ตอนที่ 12

Earth’s Best Gamer

“พี่จี พี่ก็ออกจากระบบมาด้วยเหรอ?”

“มาได้ถูกจังหวะเลย สำนักงานต้องการประชุมกับเรา ไปที่นั่นด้วยกันนะ”

เมื่อจีเย่ออกจากระบบและกลับสู่โลก เจ้าอ้วนจีก็ได้ออกจากระบบมาก่อนเขาแล้ว

ชายคนคนหนึ่งจากสำนักงานสมาพันธ์กำลังรออยู่ด้านนอกของประตู

“ประชุม?”

“ฉันขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเสียสละเวลาอันมีค่าเพื่อมาประชุมที่นี่”

“พวกคุณทุกคนเป็นผู้ที่มีความสามารถที่สามารถผ่านการทดสอบครั้งแรก คุณควรได้รับภารกิจการตั้งถิ่นฐานใหม่แล้วใช่มั้ย?”

“เหตุผลที่เราเรียกประชุมทุกคนที่นี่เพราะเราต้องการให้คุณบอกเราถึงความยากลำบากที่คุณต้องเผชิญอยู่ เราจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญมาระดมความคิดเพื่อช่วยให้คุณทำภารกิจนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว!”

คนที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักของโต๊ะประชุมรูปไข่ขนาดใหญ่คือผู้นำวัยสี่สิบปีของสำนักงานสมาพันธ์

ฝ่ายของเขามีบุคลากรอีกหลายคนรวมถึงหัวหน้าหลิงเฉินจากกองกำลังปฏิบัติการหน่วยที่หนึ่งและนักวิเคราะห์ข่าวกรอง 2 คน

‘ผู้เล่นเบต้า’ ที่อยู่ในห้องนี้ประกอบด้วยชายห้าคนและหญิงสามคน

พวกเขาไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเสร็จสิ้นการทดสอบ ยังมีอีกสองคนที่ยังอยู่ในดินแดนแห่งมรดก พวกเขาไม่ได้ออกจากระบบในทันที ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยู่

อย่างไรก็ตาม การมีคนเพียงสิบคนที่สามารถเสร็จสิ้นการทดสอบในเมืองหยางนั้นเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างต่ำ

แม้ว่าการที่คนที่มีพรสวรรค์ย้ายเมืองจะเป็นปัญหาร้ายแรง แต่ก็มีคนมากกว่า 200 คนในเมืองหยางที่กลายเป็น ‘ผู้เล่นเบต้า’!

“…”

หลังจากได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน ทั้งแปดคนก็ไม่มีใครพูดออกมาในทันที บางคนก็ดูลังเล

“ผู้อำนวยการโจว เป็นเพราะมีคนทำภารกิจตั้งถิ่นฐานเสร็จแล้วงั้นเหรอ?”

คนแรกที่พูดก็คือชายหนุ่มที่หล่อเหลาและมั่นใจที่นั่งตรงข้ามกับจีเย่

“นั่นคือมู่หรง ลูกชายของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหยาง… ฉันไปร่วมงานเลี้ยงกับเขาครั้งหนึ่ง ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกเลือกเช่นกัน!”

เจ้าอ้วนจูนั่งข้างจีเย่และกระซิบด้วยสีหน้าประหลาดใจ

โดยปกติมักจะเป็นเช่นนั้น เด็กที่หล่อเหลา รวยและสูงในนิยายทั่วไปมักจะกลายเป็นศัตรูของทุกคน

จีเย่เงยหน้าขึ้นมา เขาไม่เลือกปฏิบัติกับใครเพียงเพราะตัวตนของเขาเป็นทายาทของครอบครัวที่ร่ำรวย!

และนอกจากนี้ คนรวยเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้ใครนั่งในสถานที่แห่งนี้ได้ มู่หรงมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในสายงานของเขา เขาไม่สามารถใช้ประตูหลังเพียงเพราะเขารวยและหล่อได้

แน่นอน มันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าดินแดนแห่งมรดกถือได้ว่าการสืบเชื้อสายเป็นหนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามคาดว่าอย่างน้อยที่สุดก็บุตรหลานของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 100 อันดับแรกก็สามารถถูกเลือกได้

“ตามที่สมาพันธ์บอกว่า ผู้เล่นต่างชาติทำภารกิจตั้งถิ่นฐานสำเร็จแล้ว!”

