10,000 คน หรือประมาณนั้น  จะไม่เป็นปัญหาเลยซักนิด มากวาดล้างพวกมันอย่างทั่วถึงเถอะ」   

 「พวกมันจะถูกแทงทั้งหมด!」      

ไมล่าและไอริจิน่ากำลังใจสูงด้วย แต่อย่าพูดอะไรที่สุดขีดนักสิ

 「……อออุ่」   

นั่น ดู เซเลสติน่ามีปัญหาแล้วตอนนี้ ในสายตาของเธอ พลเมืองคือคนที่เธอควรจะปกป้อง แม้ว่าเธอจะถูกไล่ออกมา เพราะเซเลสติน่าใจดีเป็นพิเศษ เธอคิดว่าการถูกไล่ออกมา ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเธอด้วย

บนทางมาซาน โดร่า เราให้กิโด้กลับไปที่ราเฟน และนำเซเลสติน่ามาด้วย มันทำให้เราช้านิดหนึ่ง แต่สถานการณ์ไม่ได้ดูเหมือนจะสิ้นหวัง จากที่ทริสตันบอกผม และควรจะมีประโยชน์ที่มารับสาว แทนที่จะไปถึงหนึ่งหรือสองวันก่อนหน้า

 「มาที่นี่สิ」   

ผมอุ้มเซเลสติน่า ผู้ที่เกาะกับโมนิก้า

 「……พี่ชาย พี่จะฆ่าทหารของมอลต์ทั้งหมดเหรอจ๊ะ?」   

 「แน่นอน! พวกเค้าเป้นกองทัพที่รุกราน ดังนั้นน้องคิดว่าเราจะปล่อยเค้าไปจากที่นี่-!!」   

ผมจกนิ้วเข้าปากซีเลีย เพื่อให้เธอหยุดพูด เกี่ยวกับการปลิดชีวิตศัตรู ผมคิดว่าเธอเงียบไป แต่จริงๆแล้วเธอเลียนิ้วผมพร้อมหน้าที่แดง มันรู้สึกเหมือนซีเลียจะร้อนบ่อยนะหลังๆ

 「พวกเค้ามาเพื่อโจมตีเรา ดังนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากสู้พวกเค้า ถ้าเราปล่อยพวกเค้าไว้ ง้นทุกคนจะกลายเป็นเหมือนพ่อของเซเลสติน่า」   

 「จ้ะ แต่……นั่นเกิดขึ้นเพราะหนูผิด มันไม่พอที่หนูถูกไล่ออกมาเหรอ?」   

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยังมือไว้แบบนั้นในสงคราม แต่เรายับยั้งการกวาดศัตรูให้เกลี้ยงได้ บวกกันกับ ไม่มีความหมายมากในการทำแบบนั้นด้วย

 「นี่เป็นการต่อสู้ หนูเห็นมั้ย แต่ เรายังทำได้มาก ขณะที่เราลดจำนวนคนตาย ดังนั้น เซเลสติน่าจะช่วยพี่ด้วยม้้ย?」   

เซเลสติน่าร่าเริงขึ้นในทันที รอยยิ้มของเธอส่องสว่างอย่างสดใส

 「จ้ะ! แน่นอน! ถ้ามันเป็นบางอย่างที่หนูทำได้ หนูจะทำทุกอย่างเลยจ๊ะ」   

ผมลูบหัวเธอ เพื่อที่จะบอกเธอว่าเธอเป้นเด็กดีแค่ไหน และคืนตะวันน้อยที่มีความสุขกลับไปให้โมนิก้า จากนั้น ผมกระซิบบางอย่าง เข้าหูผู้หญิง

 「อย่าให้เธอไปข้างนอกเต็นท์เมื่อการต่อสู้เรื่มขึ้น ให้เธอนอนด้วยเหล้าหรือบางอย่าง」   

โมนิกา อาจจะเป็นแค่ผู้ดูแลในศาลหลวง แต่มันไม่เหมือนว่าเธอจะไม่รู้เรื่อง ว่าอะไรเกิดขึ้นในสนามรบ ปรกติแล้ว เธอจะตอบด้วยคำพูดจิกกัด แต่เวลานี้ เธอพยักหน้าเงียบๆ

 「……งั้น ทำไมผมมาด้วย?」   

หลังจากที่ได้พักหนึ่งคืนในซานโดร่าเรามุ่งหน้าออกไปสู่ศึกตัดสินกับศัตรู ตอนนี้ที่เรามาถึงแล้ว กองทัพป้องกันหมดความหมาย ดังนั้นหน่วยที่ทำมันดีที่สุดทั้งหมดจะกลับไปที่ซานโดร่า และพักหายใจ และตอนนี้ ที่ทริสตันเสียตำแหน่งผู้บัญชาการป้องกันไป เขาจะไปด้วยกันกับผม

 「การป้องกันจบแล้ว ไม่ใช่เหรอ? โปรดให้ผมกลับไปที่ราเฟนเหอะ」   

 「ชั้นทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก มันจะมีเหตุผล สำหรับนาย ที่จะได้เห็นงานจนจบ」   

 「เอออ๋ แต่มันหนาวอ่ะ」   

ช่างเป็นเด็กเวรเอาแต่ใจจริงๆ ฤดูหนาวในที่ราบกลางไม่มีอะไรเลย เมื่อเทียบกับฤดูหนาวในสหพันธรัฐ นอกจากนี้ ทำไมนายบ่นวะ ในเมื่อนายขึ้นรถม้ามีหลังคา   

 「ไปฝึกขี่ม้าหน่อยดีมั้ยงั้นอ่ะ!? นายเป็นทหารนี่ ใช่ป่าว?」   

 「ไม่มีทาง ผมจะตาย」   

ความสามารถที่ใช้แรงกายไม่ได้ของทริสตันมันฝังรากลึก ดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวขอเขาเป็นมารยาทก็มีใบมีดถูกนำออกด้วย แม้ว่าดาบจะเป็นเล่ม เขาจะใช้มันอย่างถูกต้องไม่ได้ และมีความเป็นไปได้ที่ท่วมท้น ว่าเขาจะฟันเอาขาตัวเอง ภาพที่เขาหัวทิ่มตกจากม้าทันทีที่ขึ้น ก็เข้ามาในใจผมด้วย

 「ได้ พอแล้วถ้างั้น งั้นมีอะไรอื่นเป็นพิเศษ ที่จำเป็นจะต้องรายงานให้ชั้นมั้ย」   

 「ฮ่าาา……ไม่ ไม่มีจริงๆ ศัตรูจะทำการเดินทัพที่ไม่จำเป็นต่อไป และกองกำลังของเขาไม่ได้ลดไปมากขนาดนั้น แต่มีความเหนื่อยจากการโจมตีไม่ทันตั้งตัวเป็นระยะๆของเรา มันตรงๆเหมือนกับที่ผมรายงานไปให้ท่านก่อนหน้า แต่พวกเขานั้นค่อนข้างที่จะไม่มีทักษะ และพวกเค้าไม่สามารถที่จะใช้ขบวนแถวดีๆ ที่จะป้องกันกับการโจมตีไม่ทันตั้งตัวได้เลย」   

 「ฟุมุ นายมีตำแหน่งของพวกเค้ามั้ย」   

 「ครับ พวกเค้าอยู่ที่นี่บนแผนที่……พวกเค้าควรจะไปผ่านป่าที่นี่ พวกเค้าเดินหน้ากันอย่างช้า ระหว่างที่เตรียมตัวรับมือกับการโจมตีไม่ทันตั้งตัวของเรา ดังนั้นผมคิดว่า มันควรจะใช้เวลาพวกเค้า จนถึงพรุ่งนี้เช้า ที่จะผ่านมัน」   

 「ได้เลย งั้นเดินหน้ากองทัพไปที่ราบผ่านป่า เราจะโจมตีพวกมันทั้งหมดที่เดียวในที่เปิด เราจะส่งกลุ่มน้อยๆของทหารม้าหอกและธนูไปข้างหน้าและกำจัดหน่วยสอดแนมของศัตรูเป็นระบบ แต่ทำให้มั่นใจ ว่าพวกเค้าไม่ค้นพบตำแหน่งของเรา」   

 「สำหรับผมมันก็ฟังดูโอเคนี่?」   

 「นายพูดในท่าทีไม่สุภาพอีกแล้ว!」   

 「ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมไปเลยครับ」   

 「ในที่สุด!? มันก็ได้เวลาแล้วตอนนี้ ใช่มั้ย!!?」   

ไมล่าก็ไม่ได้ดูเหมือนจะค้ดค้านใดๆด้วย มาสอนพวกมันเถอะ ว่าการต่อสู้บนสนามจริงๆมันเป็นยังไง