สีหน้าและน้ำเสียงของผู้อำนวยการโจวไม่ได้ดูมีความสุขมากนักเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาดูเคร่งขรึมอย่างชัดเจน

“เอ๊ะ…”

“มีคนทำสำเร็จแล้วด้วยเหรอ?”

“เร็วมาก!”

เกิดความปั่นป่วนในหมู่ผู้เล่นเบต้า

จีเย่ไม่ได้รู้สึกกังวลกับข้อความนี้มากนัก เพราะเขารู้ว่างูดำขั้นผู้บัญชาการตัวนั้นไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตามหากเขาเลือกที่จะแอบโจมตีในขณะที่แร้งทองกำลังต่อสู้กับงูดำ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสังหารมัน

เกล็ดของงูไม่ได้ทำลายไม่ได้ ลูกศรในหัวใจหรือจุดสำคัญอื่นๆ สามารถเอาชีวิตของมันได้อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุผลเดียวกัน หากคนอื่นมีความอาจหาญและพวกเขาโชคดี พวกเขาสามารถทำภารกิจตั้งถิ่นฐานได้อย่างรวดเร็ว!

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวที่อาจหาญมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เกิดความล้มเหลว

ผู้ที่ผ่านการทดสอบครั้งแรกน่าจะเป็นคนประเภทระมัดระวังซึ่งชอบการเตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ

“การเสร็จสิ้นภารกิจยังไม่ใช่จุดสำคัญ

ที่สำคัญก็คือหลังจากที่คนคนนั้นทำภารกิจสำเร็จและมาถึงถิ่นฐานของมนุษย์ได้สำเร็จ เขาก็ค้นพบว่าอันที่จริงแล้วมันคือหมู่บ้านในยุคของสาธารณรัฐ!”

สายตาของชายวัยกลางคนกำลังกวาดมอง ‘ผู้เล่นเบต้า’ ทั้งแปดคนราวกับว่าเขากำลังรอคอยอะไรบางอย่าง

“หมู่บ้านในยุคของสาธารณรัฐ…”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เล่นทั้งแปดคนที่ผ่านการทดสอบก็ตกตะลึง

นี่เป็นการพัฒนาที่น่าประหลาดใจอย่างไม่ต้องสงสัย!

สถานการณ์แบบไหนที่ ‘การตั้งถิ่นฐาน’ ในดินแดนแห่งมรดกเป็นแบบนั้นเหรอ?

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการคาดเดาทุกประเภทในฟอรั่ม

เช่น การเป็นเมืองเหนือจินตนาการ เมืองเวทมนตร์ นิกายการบ่มเพาะ หรือเมืองที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ึงไม่มีใครแปลกใจจหากมีสิ่งเหล่านี้ปรากฏออกมา

แต่หมู่บ้านทั่วไปจากยุคสาธารณรัฐ? เกิดอะไรขึ้น?

“บางทีดินแดนแห่งมรดกนี้ไม่ได้เพียงแต่จะรวมทุกอย่างในมิติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทางโลกด้วยเช่นกัน เราสามารถเดินทางข้ามไปยังต่างยุคได้ใช่มั้ย?”

ผู้เล่นหญิงกล่าวด้วยท่าทางตกใจ

“ไม่มีทาง เรารู้ว่าเรื่องทฤษฏีเส้นเวลามีข้อบกพร่องและม่มีมูลความจริงเลย”

มู่หรง ลูกชายของอสังหาริมทรัพย์ไม่เห็นด้วย แววตาของเขาเปล่งประกาย

“ใช่แล้ว มันถูกเรียกว่าดินแดนแห่งมรดก บางทีการตั้งถิ่นฐานอาจคัดลอกบางอย่างจากอารยธรรมในสมัยก่อนและคาดว่าผู้เล่นจะ ‘สืบทอด’ ประวัติศาสตร์ได้?”

หลังจากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะจำอะไรบางอย่างได้ ในขณะที่เขาจ้องไปที่ผู้อำนวยการวัยกลางคนและเอ่ยถามขึ้นมา

คำพูดเหล่านั้นทำให้ผู้เล่นเบต้าคนอื่นๆ คิดตาม!

“นั่นก็เป็นสิ่งที่เราเชื่อในตอนแรกเช่นกัน!

อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลสมาพันธ์ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากบุคคลที่ประสบความสำเร็จและผู้ที่ออกจากระบบเร็วกว่าคุณ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังตกตะลึงเล็กน้อย…”

หลิงเฉินที่มีฐานะค่อนข้างต่ำก็ทำหน้าที่เป็นเลขานุการชั่วคราวและเริ่มแจกจ่ายไฟล์ให้กับผู้เข้าร่วมประชุมด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

[เบื้องหลังการตั้งถิ่นฐาน : หมู่บ้านจากยุคสาธารณรัฐที่มีครอบครัวไม่กี่สิิบครอบครัว ถูกเรียกว่าหมู่บ้านเร็นซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวกับภูติผีมากมาย ในหมู่บ้าน มีเต๋าที่ประสบความสำเร็จ ลุงคนที่เก้าและลูกศิษย์ทั้งสองของเขาที่สามารถใช้พลังพิเศษได้…] 2

“ห้ะ หมู่บ้านเร็น? ลุงคนที่เก้า?”

พวกเขาอ่านข้อมูลที่เปิดเผยออกมาโดยผู้เล่นที่สำเร็จภารกิจการตั้งถิ่นฐานอย่างรวดเร็ว

ในห้องประชุม ดวงตาของผู้เล่นเบต้าทุกคนต่างก็เบิกกว้าง!

“ใช่ เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ หน่วยงานระดับสูงได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจากสาขาต่างๆ มาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“Lastly, an expert working as a part-time web novelist proposed a viewpoint. 1

“ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานเป็นนักเขียนนิยายบนเว็บแบบพาร์ทไทม์ก็ได้เสนอมุมมอง”

“เบื้องหลังของดินแดนแห่งมรดกส่วนใหญ่มักจะอิงมาจากวรรณกรรม ภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์ ตำนานและองค์ประกอบอื่นๆ ของอารยธรรมต่างๆ แก่นแท้ของโลกใบนี้น่าจะเป็นครึ่งมิติพิเศษที่มีอยู่ระหว่างจินตนาการและความเป็นจริง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าจะมีระบบกฏคล้ายกับเกม…”

ผู้อำนวยการโจววัยกล่งคนอ่านบทความในมือของเขา

การจะเข้าใจความหมายของคำเหล่านี้ในวัยของเขานั้นค่อนข้างยาก

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นเบต้าที่อายุตั้งแต่ 15 ถึง 35 แล้ว พวกเขาเข้าใจทุกอย่าง

“แต่ นักเขียนนิยายบนเว็บ…”

สำนักงานสมาพันธ์ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แม้แต่ความคิดเห็นของนักเขียนนิยายบนเว็บก็ถูกนำมาพิจารณาด้วย

ต้องเป็นที่รู้กันว่าคนที่เขียนนิยายบนเว็บเพียงแค่เขียนสิ่งที่อยู่ในใจ สิ่งที่พวกเขาเขียนเต็มไปด้วยช่องโหว่และข้อผิดพลาดทางตรรกะ!

อย่างไรก็ตามหากสมาพันธ์สามารถรับรู้มุมมองนี้ได้ก็จะต้องมีความน่าเชื่อถือ

“ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นถึงกับเสนอการทดลองและขอให้เราโปรโมทนิยายบนเว็บของเขาไปทั่วโลก!”

“เขาเชื่อว่าตัวละครในผลงานของเขาอาจจะสามารถ ‘นำสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงมาสู่ความเป็นจริงได้’ ทำให้มันปรากฏในดินแดนแห่งมรดกและกลายเป็นตัวช่วยเหลือสำหรับชาวโลก…”

หลิงเฉินผู้ที่แจกจ่ายข้อมูลเสร็จแล้วก็กลับไปที่นั่งและพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ

ผู้เล่นเบต้าตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น

คนเหล่านี้ที่เขียนนิยายบนเว็บมีจินตนาการที่ดุเดือด

เขาต้องการใช้อำนาจของประเทศเพื่อโปรโมทผลงานของเขา!

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในบรรดาคนที่ถูกเลือกจะต้องเป็นมืออาชีพในหมู่นักเขียนนิยายออนไลน์

เนื้อหาของการทดสอบของพวกเขาคืออะไร?

ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มผู้อ่านสัตว์ประหลาดที่ดุร้าย? หากเขาไม่สามารถปล่อยบทหรือเขียนพล็อตในช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อความพึงพอใจของมอนเตอร์ เขาอาจจะถูกทำลายโดยผู้อ่านสัตว์ประหลาดที่โกรธเกรี้ยวหรือไม่?

ให้ตายเถอะ นั่นน่ากลัวมาก!