—————————————————————   

วันต่อมา กลางวัน

 「มันมาให้เห็นแล้ว……แถวที่แย่จัดจริงๆ」   

ทหารของกองทัพอาณาจักรมอลต์ 10,000 คนเดินทัพมาสู่เรา ในขบวนแถวตรงยาวๆเลื้อยไปเลื้อยมา พวกมันแค่เดินมั่วๆกันไปตามถนนเป็นแถว โดยไม่มีทีมไหนถูกส่งไปที่ขวาหรือซ้าย

 「แม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ถึงการมาตรงนี้ของเรา นี่เป้นดินแดนของศัตรู หนูไม่รู้ว่าพวกมมันแค่กล้าหรือโง่ ที่เดินทัพตรงเป็นสองแถวแบบนี้」   

นี่มันเกือบเหมือนการเดินทัพพาเหรดในเมืองหลวง เพื่อฉลองชัยชนะ — ขบวนแถวที่ไร้การป้องกัน   

 「พวกมันน่าจะโง่」 「พวกมันโง่」 「พวกมันโง่!!」         

นั่นหมายถึเราจะโจมตีไม่ทันตั้งตัวพวกเขากี่ครั้งที่เราต้องการก็ได้

 「ถ้าพวกมันซ่อนทหารม้าไว้ที่ด้านข้าง พวกมันอาจจะรอช่วงเวลานี้」   

 「……ขออภัย」   

มันไม่เหมือนว่าผมโทษไมล่า ผมแค่คิดว่าลีโอโพลต์จะพูดบางอย่างแบบนั้นถ้าเขาอยู่ที่นี่ บวกกันกับ ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนอยากกวาดล้างพวกมันเลยซักนิด

 「พวกมันได้รู้แล้วว่าเราอยู่ที่นี่……ทั้งสองฝั่ง? พวกมันจะส่งคนไปทั้งสองฝัง」   

 「พวกมันไม่ได้จะส่งคนไปซ้ายกับขวา พวกมันแค่กระจายตัวกันสุ่มๆ」   

 「กองทัพอาณาจักรและหน่วยทหารราบ จะเดินหน้าระหว่างที่อยู่ในตำแหน่งแนวนอน ทหารม้าจะวางตำแหน่งไว้ที่ด้านข้้าง และหาช่องตัดเข้าไป」   

ทหารเคลื่อนที่ไปตามคำสั่งของไมล่า ไม่ได้จะอวดอะไรนะ แต่กองทัพอาณาจักรที่ถูกฝึกโดยอีริช และกอัพผม ฝึกมาโดยผม เคลื่อนไหวกันเร็วมาก มมันเหมือนพวกเขามีเวลาล่าช้าที่มีพวกเขาก่อน และจากนั้นกองทัพของอาณาจักรมอลต์ตรงหน้าของพวกเขา

เมื่อเทียบกับทหารศัตรูที่วุ่นวาย กองทัพของเรา ชิดระยะในท่ารูปแบบเป็นระเบียบจากที่ผมเห็นได้ศัตรูที่ลนลานดูเหมือนจะดินรนแค่จากการให้ทหารขึ้นมาอยู่ข้างหน้า

และจากนั้น กลุ่มที่ดูเหมือนทีมพลธนูดันทางออกมาข้าหน้าแถวของศัตรูได้ยังไงก็ไม่รู้ ไม่นานหลังจากที่กองกำลังมิตร ได้ออกคำสั่เพื่อที่จะพร้อมโล่ ศัตรูยิงธนูทั้งหมดทีเดียว

 「พวกเค้าคิดอะไรอยู่วะเนี่ย?」 

ระยะยังมากเกินไป แม้แต่คนที่มีทักษะที่สุดของทหารม้าธนู ยังแทบจะยิงระยะนั้นไม่ได้เลย ดังนั้นการเล็งของศัตรู สะเปะสะปะไปทุกที่ แน่นอน ลูกธนูของพวกมันตกลงพื้นอย่างไร้ดอกไร้ผล และไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเรา ทหารของผมแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

 「เราควรจะยิงกลับไปมั้ย?」   

 「นั่นจะเสียลูกธนูเปล่า ปล่อยพวกมันไว้จนกว่านายเข้าไปสู่ระยะแล้ว」   

ทหารมิตรยองๆไปข้างหน้าและชิดระยะ

 「เร่งความเร็วขึ้น!」   

ถ้าทหารเดินรีบๆ พวกเขาจะเดินเร็วข้น โดยพื้นฐานแล้วผมได้ยินศัตรูเล็ดเสียงครวญที่กระสับกระส่ายออกมา

 「เร็วขึ้นอีก!」   

ทหารเร่งยิ่งมากขึ้นไป แม้ว่าขบวนแถวจะเละไปเล็กน้อย พวกเขาอยู่ในระยะการยิงแล้ว และศัตรูกับลังจะปล่อยลูกธนูอีกครั้ง

 「ยิง」   

 「-ถอออออ—-!!」   

ซัดศัตรูน่วม พลธนูมิตรขอผมและทหารม้าธนูยิงชดลูกธนูสูงไปในอากาศพร้อมๆกัน ไม่เหมือนการโจมตีมือสมัครเล่นก่อนหน้า ลูธนูหลายพันบินไปในอากาศเป็นแนวโค้งที่สวย และตกเป็นฝนลงไปที่ศัตรู

 「อุว้าาาาาาา!」 「นี่อะไรกันวะ!?」      

การเล็งเป้านั้นแม่นยำและความแรงนั้นยิ่งใหญ่เพราะที่พวกเขายิงไปสูงในอากาศมากแค่ไหน หน่วยพลธนูที่ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าล้มตาย และแถวของพวกมันไร้ระเบียบในทันใด

ผู้บัญชาการไม่ปล่อยให้โอกาศให้ลื่นผ่านเงื้อมมือของเขาไป

 「ช้าร์จจจจ—-!」   

 「โอออออออ้–!」   

ทหารคำรามพร้อมกันและพุ่งไปข้างหน้าอย่างดุดัน พวกเขาไม่ได้ให้เวลาศัตรูยิงอีกชุด และศัตรูได้ปรากฏว่ากดดันเล็กน้อย แค่จากที่เห็นทหารวิ่งใส่พวกเขา

 「มาแล้ว! พวกมันมาแล้ววว!」   

 「ฮฮฮฮฮฮฮฮิ้! แม่จ๋า-!」   

 「อุว้าาาาา」   

ใช้จังหวะจากการวิ่ง ทหารฟันและเหวี่ยงหอกและดาบใส่ศัตรูที่ถือโล่ เริ่มหนึ่งในหลายการต่อสู้ระยะใกล้ เรามีความได้เปรียบด้านจำนวน ดังนั้นทหารราบปะทะกับข้างหน้าระหว่างทหารม้ายืนพร้อมอยู่ที่ด้านข้าง เมื่อศัตรูเริ่มจะทรุดและเปลี่ยนขบวนแถว ทหารม้าจะชาร์จเข้าไปและขัดจังหวะทันที

 「ยังไงซะ มาดูกันว่าการต่อต้านแบบไหนที่ทหารของมอลต์จะมีได้」   

กาารปะทะแรกนั้นจริงๆแล้วแค่วัดพลังของศัตรู

 「ศัตรู พวกเค้าเริ่มทรุดแล้ว!」   

 「ฮ๋านนน!?」   

ไมล่าและผมมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ เมื่อซีเลียตะโกน

 「ทรุด? มันยังไม่ถึงห้านาทีตั้งแต่ที่เราปะทะกับพวกเค้า」   

 「แต่ จริงๆแล้วพวกเค้า……」   

เมื่อดูแถวของกองทัพมอลต์ มันเละเทะ และพวกเขาวิ่งไปทั่วในความสับสน ทหารที่หนีดันทหารข้างหลัง ระหว่างที่ทหารที่ล้มถูกเหยียบและฆ่าตายแค่แบบนั้นเลย มันไม่ได้เป็นรูปแบบของการหลอกตา หรือถอยทัพเล็กน้อย มันเป็นการแตกพ่ายของแท้

 「อะ อ่อนแอมาก พวกเค้าอ่อนแอมากขนาดนั้นได้ยังไง?」   

 「การแทง……คงต้องรอ!」   

ไมล่าตะลึงจนโง่ ระหว่างที่อิริจิน่าและผมลดหอกที่เรากำลังจะเหวี่ยง

 「ทหารม้าธนูรอคำสั่งอยู่」   

เพราะการทรุดตัวเกิิดขึ้นเร็วมาก ลูน่ากลับมาถามว่าพวกเธอควรจะทำอะไร

ถ้าเราไล่ตามพวกเขาไปที่นี่ เรากวาดล้างพวกเขาให้หมดได้แน่ พวกเขาค่อนข้างที่จะไกลจากดินแดนตัวเอง ไม่มีพวกมันซักคนควรจะสามารถกลับไปได้ถ้าเราไล่ตามพวกเขาหลายวัน

 

 「ไม่ ไม่ต้องไล่ตาม ถ้าดูเหมือนพวกเค้าจะสู้ จบพวกเค้าด้วยธนู」      

 「แต่ทำไม่ล่ะ!? เราควรจะกวาดล้างด้วยการตีกวาดทีเดียวที่นี่!」   

อะไรที่ซีเลียพูดนั้นถูกต้อง แต่โมนิกาต้องได้ล้มเหลวที่จะหลอกเธอ เพราะเซเลสติน่าได้แอบโหม่หัวออกมาจากเต็นท์ครึ่งหัว และดูอนาถมาซักพักแล้ว

 「ความเปราะบางนั้นอธิบายไม่ได้ ว่าแค่เพราะพวกเค้าอ่อนแอ ผมคิดว่ามีเหตุผลที่ทำไมกำลังใจของพวกเขานั้นไม่มีตัวตนอยู่เลย」   

ทริสตันเสริมเข้ามาระหว่างที่ดื่มชาของเขา

 「นายน่าจะถูก ดังนั้นมันควจะไม่เป็นไรที่จะให้พวกเค้าหนี นอกจากนี้ อาณาจักรมอลต์ทั้งหมดอาจจะสิ้นซาก ถ้าเราสังหารหมู่พวกเขาเยอะมากขนาดนั้น」   

มีทหารศัตรู 10,000 และคนอยู่ 200,000 ในอาณาจักรมอลต์ แต่ทหรมีครอบครัวที่เขาหาอาหารให้ และเป็ชาวนาเพิ่มเติมจากการเป็นทหาร ดังนั้นพวกเขาเป็นกำลังคนทำงานด้วย ถ้ากำลังคนทำงานนั้นทั้งหมดได้หายไป ประเทศจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นเลย

 「นั่นจะไร้ความหมาย」   

เพราะทั้งหมด ผมพาเซเลสติน่ามาที่สนามรบที่อันตรายนี้ ในความหวังที่ผมทำอะไรเกี่ยวกับมอลต์ได้

 「หนูพอแล้วกับ……การสู้」   

เซเลสติน่าฝังหน้าที่ร้องไห้ของเธอ ไว้ที่อกของโมนิกา อย่ากังวล ถ้าอะไรๆมันอย่างที่เราคาดไว้ จะไม่มีการฆ่าอีกต่อไปแล้ว

เราได้รับการเสียกำลังพลศูนย์ จากการทรุดตัวอยู่ฝ่ายเดียวของศัตรู ด้วยศัตรูที่วิ่งหนีเร็วมากกองทัพมิตรของเราไม่ได้ไล่ตาม จำวนรวมผู้เสียชีวิตของศัตรูหยุดที่หนึ่งพัน

เราทำการเดินทัพต่อและขับไล่ศัตรูที่ถอยทัพหนีไป ข้ามไปยังพรมแดนอาณาจักรมอลต์ด้วยตัวเราเอง

อีกครั้ง คริสตอฟถูกยิงที่หมวกเกราะด้วยลูกธนูหลงทิศโดยลมและตกม้าของเขา น็อคหมดสติ แต่เขาไม่ได้บาดเจ็บที่อื่นนะ

—————————————————————   

เรื่องราวด้านข้าง: ตัวแทน

 「ผ่อนคลายแล้วอยู่นิ่งๆ พี่จะมอบความรักให้หนูเยอะๆ」   

 「ลอร์ดศักดินาซามะขา……มันเป็นวันอันตรายสำหรับหนูนะวันนี้……」   

 「งั้นก็มีลูกของพี่ หนูเตรียมตัวรึยัง?」   

 「อาา……หนูก็จะเป็นแม่ด้วย……หนะ-หนา! มันเจ็บบบบบบ!!」   

 「ทนมัน มันจะดีขึ้นไม่นาน」   

 「อาาาา ลอร์ดศักดินาซามะ! หนูรักพี่ ลอร์ดศักดินาซามะ! ช่างมหัศจรรย์……หนูร้ากพพพพี่ !!」   

 「จะแตกแล้ว! อุโอออ้!!」   

 「จะแตกแล้ววววว!!」   

หลังจากทั้งสองหยุดตะโกน เมดที่ยังใส่เสื้อผ้า ผู้ที่กางเกงในถูกเลื่อนออกไปด้านข้าและเปิดนม ทรุดลง เธอขอจูบอีกซักครั้ง ด้วยสีหน้าที่ชักชวน พันลิ้นขอเธออย่างเหลือเฟือ ก่อนจะล้มไปบนเตียง และนอนหัวลง

 「ขอบคุณมากเมลิสซ่าซัง」   

 「อ้า ได้……หนูมีความสุขถ้าพี่พอใจ」   

ดิลโด้ที่เปียกยื่นออกมาจากดากเมลิสซ่า นั่นคือน้ำหวานแห่งความรักของผู้หญิง ที่เปลี่ยนสีมันไปถึงแก่น ทำให้มันดูสีเข้มขึ้น

 「หนูไม่คิดว่าหนูจะสามารถผ่านเวลา เมื่อลอร์ดศักดินาซามะไม่อยู่ที่นี่ได้เลย ถ้ามันไม่ใช่เพราะเมลิสซ่าซัง หนูมีอีกสองคนที่พวกพี่เค้าอยากจะให้พี่ช่วยด้วย……」   

 「อ้า ได้เลย หนูจะไปกับอยู่กับพวกเธอหลังจากที่หนูพัก」   

 「โอ้ ดีเลย! ทุกคนน่ะเหงาเมื่อไม่มีลอร์ดศักดินาซามะ และได้ปลอบโยนกันเอง แต่มันไม่พอเลยซักนิด…….แล้วก็ สองคนนั้นดูเหมือนจะมีความสุขกับการโดนข่มขืน มันจะดีถ้าพี่ใช้กำลังกับพวกเธอได้ พวกเธอคนนึบก็ชอบให้กระซวกรูตูดด้วย」   

 「ข่มขืน……งั้นเหรอ?」   

 「เมลิสซ่าซัง พี่ใจดีจริงๆ……พี่ก็มีเสน่ห์ด้วย และหนูอาจจะเป็นนักโทษของพี่ ถ้าหนูไม่ได้เจอกับลอร์ดศักดินาซามะ」   

แม่บ้านร้องเสียงแหลม ขณะที่เธอจัดเสื้อ ซ่อนหน้าของเธอแและวิ่งไป เมลิสซ่า ตอนนี้อยู่คนเดียว ถอนหายใจ หลังจากดื่มน้ำจากแก้วของเธอไป

 「แม้บ้านสามคนตอนกลางวัน……แคทเธอรีน และมาเรียตอนกลางคืน……」   

เธอห่อไหล่ ละดึงดิลโด้ออกจากตัวเธอ

 「ทำไมมันเป็นแบบนี้……ทำไมมันเป็นแบบเนนนน้—-!!?」   

การร้องของเมลิสซ่า สะท้อนอยู่ในห้อง ไม่ได้ยินจากใครอื่น

—————————————————————

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 22 ปี ฤดูใบไม้ร่วง เวลาสงคราม

ผู้บัญชาการกองทหารที่สาม

ทีมลูกน้อง: 22,850

กองทัพส่วนตัว: 7880 (หน่วยที่ถูกพามาเพื่อต่อสู้เท่านั้น)

ทหารราบ: 2480, ทหารม้า: 500. พลธนู: 700, ช่าง: 300, ทหารม้าธนู: 3900 ปืนใหญ่: 7

กองทัพของอาณาจักร – 1 เหล่า: 14,970

ลูกน้องกองทัพ:

ซีเลีย (ผู้ช่วย), ไมล่า (รองผู้บัญชาการสูงสุด), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการ), ลูน่า (ผู้บัญชาการของทหารม้าธนู), ปีปี้, ทริสตัน (กองทัพป้อกัน), กิโด้ (บาดเจ็บหนัก)

ตำแหน่งปัจจุบัน: ชายแดนมอลต์

ความสำเร็จ: ยึดท่าแรนเดล, กวาดล้างกองทัพมากราโด, ชนะการต่อสู้ตัวต่อตัวกับแรดกัลฟ์, ยืดเมืองหลวงโอโดรอส (ร่วม), เอาชนะกองทัพอาณาจักรมอลต์ที่พูดกันว่าทรงพลัง

—————————————————————   

วายุ: ว่าเขาโกงอีกแล้วสิ

 แปลโดย: wayuwayu

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

วายุ แซ่จิว

กสิกรไทย

ถ้าท่านชอบและอยากอ่านเพิ่ม โปรดโดเนทสนับสนุนผู้แปลด้วยนะครับ สปอนเซอร์ตอนให้อัพโหลดเพิ่มทันที แจ้งได้ทาง Facebook : “wayuwayu แปล” ครับ